ขอแชร์ประสบการณ์ไปดูคอน BORN PINK in SEOUL เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม และการเตรียมตัวครับ เผื่อว่าถ้ามีคอนรอบหน้าจะได้มีบลิ้งค์ไทยไปดูคอนที่เกาหลีกันเยอะๆ
การเตรียมตัว เริ่มจากเมื่อกลางเดือนสิงหามีประกาศว่าจะเปิดให้จองบัตรคอนรอบที่โซลได้โดยต้องไปสมัคร account ที่เว็บ global interpark ก่อน ซึ่งเป็นเว็บจองบัตรคอนเหมือน thaiticket ของบ้านเรา จากนั้นก็รอวันกดบัตร ซึ่งคอนรอบนี้เปิดขายพรีเซล 2 ครั้ง รอบแรกสำหรับคนที่สมัคร BLINK Membership แบบ Early bird ก่อน (เห็นประโยชน์ของ early bird ก็วันนี้เอง) รอบสองสำหรับเมมเบอร์แบบปกติซึ่งห่างไปอีก 7 วัน วันที่ 22 สิงหาก็เปิดระบบให้เมมเบอร์ early bird กดซื้อบัตรก่อน ซึ่งรอบนี้มีการแข่งขันในการแย่งชิงบัตรน้อยมากครับมีที่นั่งเหลือพอสมควร ผมกดบัตรได้แล้วใบนึงในรอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลา แต่ตอนนั้นไม่กดซื้อของวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาเพราะคิดว่าจะรอกดบัตรในรอบปกติโดยคิดเอาเองว่าอาจจะมีที่นั่งดีๆกว่านี้ แต่ผมคิดผิดเพราะหลังจากนั้นบัตรคอนที่เหลือก็ขายออกหมด SOLD OUT อย่างไวมาก
กดได้บัตรที่นั่ง BLINK Plus 180,000 วอน ประมาณ 4,800 บาทไทย
จากนั้นก็ต้องทำเรื่องขอ K-ETA ซึ่งขั้นตอนนี้กินระยะเวลานานสุด รอบแรกผมใช้เวลา 9 วันกว่าจะได้รับผลทางเมลว่าไม่ผ่าน ก็เลยยื่นขอรอบ 2 อีกทันที รอบนี้ผ่านโดยใช้เวลา 7 วัน เสียค่าใช้จ่ายไปรอบละ 300 บาท
หลังจากนั้นก็จองที่พักในเกาหลีเป็นเกสเฮ้าส์มีห้องนอนส่วนตัวแต่ใช้ห้องน้ำรวม ชื่อ Aroha guest house อยู่ใกล้ Seoul Station เดินทางสะดวก จองไป 3 คืน ในราคา 136,500 วอน หรือประมาณ 3,630 บาท
จากนั้นค่าใช้จ่ายที่แพงสุดคือตั๋วเครื่องบิน ได้ของแอร์เอเชีย X ไป-กลับในราคา 15,000 บาท
ส่วนเงินค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่เกาหลีผมแลกมา 3 แสนวอน แต่ใช้จริงไปประมาณ 1 แสนวอนเท่านั้น ใช้แค่ค่ารถไฟ ค่าอาหารนิดหน่อย มีกินร้านหมูกะทะเกาหลีมื้อนึงกับบลิ้งค์ไทยที่ไปเจอกันที่นู่น
หลังจากเตรียมเอกสารพร้อมแล้วก็ควรปริ๊นท์ออกมาเป็นกระดาษด้วยก็ดี อย่างเช่นผล K-ETA (คำขอเข้าประเทศเกาหลี), Q-Code (การขอยกเว้นการกักตัว) , ตั๋วเครื่องบินไปกลับ และใบจองตั๋วคอนเสิร์ต ส่วนเอกสารอีก 2 อย่างเป็น Option ที่อาจจะต้องใช้ถ้าโดนตม.เรียกเข้าห้องเย็น เช่น ใบรับรองการทำงานและแผนเที่ยวในเกาหลี
วันที่ 13 ตุลาวันบินก็มาเช็คอินที่สนามบินก่อนเวลาไฟลท์ออก 3 ชม เพราะช่วงนี้คนบินออกไปเที่ยวเกาหลีและญี่ปุ่นเยอะมาก ไฟลท์เราออก 7:55 น. ถึงเกาหลี 4 โมงเย็น พอมาถึงสนามบินอินชอนที่เกาหลีจะเจอด่านกักกันโรคก่อน เราก็เอา QR-code ที่ได้จากระบบ Qcode ไปสแกนแล้วก็เดินผ่านง่ายๆเลย จากนั้นก็จะมาถึงตม.ตรงนี้ใช้เวลานานสุดเพราะแถวยาวมากเรารอเกือบชั่วโมงได้กว่าจะถึงคิวเรา แต่ตม.ก็ให้ผ่านง่ายๆเลย ถามแค่ว่ามาอยู่กี่วัน จากนั้นก็ให้สแกนนิ้วและถ่ายรูปจบ
