เมื่อความศรัทธาโดนทำลาย จะนำธรรมะมาสร้างกำลังใจอย่างไรดี?

กระทู้คำถาม
นับถือเคารพศรัทธาท่านผู้หนึ่ง แต่วันหนึ่งมุมมองและแนวความคิดท่านเปลี่ยนไป  รู้สึกบั่นทอนจิตใจตัวเอง  เหมือนมีอะไรค้างอยู่ในใจ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
จะหาธรรมะมาสร้างกำลังใจให้กับตัวเองอย่างไร? ผมว่าเราก็ควรมองตามความเป็นจริงว่า ไม่ว่าเราจะไปรัก ไปศรัทธา ชื่นชอบใครๆ ที่ผ่านมาในชีวิตเรา คนที่เราต้องประสบพบเจอ เราต่างก็มองเขา(คนอื่นๆ ทั้งหมด) ผ่านอคติ คือตัวกิเลสในใจเราทั้งนั้น อคติในใจมนุษย์เรามีอยู่ 4 อย่าง
1. ฉันทาคติ ชอบ
2. โทสาคติ ชัง
3. โมหาคติ หลง
4. ภยาคติ กลัว

ความรู้สึกแบบนี้มันก็มีหลายระดับอีก เช่น คุณมีลูก 2 คน คุณก็จะมีฉันทาคติต่อลูกทั้ง 2 ไม่เท่ากัน ไม่มีทางที่คุณจะรักลูกเท่ากันเป๊ะ จะต้องมีชอบคนใดคนนึงเป็นลูกรัก รักคนนี้มากสุด รักคนนี้รองลงมา นี่ เพราะอะไร? เพราะใจเรามีกิเลสอยู่

หรือคุณมีศัตรูมากกว่า 1 คุณก็จะชังศัตรูคุณไม่เท่ากัน คนนี้เกลียดมากสุด คนนี้เกลียดเหมือนกัน แต่เกลียดน้อยกว่าคนนั้น นี่ เพราะอะไร? ก็เพราะกิเลสในใจอีกนั่นแหล่ะ

มีแฟนอีก ชีวิตนี้มีแฟนมาแล้วกี่คนก็จะรักไม่เท่ากัน บางทีเลิกกับคนนี้ไปแล้วแสนนาน แต่ใจมันก็ยังไปคิดถึงไปรักเขามากกว่าคนที่คบหาในปัจจุบัน นี่ แบบนี้ก็มี

ความกลัวอีก เอาคนมีอำนาจบาดใหญ่ที่สามารถเข่นฆ่าชีวิตเราได้เลยทั้ง 2 คนมาตั้งอยู่ตรงหน้า ต่อให้กลัวทั้ง 2 คน คุณก็จะกลัวเขาไม่เท่ากัน นี่ ก็เพราะกิเลส

ทีนี้ก็น้อมนำธรรมะข้อนี้แหล่ะ มาหาตัวเองว่าที่คุณไปศรัทธา คนที่คุณศรัทธา ศรัทธาเขามากในเริ่มต้นเพราะอะไร? เพราะชอบใช่ไหม แต่เพราะเขา คนที่คุณไปชอบไปศรัทธาไม่ใช่อริยบุคคลอย่างพระพุทธเจ้า เขายังเป็นปุถุชนอยู่วันนึงพอเขาเปลี่ยนไปตามกิเลสกรรมวิบากของเขา ศรัทธาคุณก็จะเปลี่ยนตาม ความขอบคุณก็เปลี่ยนตาม นี่ พอจะมองเห็นเหตุ ปัจจัยไหมครับ เพราะต่างคนต่างก็ยังมีกิเลส ความทุกข์ใจที่เกิดจากกิเลสก็ย่อมมีเป็นธรรมดาของมันครับ ดังนั้นขอให้คุณพิจารณาต่อไปว่า ก็ทุกข์นี้เกิดขึ้นแล้วกำหนดรู้แล้ว รู้เหตุของทุกข์แล้ว ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของท่าน จขกท เองที่จะหาทางทำให้แจ้งต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่