คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ทำไมถึงสงสัย ?
1. ก็ตำแหน่งจอดรถ 1 ตำแหน่ง มันสามารถมีหัวจ่ายได้อย่างน้อย 3 หัว มันก็ควรจะมีน้ำมันหลากหลายเกรด
ถ้าผมเป็นเจ้าของ / ผู้บริหารปั๊ม ผมจะกำหนดให้ช่องจอดนั้น มีน้ำมันในกลุ่มที่เติมรถเครื่องเบนซิน 2 หัว และหัวจ่ายดีเซล 1 หัว
เพราะมันช่วยเพิ่มความหลากหลายของการให้บริการต่อ 1 ช่องจอด ... จริงมั้ยครับ ?
2. คุณรู้มั้ยว่า ทุกวันนี้ ประเทศไทยทั้งประเทศ บริโภคน้ำมันกันวันละเท่าไหร่ ?
ตอบ ดีเซล วันละ 60-65 ล้านลิตร กลุ่มเบนซินทุกชนิด รวมกันแค่ < 35 ล้านลิตร สรุป คือ ดีเซลมากเป็น 2 เท่าของกลุ่มเบนซิน
แล้วถ้าใน 1 ปั๊ม ให้มีแต่หัวจ่ายดีเซล 2 เท่าของหัวจ่ายกลุ่มเบนซิน ก็เท่ากับว่า ช่องจ่ายเบนซินจะเหลือแค่ 1 ใน 3 เองนะ
คุณว่า มันจะมากพอมั้ยล่ะ ??? คุณจะอึดอัดมั้ย เวลาเลี้ยวเข้าปั๊มแล้ว มีตู้เติมดีเซล 4 ช่อง มีตู้เติมกลุ่มเบนซินแค่ 2 ช่อง
แต่ในตู้เติมกลุ่มเบนซินนั้นน่ะ มีรถรอคิวอยู่ 10 กว่าคิว เพราะมันครอบคลุมตั้งแต่ รถจักรยานยนต์หลายสิบล้านคัน รถเก๋งตั้งแต่ ECOCAR
ไปจนถึง เก๋งเบนซินคันโต อย่าง Camry และ SUV เบนซิน เช่น CR-V ฯลฯ รวมกันแล้ว อีกหลายล้านคัน
3. ปัญหาของคุณที่เอามาถามกระทู้นี้เนี่ย ... วิธีแก้ไข .. มันไม่ยากเลยครับ
= 3.1 คุณต้องพูดเสียงดังฟังชัด เต็มคำ ว่า " เติม .... กี่บาท ? "
3.2 ต้องหันไปดูเด็กปั๊ม หยิบหัวจ่ายที่ถูกต้อง เสียบลงในช่องเติมน้ำมันรถคุณ
********** มันยากมากเลยเหรอ ที่จะหันคอ / หน้าคุณ ไปดูเด็กปั๊มว่า หยิบหัวจ่ายไหน ?? ************
3.3 หันไปมองที่มิเตอร์บอกราคาน้ำมัน / ปริมาณน้ำมันที่เติม ว่า มันกลับไปรีเซ็ตเป็น 0 และเริ่มตัวเลขวิ่ง ทั้ง 2 อย่าง (เงิน/ลิตร)
3.4 ตอนเติมเสร็จแล้ว หันไปดูว่า ปริมาณน้ำมันที่เติม กี่บาท และได้กี่ลิตร มันสัมพันธ์กันมั้ย ? (คำนวณในใจคร่าวๆ )
มันยากมากมั้ยครับ กับการทำ 4 ขั้นตอน ตั้งแต่ 3.1-3.4 ที่ผมเขียนตอบคุณเนี่ย ???
1. ก็ตำแหน่งจอดรถ 1 ตำแหน่ง มันสามารถมีหัวจ่ายได้อย่างน้อย 3 หัว มันก็ควรจะมีน้ำมันหลากหลายเกรด
ถ้าผมเป็นเจ้าของ / ผู้บริหารปั๊ม ผมจะกำหนดให้ช่องจอดนั้น มีน้ำมันในกลุ่มที่เติมรถเครื่องเบนซิน 2 หัว และหัวจ่ายดีเซล 1 หัว
เพราะมันช่วยเพิ่มความหลากหลายของการให้บริการต่อ 1 ช่องจอด ... จริงมั้ยครับ ?
