มนุษย์เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับ 2 ตัวตน (พุทธ)
- ตัวตนแรก คือตัวตนที่เป็นเรา เกิดจากการหล่อหลอมสิ่งต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตของเรา
- ตัวตนที่สอง คือตัวตนในจิตใต้สำนึก เป็นตัวตนภายในจิตใจของเรา เกิดจากสมองที่สร้างขึ้นมา
ตัวตนทั้ง 2 มีความทรงจำเป็นของตนเอง เราจะไม่สามารถเข้าถึงความทรงจำตัวตนในจิตสำนึกของเราได้ในสถานการณ์ปกติ
ปกติแล้วตัวตนที่สองจะคอยชี้นำการใช้ชีวิตเราอยู่ห่างๆ บางครั้งด้วยการฝัน บางครั้งด้วยการพูดในใจ แต่อยู่ที่เราจะทำตามคำแนะนำของตัวตนที่สองของเราไหม แต่ลึกๆ เราจะรู้ว่าเราต้องการอะไร
การเข้าถึง พูดคุยกับตัวตนที่สองมีหลายวิธี
1. การนั่งสมาธิ
2. ในความฝัน
3. การใช้สารไซคีเดลิค (เช่นเห็ดไซโลไซบิน, เมสคาลีน)
บางครั้งตัวตนที่สองก็สามารถเข้ามาครอบครองร่างกายเราได้ ถ้าเราได้รับสารต่างๆ อย่างพอเหมาะ หรือเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือมี สติ สมองที่ผิดปกติไป (เช่นคนที่เสียสติ เพราะมีเรื่องกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก ตัวตนที่สองก็จะเข้ามาครอบครองร่างกายแทน เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง)
ตัวตนที่สองของเรามักเป็นคนดี เชื่อว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับความดี ในจิตใจของเรา แต่สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ต่างๆ ทำให้ความดีนั่นค่อยๆหายไป
ประโยชน์ของการเข้าถึง พูดคุยกับตัวตนที่สอง
1. คุณจะได้คำแนะนำดีดีจากตัวตนที่สองเสมอ
2. คุณจะถูกอบรมสั่งสอนจากตัวตนที่สอง (ไม่มีใครสอนคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง)
3. คุณจะเข้าใจโลกมากขึ้น ได้ความรู้ใหม่ๆ มากขึ้น จากสมองส่วนที่คุณไม่เคยใช้งาน
บางครั้งเวลาตัวตนที่สองจะสอนอะไรคุณ อาจจะสอนในรูปแบบที่ไม่ใช่คำพูดเสมอไป แต่เป็นการสอนด้วยการจำลองเหตุการณ์ หรือถ้าคุณใช้สารไซคีเดลิค ก็จะเรียกว่าการ Bad trip ซึ่งการ Bad trip ทุกครั้งคุณจะได้อะไรดีดีกลับมาเสมอ คุณจะมีสติใช้ชีวิตได้ดีขึ้น . . . และอาจจะได้พรวิเศษบางอย่างจากตัวตนที่สองของคุณ (เช่น มองโลกได้สวยขึ้น มีความสุขมากขึ้น ความคิดดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างดียิ่งขึ้น เล่นดนตรีเก่งขึ้น หรือสมองทำงานได้ดีขึ้น)
ตอนผมเข้าถึงตอนตนที่สองได้ จะมีคำสอนต่างๆ พุดขึ้นมาในหัวตลอด เวลาเราทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร แนะนำการใช้ชีวิตให้เรากับเราในทุกๆ ช่วงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่ผมได้รับ และได้เจอ
ผมเคย Bad trip ว่าแท้จริงแล้วผมเป็นโรคจิต ที่สร้างเรื่องจินตนาการต่างๆ เข้ามาในสมองและแยกแยะเรื่องจริง กับเรื่องที่สมองแต่งขึ้นไม่ได้ แต่กำลังรักษาตัวเองอยู่ ซึ่งครอบครัวได้ปิดเรื่องนี้กับผมเพื่อให้ผมมีความสุข และได้รักษาเยียวยาจิตใจผม (เหมือเรื่อง Shutter island) ผมนั่งไตร่ตรองอยู่นานมาก ถึงสิ่งที่เคยทำว่านี่หรือเราเป็นบ้าจริงๆ เราทำอะไรแปลกๆ มันก็ดูเข้าเค้ากับคำว่าบ้าจนเกือบคิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่พอผมหายเมา สรุปผมไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ ผมแค่หลอนไปเอง
ผมมานั่งไตร่ตรอง เรื่องต่างๆ ที่เคยทำในชีวิต ที่ทำให้เราคิดว่าหรือเราเป็นบ้า ผมได้เลิกทำนิสัยเหล่านั่น มันทำให้ชีวิตของผมพัฒนาขึ้น เป็นคนที่ดีมากขึ้น ต้อง ขอบคุณ ตัวตนที่สองมากๆ ที่เข้ามาสอนเราในรูปแบบต่างๆ อาจจะเพราะเคยสอนเป็นคำพูดไปแล้วแต่เราไม่ยอมฟัง เลยจำลองสถาณการณ์ขึ้นมาให้ได้รับชม
ตัวตนที่สองนี้ได้แก้ปัญหาชีวิตมากมายให้กับผม สุดท้ายแล้วเราจะเป็นอะไร อยากเป็นอะไรอยู่ที่เราเลือกที่จะเป็น แค่เรายอมรับฟังตัวเราเองเราก็จะมีความสุขในการใช้ชีวิต
"ตั้งแต่ได้รู้จักกับตัวตนที่สอง ชีวิตผมก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย"
