สวัสดีครับ มีเรื่องอยากจะแชร์และอยากจะถามเพื่อนๆชาวพันทิพย์ครับ
.
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นเจ้าของตึกแห่งหนึ่ง โดยมีชื่อเราเป็นเจ้าบ้าน แต่ตึกนี้ปล่อยให้เช่าโดยมีผู้เช่าเพื่อทำธุรกิจ(เพิ่มเติมจากโพสเดิมครับ เป็นสปานวดแผนโบราณ) มาเป็นเวลานานกว่า 12 ปีแล้ว
.
คราวนี้เมื่อปลายปี 63 จู่ๆทางการไฟฟ้าได้ติดต่อมา แล้วบอกว่าเราเป็นหนี้การไฟฟ้าอยู่แปดล้านบาท... เราเลยตกใจมากเพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด สืบไปสืบมา สรุปว่าผู้เช่าคนนี้ได้มีการปรับแต่งมิเตอร์ไฟมาหลายปีมากๆแล้ว ทีนี้เราได้ทำการพูดคุยกับเจ้าตัว(คนเช่าที่ของเราที่แอบโกงมีตเตอร์) ได้ข้อสรุปมาว่า เขายินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายแต่โดยดีให้ เราก็เลยนัดแนะเอาผู้เช่าเอาเรา และทนายฝั่งการไฟฟ้ามาคุยกันที่การไฟฟ้า...ปัญหาที่ผมอยากจะถามเพื่อนๆชาวพันทิพย์เกิดจขึ้ตรงนี้นี่แหละครับ
.
ตอนที่เจอกัน ทางคนเช่าของผมก็พร้อมจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นการผ่อนชำระ ไอผมก็นึกว่าน่าจะปัญหาหมดแล้ว แต่... ทางฝั่งการไฟฟ้าเขาไม่ยอมครับ โดยสรุปเขาได้พูดในทำนองว่า เขาต้องการให้ผม(ที่เป็นเจ้าของที่)เซ็นต์ยินยอมรับสภาพหนี้ร่วมกับผู้กระทำผิดด้วย ทางเราก็ไม่ยอม เพราะ เรามองว่าเราไม่ได้ผิด ถ้าเราเซ็นต์ไป ก็จะเท่ากับว่า เรายอมรับผิดเต็มๆ แถมเราเอาคนผิดมาแล้วตรงหน้า มีสัญญาเช่าเอกสารต่างๆ สัญญาที่ผู้เช่ายินยอมชำระค่าเสียหาย บ่งบอกเรียบร้อยเป็นลายลักษณ์อักษร เขาก็ยังไม่ยอม แล้วในตอนนี้เรื่องก็ยังค้างคาอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้มีการส่งฟ้องถึงชั้นศาลอะไรทั้งนั้น ทางผู้เช่าของผมก็ยังคงติดต่อได้แล้วพร้อมเข้าเจรจา ทางผมก็พร้อมจะดำเนินเรื่อง แต่ทางทนายกลับติดต่อไม่ได้มาสักพักแล้ว(ลำบากใจมากๆครับ แต่คิดว่า ถ้ายังติดต่อไม่ได้อีก ผมจะเอาทนายไปเคลียกับการไฟฟ้าเองเลย ถึงเราจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม)
.
จากเหตุการณ์นี้ เลยอยากสอบถามผู้รู้ และชาวพันทิพย์ว่า
1.เราเป็นเจ้าของที่ก็จริง แต่เราสามารถหาตัวคนผิดเป็นๆ พร้อมกับเอกสารทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งสัญญาเช่า และ สัญญาที่ทางผู้เช่าของผมยินยอมรับความผิดละพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ทำไมเรายังต้องไปเซ็นต์ยินยอมรับสภาพหนี้ด้วย? เรามีความจำเป็นที่จะต้องเซ็นต์ยินยอมจริงๆหรอ เพราะเราไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้
2.ถ้าเหตุการณ์เป็นดั่งที่ทุกคนได้อ่านมา ไม่ทราบว่าเพื่อนๆชาวพันทิพย์ จะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้างครับ ถ้ามีทางนักกฏหมาย หรือทนายความเข้ามาอ่าน รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะครับ เดือดร้อนจริงๆ กลัวว่าถ้าเรื่องยังยื้อๆไปนานอีกหลายๆปี มันจะกลายเป็นภาระของลูกๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยอะครับ
ขอบคุณครับ
โดนคนเช่าที่โกงมีเตอร์ไฟแปดล้านบาท แต่เราจะต้องจ่ายเงินแทนคนเช่า!!!!