พอออกมาได้ก็แวะร้าน GS25 ที่สนามบินเพื่อซื้อบัตร T-Money เพื่อใช้แทนเงินสด ซึ่งสามารถใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้ ใช้ซื้อตั๋วรถไฟและรถเมล์ได้ ราคาบัตร 4000 วอนมั้ง แล้วก็เติมเงินไป 10,000 วอนก็พอเพราะไม่ค่อยได้ใช้เยอะ
จากนั้นก็ขึ้นรถไฟจากสนามบินไปที่สถานี Seoul Station ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที แล้วก็เช็คอินเข้าที่พักตอนทุ่มกว่าๆ
ตัดมาวันที่ 15 วันคอนเลย เราออกมาจากที่พักสายหน่อย เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาแต่เช้าซึ่งเราคิดผิด เรามาถึงที่สถานีรถไฟ Olympic Park เกือบเที่ยง กว่าจะเดินไปถึง KSPO Arena ก็เที่ยงกว่าๆแล้ว เจอบลิ้งค์เข้าแถวต่อคิวซื้อของหน้าคอนยาวมาก กะด้วยสายตาน่าจะประมาณ 200-300 คน
สเต็ปที่ควรทำคือ
1. ต่อแถวที่เต๊นท์ Weverse membership เพื่อรับของแจกเป็นการ์ดรูปพิเศษ 4 ใบและสเปรย์แอลกอฮอล์ที่สกรีนเป็นรูป BORN PINK SEOUL
2. ไปต่อแถวรับบัตรแข็งที่เต๊นท์ที่เขียนว่า Ticket โดยที่ต่อแถวตามลำดับชื่อจริง A,B,C,D แบบนี้ ซึ่งเป็นชื่อที่เราใช้จองบัตรกับระบบของ Interpark โดยใช้หลักฐานการจองซึ่งจะปริ๊นท์มาเป็นกระดาษหรือเปิดให้สต๊าฟคอนดูจากมือถือก็ได้ ตรงนี้ถ้าเราจองบัตรแบบ Blink Platinum หรือ Blink Plus ก็จะได้รับสิทธิเข้า Sound Check โดยเจ้าหน้าที่จะติดริสแบนด์ที่ข้อมือให้เลย
บัตรคอนจะมีชื่อเราด้านหลังบัตรและมีเลขที่นั่งด้วย
3. บ่ายสองก็เข้าแถวเพื่อเข้ารอบ Sound Check
ในรอบนี้ BLACKPINK จะแต่งตัวชิลๆยังไม่แต่งหน้ามาร้องเพลง 3 เพลง
4. หลังจบรอบซาวเช็คก็ออกมาพักข้างนอกชั่วโมงนึง หา Hot Dog กินรองท้องแล้วค่อยรอเข้าอะรีน่าอีกทีตอน 4 โมงครึ่งก็มีเรียก blink ที่เป็นบัตรเมมเบอร์ให้เข้าไปก่อน เพราะจะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำหรือหาซื้อของกินด้านในได้เลยเพราะมีร้าน GS25 อยู่ข้างใน
รูปแผ่นสโลแกนที่สต๊าฟแจกให้บลิ้งค์ทำโปรเจคโดยการเปิดไฟมือถือในช่วงอังกอร์และร้องเพลง Forever Young แบบที่เห็นในคลิปในทวิตเตอร์นั่นแหละ
5. เข้าอารีน่ามาแล้วก็นั่งรอกว่าคอนจะเริ่มประมาณชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างนี้ก็นั่งดู mv เพลงเก่าๆวนไป เท่าที่สังเกตเห็นด้วยสายตา บลิ้งค์เกาหลีค่อนข้างเยอะ ส่วนบลิ้งค์อินเตอร์ก็เยอะเหมือนกัน มีมาจากจีน ฮ่องกง สิคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และบลิ้งค์ไทยเยอะมาก ตอนก่อนเข้าอะรีน่าเดินไปทางไหนก็จะได้ยินเสียงบลิ้งค์ไทย มีคนใส่เสื้อแจ๊คเกตแดงของ LiLi Team หลายคนเลย คนที่นั่งข้างๆผมก็เป็นบลิ้งค์ญี่ปุ่นเป็นคุณป้าอายุ 50-60 ปีน่าจะได้ ป้าแกแต่งตัวเฟี้ยวมาก ใส่ชุดจั้มสูทสีส้ม คลุมฮู้ดที่หัว เต้นเพลงของ BLACKPINK ได้ทุกเพลง ยกไอโฟนถ่ายคลิปถ่ายรูปเกือบทั้งคอน พอช่วงพักก็ส่งรูปให้เพื่อนๆดูในไลน์