2. คุณรู้มั้ยว่า ทุกวันนี้ ประเทศไทยทั้งประเทศ บริโภคน้ำมันกันวันละเท่าไหร่ ?
ตอบ ดีเซล วันละ 60-65 ล้านลิตร กลุ่มเบนซินทุกชนิด รวมกันแค่ < 35 ล้านลิตร สรุป คือ ดีเซลมากเป็น 2 เท่าของกลุ่มเบนซิน
แล้วถ้าใน 1 ปั๊ม ให้มีแต่หัวจ่ายดีเซล 2 เท่าของหัวจ่ายกลุ่มเบนซิน ก็เท่ากับว่า ช่องจ่ายเบนซินจะเหลือแค่ 1 ใน 3 เองนะ
คุณว่า มันจะมากพอมั้ยล่ะ ??? คุณจะอึดอัดมั้ย เวลาเลี้ยวเข้าปั๊มแล้ว มีตู้เติมดีเซล 4 ช่อง มีตู้เติมกลุ่มเบนซินแค่ 2 ช่อง
แต่ในตู้เติมกลุ่มเบนซินนั้นน่ะ มีรถรอคิวอยู่ 10 กว่าคิว เพราะมันครอบคลุมตั้งแต่ รถจักรยานยนต์หลายสิบล้านคัน รถเก๋งตั้งแต่ ECOCAR
ไปจนถึง เก๋งเบนซินคันโต อย่าง Camry และ SUV เบนซิน เช่น CR-V ฯลฯ รวมกันแล้ว อีกหลายล้านคัน
3. ปัญหาของคุณที่เอามาถามกระทู้นี้เนี่ย ... วิธีแก้ไข .. มันไม่ยากเลยครับ
= 3.1 คุณต้องพูดเสียงดังฟังชัด เต็มคำ ว่า " เติม .... กี่บาท ? "
3.2 ต้องหันไปดูเด็กปั๊ม หยิบหัวจ่ายที่ถูกต้อง เสียบลงในช่องเติมน้ำมันรถคุณ
********** มันยากมากเลยเหรอ ที่จะหันคอ / หน้าคุณ ไปดูเด็กปั๊มว่า หยิบหัวจ่ายไหน ?? ************
3.3 หันไปมองที่มิเตอร์บอกราคาน้ำมัน / ปริมาณน้ำมันที่เติม ว่า มันกลับไปรีเซ็ตเป็น 0 และเริ่มตัวเลขวิ่ง ทั้ง 2 อย่าง (เงิน/ลิตร)
3.4 ตอนเติมเสร็จแล้ว หันไปดูว่า ปริมาณน้ำมันที่เติม กี่บาท และได้กี่ลิตร มันสัมพันธ์กันมั้ย ? (คำนวณในใจคร่าวๆ )
มันยากมากมั้ยครับ กับการทำ 4 ขั้นตอน ตั้งแต่ 3.1-3.4 ที่ผมเขียนตอบคุณเนี่ย ???
แสดงความคิดเห็น
ทำไมปั๊มน้ำมันถึงเอาหัวจ่ายน้ำมันเบนซินกับดีเซลไว้ติดๆในตู้จ่ายเดียวกันครับ
ถ้าให้เดา ผมเดาข้อดี ได้ข้อเดียวคือ ความรวดเร็ว เพราะรถดีเซล บรรทุกมักจะถังใหญ่เติมนาน เลยกระจายดีเซลไปทุกๆตู้จ่าย ไม่งั้นรอคิวนาน
แต่ทำแบบนี้เหมือนจะรอเด็กปั๊มเบลอๆ หรือรีบๆเวลาคนมาเติมเยอะ เติมให้ผิด ถ้าเจ้าของรถไม่ดูให้ดีหรือเปล่า