.
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นเจ้าของตึกแห่งหนึ่ง โดยมีชื่อเราเป็นเจ้าบ้าน แต่ตึกนี้ปล่อยให้เช่าโดยมีผู้เช่าเพื่อทำธุรกิจ(เพิ่มเติมจากโพสเดิมครับ เป็นสปานวดแผนโบราณ) มาเป็นเวลานานกว่า 12 ปีแล้ว
.
คราวนี้เมื่อปลายปี 63 จู่ๆทางการไฟฟ้าได้ติดต่อมา แล้วบอกว่าเราเป็นหนี้การไฟฟ้าอยู่แปดล้านบาท... เราเลยตกใจมากเพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด สืบไปสืบมา สรุปว่าผู้เช่าคนนี้ได้มีการปรับแต่งมิเตอร์ไฟมาหลายปีมากๆแล้ว ทีนี้เราได้ทำการพูดคุยกับเจ้าตัว(คนเช่าที่ของเราที่แอบโกงมีตเตอร์) ได้ข้อสรุปมาว่า เขายินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายแต่โดยดีให้ เราก็เลยนัดแนะเอาผู้เช่าเอาเรา และทนายฝั่งการไฟฟ้ามาคุยกันที่การไฟฟ้า...ปัญหาที่ผมอยากจะถามเพื่อนๆชาวพันทิพย์เกิดจขึ้ตรงนี้นี่แหละครับ
.
ตอนที่เจอกัน ทางคนเช่าของผมก็พร้อมจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นการผ่อนชำระ ไอผมก็นึกว่าน่าจะปัญหาหมดแล้ว แต่... ทางฝั่งการไฟฟ้าเขาไม่ยอมครับ โดยสรุปเขาได้พูดในทำนองว่า เขาต้องการให้ผม(ที่เป็นเจ้าของที่)เซ็นต์ยินยอมรับสภาพหนี้ร่วมกับผู้กระทำผิดด้วย ทางเราก็ไม่ยอม เพราะ เรามองว่าเราไม่ได้ผิด ถ้าเราเซ็นต์ไป ก็จะเท่ากับว่า เรายอมรับผิดเต็มๆ แถมเราเอาคนผิดมาแล้วตรงหน้า มีสัญญาเช่าเอกสารต่างๆ สัญญาที่ผู้เช่ายินยอมชำระค่าเสียหาย บ่งบอกเรียบร้อยเป็นลายลักษณ์อักษร เขาก็ยังไม่ยอม แล้วในตอนนี้เรื่องก็ยังค้างคาอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้มีการส่งฟ้องถึงชั้นศาลอะไรทั้งนั้น ทางผู้เช่าของผมก็ยังคงติดต่อได้แล้วพร้อมเข้าเจรจา ทางผมก็พร้อมจะดำเนินเรื่อง แต่ทางทนายกลับติดต่อไม่ได้มาสักพักแล้ว(ลำบากใจมากๆครับ แต่คิดว่า ถ้ายังติดต่อไม่ได้อีก ผมจะเอาทนายไปเคลียกับการไฟฟ้าเองเลย ถึงเราจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม)
.
จากเหตุการณ์นี้ เลยอยากสอบถามผู้รู้ และชาวพันทิพย์ว่า
1.เราเป็นเจ้าของที่ก็จริง แต่เราสามารถหาตัวคนผิดเป็นๆ พร้อมกับเอกสารทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งสัญญาเช่า และ สัญญาที่ทางผู้เช่าของผมยินยอมรับความผิดละพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ทำไมเรายังต้องไปเซ็นต์ยินยอมรับสภาพหนี้ด้วย? เรามีความจำเป็นที่จะต้องเซ็นต์ยินยอมจริงๆหรอ เพราะเราไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้
2.ถ้าเหตุการณ์เป็นดั่งที่ทุกคนได้อ่านมา ไม่ทราบว่าเพื่อนๆชาวพันทิพย์ จะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้างครับ ถ้ามีทางนักกฏหมาย หรือทนายความเข้ามาอ่าน รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะครับ เดือดร้อนจริงๆ กลัวว่าถ้าเรื่องยังยื้อๆไปนานอีกหลายๆปี มันจะกลายเป็นภาระของลูกๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยอะครับ
ขอบคุณครับ