สุดเหิม! แก๊งยาใต้ ยกพวกดัก ปล้นยาบ้าของกลาง จากชุดปราบยาฯสงขลา ยึดปืน-รถไปด้วย
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7323950
 
 
สงขลา / แก๊งยาใต้ สุดเหิม! ยกพวกดัก ปล้นยาบ้าของกลาง จากชุดปราบยาฯสงขลา ยึดปืน-รถจนท.ไปด้วย
 
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการสืบสวนภาค9 พร้อม พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผู้กำกับการสืบสวนภูธร จ.สงขลา พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พ.ต.อ.ศิรโกศล ปราบกรี ผู้กำกับการ สภ.รัตภูมิ
เรียกประชุม ตำรวจชุดสืบสวนภาค9 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลา และเจ้าหน้าที่ศูนย์ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 สรุปเหตุการณ์และวางแนวทางการสืบสวนล่าตัวแก๊งคนร้ายราว 20 คน ที่ก่อเหตุปล้นชิงยาเสพติดของกลางจากเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา
 
ภายหลังล่อซื้อยาบ้าจำนวน 10 มัดหรือ 2หมื่นเม็ด จากนายธนกร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวจ.เชียงราย เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ควบคุมตัว นายธนกร มาสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมด้วยเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายทั้ง 20 คน เพราะเชื่อว่าน่าจะรู้จักกับกลุ่มคนร้าย
นอกจากนี้ ยังได้เชิญหัวหน้าชุดล่อซื้อพร้อม อส.อีก 5 นาย มาสอบสวนในรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย
 
ขณะที่แนวทางการสืบสวนล่าตัวคนร้าย ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี โดยแยกเป็นสี่เส้นทางคือ เส้นทางท่าชะมวง-หาดใหญ่ เส้นทางท่าชะมวง-สตูล เส้นทางรัตภูมิ-คูหา และเส้นทางเข้าบ้านนิคมร่วมพัฒนา ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อที่สามารถแยกไปได้อีกหลายเส้นทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ปล้นอุกอาจดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.ศิรโกศล ปราบกรี ผกก.สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา ร.ต.อ.ไพโรจน์ แก้วห่อทอง รองสว.สอบสวน รับแจ้งจากจ่าเอกไพรัช แก้วมณี เจ้าพนักงานปกครอง รอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา พร้อมอส.อีก 5 นายประกอบด้วย อส. นายเลิศฤทธิ์ ไชยพฤกษ์กุล, นายพิษณุ รัตนอุไร, นายอศิสักดิ์ หวังนิ, นายเฉลิมศักดิ์ ทองหวัง และนายสุทิพงษ์ สุวรรณชาตรี ว่าถูกแก๊งคนร้ายราว20คน ปล้นยาเสพติดของกลาง อาวุธปืนประจำตัวและรถยนต์ไป เหตุเกิดบริเวณทางเข้านิคมร่วมพัฒนา หรือศาลาเขียว พื้นที่หมู่11 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
 
จ่าเอกไพรัช ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ล่อซื้อยาบ้า จาก นายธนกร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวจ.เชียงราย ได้ของกลาง ยาบ้า จำนวน 10 มัด ที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านควนสะตอ หมู่ที่ 3 ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และได้ให้ นายธนกร ขยายผลล่อซื้อยาเสพติด ซึ่งเป็นไอซ์ อีกจำนวน 8 กิโลกรัม จากนายดำ ไม่ทราบชื่อจริง อยู่ที่จ.สตูล โดยนัดส่งมอบของกันในเวลา 19.45 น. ที่บริเวณแยกศาลาเขียว หมู่ที่ 11  ต.กำแพงเพชร  อ.รัตภูมิ
 
เจ้าหน้าที่ชุดล่อซื้อจับกุมใช้รถ 2คัน โดยจ่าเอกไพรัช กับอส.อีก 5 ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตชูบิชิ รุ่นมิราช สีดำ ทะเบียน กจ-5064 ทม. และให้ อส.สุทธิพงศ์ สุวรรณชาตรี ควบคุมตัว นายธนกร ผู้ต้องหา ไปกับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูชุ สีดำ หมายเลขทะเบียน บษ 8065 เชียงราย ซึ่งเป็นรถของผู้ต้องหา
แต่เมื่อไปถึงจุดนัดพบได้มีมีรถยนต์ จำนวน 4 คัน
 