6. บรรยากาศในคอนสนุกมาก ระบบแสงสีเสียงตัดเต็ม ดนตรีสดของวง BandSix ก็ยังแน่นเหมือนเดิม คอนสนุกต่อเนื่องไม่น่าเบื่อเลย ช่วงที่สาวๆพักหรือเปลี่ยนชุดก็จะมี VTR สวยๆให้ดูระหว่างรอ มีช่วงนึงก็ให้วง bandsix ได้เล่นโชว์และแนะนำตัวทั้ง 4 คน (กลอง,เบส,กีต้าร์,คีย์บอร์ด) และก็ยังมีช่วงให้ทีมแบคอัพแด๊นซ์เซ่อร์ได้เต้นโชว์และแนะนำตัวรายคนเลย ซึ่งมาจากทีม YGX ด้วย
7. รูปในคอนไม่ได้ถ่ายมาเลยครับเพราะถ่ายมาแต่คลิป ซึ่งน่าจะหาดูแบบเถื่อนได้ในยูทูปหรือ twitter ทั่วไป อ้อ ในคอนเสิร์ตนี้ไม่มีการตรวจกระเป๋าแต่อย่างใด ผมเห็นคนแถวข้างๆยกกล้อง vdo Sony Hanndy Cam 4k ขึ้นมาถ่ายแบบจริงจังมาก สต๊าฟในนั้นเห็นก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย (จริงๆมีเดินมาห้ามใช้มือถือถ่ายตอนเริ่มคอนรอบเดียว) ดังนั้นจะไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคลิปแฟนแคมแบบ 4K หรือ FullHD ชัดๆมาแจกได้เยอะขนาดนี้
8. คอนจบในเวลา 20:10 น. โดยใช้เวลาเล่นคอนไป 1 ชม 50 นาที เพราะคอนเริ่มในเวลา 18:20 น. หลังจบคอนก็นั่งรถไฟกลับ
สรุป เป็นการมาดูคอนเสิร์ต BLACKPINK ในรอบ 3 ปีที่คุ้มค่ามากๆ (เพราะคอนรอบสุดท้ายที่มาดูคือคอน Private Stage เมื่อกันยายนปี 2019 )
ระบบแสงสีเสียง special effect จัดเต็ม ได้เห็นสาวๆ BLACKPINK ในระยะที่ค่อนข้างใกล้เพราะอานิสงส์จาก blink membership ealry bird
ส่วนคอนเสิร์ตในไทยราคาบัตรคงจะแพงถึงหลักหมื่นแน่นอนสำหรับที่นั่งตำแหน่งดีๆ คิดว่าถ้ากดบัตรทันก็คงจะไปดูอีกแน่ๆเพราะคอนที่ไทยลิซ่าพูดภาษาไทยกับบลิ้งค์ และอีกสามสาวเจนนี่ จีซู โรเซ่ก็ต้องพูดภาษาไทยน่ารักๆด้วยแน่นอน เจอกันอีกทีเดือนมกราคมปีหน้าครับ
แชร์ประสบการณ์ไปคอน BORN PINK SEOUL
การเตรียมตัว เริ่มจากเมื่อกลางเดือนสิงหามีประกาศว่าจะเปิดให้จองบัตรคอนรอบที่โซลได้โดยต้องไปสมัคร account ที่เว็บ global interpark ก่อน ซึ่งเป็นเว็บจองบัตรคอนเหมือน thaiticket ของบ้านเรา จากนั้นก็รอวันกดบัตร ซึ่งคอนรอบนี้เปิดขายพรีเซล 2 ครั้ง รอบแรกสำหรับคนที่สมัคร BLINK Membership แบบ Early bird ก่อน (เห็นประโยชน์ของ early bird ก็วันนี้เอง) รอบสองสำหรับเมมเบอร์แบบปกติซึ่งห่างไปอีก 7 วัน วันที่ 22 สิงหาก็เปิดระบบให้เมมเบอร์ early bird กดซื้อบัตรก่อน ซึ่งรอบนี้มีการแข่งขันในการแย่งชิงบัตรน้อยมากครับมีที่นั่งเหลือพอสมควร ผมกดบัตรได้แล้วใบนึงในรอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลา แต่ตอนนั้นไม่กดซื้อของวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาเพราะคิดว่าจะรอกดบัตรในรอบปกติโดยคิดเอาเองว่าอาจจะมีที่นั่งดีๆกว่านี้ แต่ผมคิดผิดเพราะหลังจากนั้นบัตรคอนที่เหลือก็ขายออกหมด SOLD OUT อย่างไวมาก