มนุษย์ทุกคนมี 2 ตัวตนอยู่ในร่างกาย . . . (V.วิทย์)
- ตัวตนแรก คือตัวตนที่เป็นเรา เกิดจากการหล่อหลอมสิ่งต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตของเรา
- ตัวตนที่สอง คือตัวตนในจิตใต้สำนึก เป็นตัวตนภายในจิตใจของเรา เกิดจากสมองที่สร้างขึ้นมา
ตัวตนทั้ง 2 มีความทรงจำเป็นของตนเอง เราจะไม่สามารถเข้าถึงความทรงจำตัวตนในจิตสำนึกของเราได้ในสถานการณ์ปกติ
ปกติแล้วตัวตนที่สองจะคอยชี้นำการใช้ชีวิตเราอยู่ห่างๆ บางครั้งด้วยการฝัน บางครั้งด้วยการพูดในใจ แต่อยู่ที่เราจะทำตามคำแนะนำของตัวตนที่สองของเราไหม แต่ลึกๆ เราจะรู้ว่าเราต้องการอะไร
การเข้าถึง พูดคุยกับตัวตนที่สองมีหลายวิธี
1. การนั่งสมาธิ
2. ในความฝัน
3. การใช้สารไซคีเดลิค (เช่นเห็ดไซโลไซบิน, เมสคาลีน)
บางครั้งตัวตนที่สองก็สามารถเข้ามาครอบครองร่างกายเราได้ ถ้าเราได้รับสารต่างๆ อย่างพอเหมาะ หรือเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือมี สติ สมองที่ผิดปกติไป (เช่นคนที่เสียสติ เพราะมีเรื่องกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก ตัวตนที่สองก็จะเข้ามาครอบครองร่างกายแทน เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง)
ตัวตนที่สองของเรามักเป็นคนดี เชื่อว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับความดี ในจิตใจของเรา แต่สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ต่างๆ ทำให้ความดีนั่นค่อยๆหายไป
ประโยชน์ของการเข้าถึง พูดคุยกับตัวตนที่สอง
1. คุณจะได้คำแนะนำดีดีจากตัวตนที่สองเสมอ
2. คุณจะถูกอบรมสั่งสอนจากตัวตนที่สอง (ไม่มีใครสอนคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง)
3. คุณจะเข้าใจโลกมากขึ้น ได้ความรู้ใหม่ๆ มากขึ้น จากสมองส่วนที่คุณไม่เคยใช้งาน
บางครั้งเวลาตัวตนที่สองจะสอนอะไรคุณ อาจจะสอนในรูปแบบที่ไม่ใช่คำพูดเสมอไป แต่เป็นการสอนด้วยการจำลองเหตุการณ์ หรือถ้าคุณใช้สารไซคีเดลิค ก็จะเรียกว่าการ Bad trip ซึ่งการ Bad trip ทุกครั้งคุณจะได้อะไรดีดีกลับมาเสมอ คุณจะมีสติใช้ชีวิตได้ดีขึ้น . . . และอาจจะได้พรวิเศษบางอย่างจากตัวตนที่สองของคุณ (เช่น มองโลกได้สวยขึ้น มีความสุขมากขึ้น ความคิดดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างดียิ่งขึ้น เล่นดนตรีเก่งขึ้น หรือสมองทำงานได้ดีขึ้น)
ตอนผมเข้าถึงตอนตนที่สองได้ จะมีคำสอนต่างๆ พุดขึ้นมาในหัวตลอด เวลาเราทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร แนะนำการใช้ชีวิตให้เรากับเราในทุกๆ ช่วงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่ผมได้รับ และได้เจอ
ผมเคย Bad trip ว่าแท้จริงแล้วผมเป็นโรคจิต ที่สร้างเรื่องจินตนาการต่างๆ เข้ามาในสมองและแยกแยะเรื่องจริง กับเรื่องที่สมองแต่งขึ้นไม่ได้ แต่กำลังรักษาตัวเองอยู่ ซึ่งครอบครัวได้ปิดเรื่องนี้กับผมเพื่อให้ผมมีความสุข และได้รักษาเยียวยาจิตใจผม (เหมือเรื่อง Shutter island) ผมนั่งไตร่ตรองอยู่นานมาก ถึงสิ่งที่เคยทำว่านี่หรือเราเป็นบ้าจริงๆ เราทำอะไรแปลกๆ มันก็ดูเข้าเค้ากับคำว่าบ้าจนเกือบคิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่พอผมหายเมา สรุปผมไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ ผมแค่หลอนไปเอง
ผมมานั่งไตร่ตรอง เรื่องต่างๆ ที่เคยทำในชีวิต ที่ทำให้เราคิดว่าหรือเราเป็นบ้า ผมได้เลิกทำนิสัยเหล่านั่น มันทำให้ชีวิตของผมพัฒนาขึ้น เป็นคนที่ดีมากขึ้น ต้อง ขอบคุณ ตัวตนที่สองมากๆ ที่เข้ามาสอนเราในรูปแบบต่างๆ อาจจะเพราะเคยสอนเป็นคำพูดไปแล้วแต่เราไม่ยอมฟัง เลยจำลองสถาณการณ์ขึ้นมาให้ได้รับชม
ตัวตนที่สองนี้ได้แก้ปัญหาชีวิตมากมายให้กับผม สุดท้ายแล้วเราจะเป็นอะไร อยากเป็นอะไรอยู่ที่เราเลือกที่จะเป็น แค่เรายอมรับฟังตัวเราเองเราก็จะมีความสุขในการใช้ชีวิต
"ตั้งแต่ได้รู้จักกับตัวตนที่สอง ชีวิตผมก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย"