จากปัญหาที่ผมได้บอกเล่าไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ มันมีอีกหลายเหตุผล ที่ผมไม่สามารถเลี้ยงดูแม่ยาย และลูกติดของภรรยาได้ ผมอยู่กินกับภรรยาตั้งแต่ปี 2548 มีลูกสาว 1 คน อายุ 6 ขวบ ภรรยามีลูกติดอายุ 18 เกือบจะ 19 ปี นี่คือปัญหาที่ผมแบกรับมาตลอด
1 เรื่องลูกติด ผมเคยคิดจะเอามาเลี้ยงดูเอง โดยจะส่งเรียน แต่ต้องมาอยู่กับผม ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2551 แต่แม่ยาย ไม่ยอมให้ กีดกันไม่ให้ผมเลี้ยงดู ว่าไม่ได้ สอนไม่ได้ ผมไม่มีสิทธิ์ เขาเลี้ยงดูเองแบบตามใจทุกอย่าง อยู่แบบตามมีตามเกิด จนเด็กคนนี้จากผ้าขาว ก็กลายเป็นปัญหาของสังคม เรียนไม่จบ มีวุฒิการศึกษาแค่ ป.6 ทำตัวเสเพลไปวันๆ จนอายุ 15 มีเมีย ผมต้องเสียค่าใช้จ่ายใจการแต่งงานทั้งหมด จนอายุได้ 17 ปี โดนตำรวจจับข้อหาค้ายาบ้า เข้าไปอยู่สถานพินิจ แล้วออกมา ทางบ้านแม่ยายจะให้ผมนำมาเลี้ยงดู ตอนเป็นผ้าขาวทำไมไม่ให้ พอเสียคนแล้วจะให้ผมมารับผิดชอบ
2 เรื่องแม่ยาย แม่ยายผมอายุมาก มีลูกทั้งหมด 5 คน ผู้ชาย 4 คน ภรรยาผมเป็นคนสุดท้อง เลี้ยงดูกันแบบไม่มีแบบแผน การเป็นอยู่ อยู่กันในดงอบายมุข พี่ชาย 4 คนวนเวียนกันเข้าคุก ตลอดระยะเวลาที่คบกับภรรยามา เราต้องเป็นคนที่คอยไปประกันตัวและคอยเดินเรื่องต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งตัวแม่ยายก็เข้าคุกนับไม่ถ้วน คดีการพนันไฮโล ตัวเราเองต้องคอยไปประกันตัวตลอด ขึ้นโรงขึ้นศาลตลอด มันเป็นความสะสมที่เราต้องได้เจอ และที่รับไม่ได้เลยคือพื้นฐานครอบครัวของเราเองไม่เคยมีเรื่องยาเรื่องการพนันต่างๆ ที่จะต้องวนเวียนเข้าคุกตลอดเวลาแบบนั้น พื้นฐานครอบครัวของเราไม่มีอะไรแบบนั้น มันทำให้เราเก็บกดมาถึงปัจจุบันแล้วยิ่งตอนนี้จะบอกให้เราเลี้ยงดูคนพวกนี้มันทำให้เรารู้สึกไม่โอเคเลย
3 ผมเคยสงสารครอบครัวนี้ เห็นว่าไม่มีรถใช้ ผมจึงให้รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เพื่อให้เอาไว้ใช้ไปตลาด หรือเอาไว้ใช้ทั่วไป สุดท้ายสิ่งที่เขาทำกันคือ ให้เพื่อนบ้านยืมรถคันนี้ไปส่งยาบ้า โดนตำรวจจับ อายัดรถเป็นของกลาง รถคันนี้เป็นชื่อผมทำให้ผมต้องโดนเรียกไปสอบสวน โชคดีที่ตำรวจไม่ได้เอาผิดอะไร ผมสามารถนำรถออกมาได้ หลังจากนั้น ผมก็ยังใจดี สงสาร เอารถไว้ให้ใช้ต่อ สุดท้ายก็เอาให้ขี้ยายืมไปรื้อรถจนเป็นเศษเหล็ก ผมหมดคำที่จะพูด
จากความเก็บกดทั้งหมดนี้มันทำให้เรารู้สึกไม่โอเคกับครอบครัวนี้เลย ตลอดระยะเวลา 18 ปี ผมคิดว่าผมโดนเอาเปรียบมาพอแล้ว แล้วยิ่งตอนนี้จะให้ผมเลี้ยงดูคนพวกนี้ ผมคิดว่าผมคงทำไม่ได้ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนี้เครียดไปหมดครับ
ความจริงที่ยากจะยอมรับ
1 เรื่องลูกติด ผมเคยคิดจะเอามาเลี้ยงดูเอง โดยจะส่งเรียน แต่ต้องมาอยู่กับผม ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2551 แต่แม่ยาย ไม่ยอมให้ กีดกันไม่ให้ผมเลี้ยงดู ว่าไม่ได้ สอนไม่ได้ ผมไม่มีสิทธิ์ เขาเลี้ยงดูเองแบบตามใจทุกอย่าง อยู่แบบตามมีตามเกิด จนเด็กคนนี้จากผ้าขาว ก็กลายเป็นปัญหาของสังคม เรียนไม่จบ มีวุฒิการศึกษาแค่ ป.6 ทำตัวเสเพลไปวันๆ จนอายุ 15 มีเมีย ผมต้องเสียค่าใช้จ่ายใจการแต่งงานทั้งหมด จนอายุได้ 17 ปี โดนตำรวจจับข้อหาค้ายาบ้า เข้าไปอยู่สถานพินิจ แล้วออกมา ทางบ้านแม่ยายจะให้ผมนำมาเลี้ยงดู ตอนเป็นผ้าขาวทำไมไม่ให้ พอเสียคนแล้วจะให้ผมมารับผิดชอบ
2 เรื่องแม่ยาย แม่ยายผมอายุมาก มีลูกทั้งหมด 5 คน ผู้ชาย 4 คน ภรรยาผมเป็นคนสุดท้อง เลี้ยงดูกันแบบไม่มีแบบแผน การเป็นอยู่ อยู่กันในดงอบายมุข พี่ชาย 4 คนวนเวียนกันเข้าคุก ตลอดระยะเวลาที่คบกับภรรยามา เราต้องเป็นคนที่คอยไปประกันตัวและคอยเดินเรื่องต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งตัวแม่ยายก็เข้าคุกนับไม่ถ้วน คดีการพนันไฮโล ตัวเราเองต้องคอยไปประกันตัวตลอด ขึ้นโรงขึ้นศาลตลอด มันเป็นความสะสมที่เราต้องได้เจอ และที่รับไม่ได้เลยคือพื้นฐานครอบครัวของเราเองไม่เคยมีเรื่องยาเรื่องการพนันต่างๆ ที่จะต้องวนเวียนเข้าคุกตลอดเวลาแบบนั้น พื้นฐานครอบครัวของเราไม่มีอะไรแบบนั้น มันทำให้เราเก็บกดมาถึงปัจจุบันแล้วยิ่งตอนนี้จะบอกให้เราเลี้ยงดูคนพวกนี้มันทำให้เรารู้สึกไม่โอเคเลย
3 ผมเคยสงสารครอบครัวนี้ เห็นว่าไม่มีรถใช้ ผมจึงให้รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เพื่อให้เอาไว้ใช้ไปตลาด หรือเอาไว้ใช้ทั่วไป สุดท้ายสิ่งที่เขาทำกันคือ ให้เพื่อนบ้านยืมรถคันนี้ไปส่งยาบ้า โดนตำรวจจับ อายัดรถเป็นของกลาง รถคันนี้เป็นชื่อผมทำให้ผมต้องโดนเรียกไปสอบสวน โชคดีที่ตำรวจไม่ได้เอาผิดอะไร ผมสามารถนำรถออกมาได้ หลังจากนั้น ผมก็ยังใจดี สงสาร เอารถไว้ให้ใช้ต่อ สุดท้ายก็เอาให้ขี้ยายืมไปรื้อรถจนเป็นเศษเหล็ก ผมหมดคำที่จะพูด
จากความเก็บกดทั้งหมดนี้มันทำให้เรารู้สึกไม่โอเคกับครอบครัวนี้เลย ตลอดระยะเวลา 18 ปี ผมคิดว่าผมโดนเอาเปรียบมาพอแล้ว แล้วยิ่งตอนนี้จะให้ผมเลี้ยงดูคนพวกนี้ ผมคิดว่าผมคงทำไม่ได้ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนี้เครียดไปหมดครับ