ประกอบด้วย รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซุชุ แคป สีเงิน มีรั้วกั้นด้านหลัง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน คันที่2 รถยนต์เก๋งยี่หัอโตโยด้า รุ่นยาริส สี ขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน รถยนต์เก๋ง ฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และรถยนต์กระบะ ไม่ทราบ ยี่ท้อ และสี ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาจอดรถปิดล้อม รถคันของจ่าเอกไพรัช
 
และมีกลุ่มชาย ประมาณ 20 คน มีอาวุธปีนพกสั้นทุกคน และมีอาวุธปืนยาว M4 จำนวน 1 กระบอก แล้วบังคับให้ทุกคนลงจากรถ และให้ถอดเสื้อและปลดอาวุธปืนพกประจำกาย ประกอบด้วยอาวุธปืนพกสั้น 9 มม. ของเจ้าหน้าที่รวม 5 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ของและโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ไปโดยคนร้ายสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเป็นหน่วยใด จ่าเอกไพรัช แจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่มี บัตร ป.ป.ส. และส่งบัตร ป.ป.ส. ให้คนร้ายดู และทางกลุ่มคนร้ายจึงอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตภูมิ
 
จากนั้น คนร้ายได้ให้ จ่าเอกไพรัช กับพวก รวม 5 คน ขึ้นรถยนต์ กระบะคันที่มีรั้ว นำตัวไปปล่อยทิ้งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ50 เมตร จากนั้นคนร้ายขับรถหลบหนีไป พร้อมกับขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราช สีดำ ทะเบียน กจ-5064 กทม.ของจ่าเอกไพรัชซึ่งในรถมี ยาบ้า ของกลาง จำนวน10มัดที่ล่อซื้อมา ส่วนนายธนกร ไม่ได้ตัวไปเพราะอยู่ในรถอีกคัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ากลุ่มคนร้ายพยายามจะบุกชิงตัวผู้ต้องหาไปด้วยหรือไม่หรือต้องการเอายาเสพติดเพียงอย่างเดียว
 
ต่อมา อส.สุทธิพงษ์ ที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นเหตุการณ์จึงขับรถมาแจ้งเหตุที่สภ.รัตภูมิ ทางตำรวจสภ.รัตภูมิจึงนำกำลังไปช่วยจ่าเอกไพรัช กับพวก ออกจากที่เกิดเหตุ พามาที่สถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ และแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว
 

---

ผลผลิตน้อยลง! น้ำท่วมขอนแก่นกระทบหนัก ทำราคาข้าวพุ่ง ประกอบกับบางส่วนต้องส่งขายต่างประเทศ
https://ch3plus.com/news/economy/morning/316161

(19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายข้าวสารในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรของไทยในหลายจังหวัด โดยจากการสำรวจที่ร้านอำนวยค้าขาว ที่ ถ.หน้าเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่ามีการปรับราคาจำหน่ายข้าวสารขึ้นทุกชนิดกิโลกรัมละ 2 บาท อันมีผลมาจากสถานการณ์น้ำท่วมที่โรงสีต่างๆ ไม่สามารถที่จะส่งข้าวสารให้กับร้านค้าได้
 
นางอำนวย เจ้าของร้านอำนวยค้าข้าว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมเกือบจะทุกพื้นที่การเกษตรทำให้มีผลต่อราคาข้าวสารและผลผลิตข้าวในปีนี้อย่างมาก บางโรงสีถูกน้ำท่วมและถนน รวมไปถึงพื้นที่เพาะปลูกข้าว ในแถบภาคกลางข้าวบางชนิดไปไม่สามารถขนส่งออกมาได้ เพราะถนนถูกน้ำท่วม โรงสีถูกน้ำท่วม ขณะที่ในภาคเหนือการซื้อข้าวตามหมู่บ้านยากขึ้นเพราะน้ำท่วมทำให้ผลผลิตในโรงสีน้อยลงแต่ความต้องการยังเท่าเดิม
 
"ข้าวบางชนิดยังขาดจึงทำให้ราคาข้าวบางชนิดปรับสูงขึ้น โดยมีการปรับขึ้นทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า ส่วนใหญ่ปรับขึ้น กก.ละ 2 บาท อาทิ ข้าวเหนียวสันป่าตอง ปีที่แล้ว กก.ละ 25 บาท ปรับเป็น กก.ละ 29 บาท, ข้าวเหนียว กข.6 เดิม กก.ละ 26 บาท ปรับเป็น กก.ละ 27 บาท ,ข้าวหอมมะลิ เดิม กก.ละ 35 บาท ปรับเป็น กก.ละ 37 บาท ,ข้าวหอมมะลิกลางปี เดิม กก.ละ 32 บาท ปรับเป็น กก.ละ 34 บาท ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายที่เริ่มขยับขึ้นมได้า 1-2 เดือนแล้ว"
 
นางอำนวย กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าปีนี้ราคาข้าวสารแพงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะปริมาณข้าวสารไม่เยอะเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกเร็วกว่าทุกปี ชาวนาจึงได้ผลผลิตน้อย ขณะที่ผู้ประกอบการโรงสีได้ประเมินสถานการณ์ว่าปีนี้ผลผลิตข้าวจะน้อยกว่าทุกปีและราคาจะสูงขึ้น อีกทั้งข้าวบางส่วนต้องส่งขายต่างประเทศด้วย
 

---

 
จาตุรนต์ เขียน “จะทำยังไงดี กับคนแบบศรีสุวรรณ”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3627789
 
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก เรื่อง “จะทำยังไงดี กับคนแบบศรีสุวรรณ” ระบุว่า
 
เรื่องที่มีผู้ชกต่อยนายศรีสุวรรณกลายเป็นกระแสที่สับสนในสังคม กรณีนายศรีสุวรรณนี้เป็นเรื่องค่อนข้างพิเศษ คือมีคนสมน้ำหน้าหรือเห็นด้วยกับการชกต่อยนายศรีสุวรรณจำนวนมาก อาจเป็นเพราะเห็นว่านายศรีสุวรรณไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ กลั่นแกล้งสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นอยู่เนืองๆ จนมีคนอดรนทนไม่ไหวถึงกับลงมือชกต่อยเข้าให้ เรื่องนี้พอเข้าใจได้
 
แต่ถ้าเราใช้หลักเกณฑ์ว่าถ้าเราเห็นใครทำอะไรไม่ดีอย่างที่นายศรีสุวรรณทำ ให้ทำร้ายเขาได้ ก็คงมีคนอีกมากมายทำร้ายคนอื่นๆด้วยเหตุผลทำนองเดียวกัน ดังนั้นผมจึงเห็นว่าการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่เห็นต่างรวมถึงผู้ที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อผู้อื่นหรือต่อสังคมโดยรวมเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
 
หลักการนี้ไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่านักศึกษาเยาวชนที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยหรือผู้ที่ขัดขวางการเรียกร้องประชาธิปไตยหรือแม้แต่สนับสนุนเผด็จการก็ไม่ควรถูกกระทำด้วยความรุนแรง
 
มีข้อโต้แย้งว่าการที่นายศรีสุวรรณไปเที่ยวฟ้องร้องคนและอาศัยการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นก็เป็นการใช้ความรุนแรงอย่างหนึ่ง นั่นก็เป็นความจริง ผมเองก็เคยถูกนายศรีสุวรรณไปฟ้องร้องเล่นงานจากเรื่องไม่เป็นเรื่องคล้ายกับที่เกิดกับคนอีกจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลในการใช้กำลังกับเขา
 
มีคำถามว่าแล้วเราจะทำยังไงกับคนอย่างศรีสุวรรณให้เขาหยุดทำร้ายผู้อื่น เท่าที่นึกได้ก็คือการหาข้อมูลข้อเท็จจริงมาเปิดเผยว่าที่เขาทำอยู่ไม่ถูกต้องอย่างไร มีเบื้องหลังเพื่อทำประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจอย่างไร มากกว่านั้นก็หาทางแก้กฎหมายหรือระบบยุติธรรมให้ดีขึ้น ไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งประชาชนง่ายๆอย่างที่เป็นอยู่และใครกลั่นแกล้งทำร้ายผู้อื่นด้วยการอาศัยการบังคับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจะต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่ทำอะไรได้ตามอำเภอใจอย่างที่เป็นอยู่
 
ผมเสนอความเห็นสวนกระแสไปบ้างในทวิตเตอร์ ก็มีเสียงวิจารณ์มาว่าอย่า ”โลกสวย” ก็อยากจะบอกว่าที่จริงผมอยู่กับโลกที่ไม่สวยมามาก มากจนเข้าใจดีว่าการยอมรับสนับสนุนการใช้กำลังความรุนแรงต่อผู้เห็นต่างจะเป็นผลเสียต่อการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรมครับ

https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02UWbPfkxwDkgP67erbo3kr1bYPvei3XZL6WQWYxQoXfNXUaTDhM6ipy9bByC5PZrvl