กดได้บัตรที่นั่ง BLINK Plus 180,000 วอน ประมาณ 4,800 บาทไทย
จากนั้นก็ต้องทำเรื่องขอ K-ETA ซึ่งขั้นตอนนี้กินระยะเวลานานสุด รอบแรกผมใช้เวลา 9 วันกว่าจะได้รับผลทางเมลว่าไม่ผ่าน ก็เลยยื่นขอรอบ 2 อีกทันที รอบนี้ผ่านโดยใช้เวลา 7 วัน เสียค่าใช้จ่ายไปรอบละ 300 บาท
หลังจากนั้นก็จองที่พักในเกาหลีเป็นเกสเฮ้าส์มีห้องนอนส่วนตัวแต่ใช้ห้องน้ำรวม ชื่อ Aroha guest house อยู่ใกล้ Seoul Station เดินทางสะดวก จองไป 3 คืน ในราคา 136,500 วอน หรือประมาณ 3,630 บาท
จากนั้นค่าใช้จ่ายที่แพงสุดคือตั๋วเครื่องบิน ได้ของแอร์เอเชีย X ไป-กลับในราคา 15,000 บาท
ส่วนเงินค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่เกาหลีผมแลกมา 3 แสนวอน แต่ใช้จริงไปประมาณ 1 แสนวอนเท่านั้น ใช้แค่ค่ารถไฟ ค่าอาหารนิดหน่อย มีกินร้านหมูกะทะเกาหลีมื้อนึงกับบลิ้งค์ไทยที่ไปเจอกันที่นู่น
หลังจากเตรียมเอกสารพร้อมแล้วก็ควรปริ๊นท์ออกมาเป็นกระดาษด้วยก็ดี อย่างเช่นผล K-ETA (คำขอเข้าประเทศเกาหลี), Q-Code (การขอยกเว้นการกักตัว) , ตั๋วเครื่องบินไปกลับ และใบจองตั๋วคอนเสิร์ต ส่วนเอกสารอีก 2 อย่างเป็น Option ที่อาจจะต้องใช้ถ้าโดนตม.เรียกเข้าห้องเย็น เช่น ใบรับรองการทำงานและแผนเที่ยวในเกาหลี
วันที่ 13 ตุลาวันบินก็มาเช็คอินที่สนามบินก่อนเวลาไฟลท์ออก 3 ชม เพราะช่วงนี้คนบินออกไปเที่ยวเกาหลีและญี่ปุ่นเยอะมาก ไฟลท์เราออก 7:55 น. ถึงเกาหลี 4 โมงเย็น พอมาถึงสนามบินอินชอนที่เกาหลีจะเจอด่านกักกันโรคก่อน เราก็เอา QR-code ที่ได้จากระบบ Qcode ไปสแกนแล้วก็เดินผ่านง่ายๆเลย จากนั้นก็จะมาถึงตม.ตรงนี้ใช้เวลานานสุดเพราะแถวยาวมากเรารอเกือบชั่วโมงได้กว่าจะถึงคิวเรา แต่ตม.ก็ให้ผ่านง่ายๆเลย ถามแค่ว่ามาอยู่กี่วัน จากนั้นก็ให้สแกนนิ้วและถ่ายรูปจบ
พอออกมาได้ก็แวะร้าน GS25 ที่สนามบินเพื่อซื้อบัตร T-Money เพื่อใช้แทนเงินสด ซึ่งสามารถใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้ ใช้ซื้อตั๋วรถไฟและรถเมล์ได้ ราคาบัตร 4000 วอนมั้ง แล้วก็เติมเงินไป 10,000 วอนก็พอเพราะไม่ค่อยได้ใช้เยอะ
จากนั้นก็ขึ้นรถไฟจากสนามบินไปที่สถานี Seoul Station ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที แล้วก็เช็คอินเข้าที่พักตอนทุ่มกว่าๆ
ตัดมาวันที่ 15 วันคอนเลย เราออกมาจากที่พักสายหน่อย เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาแต่เช้าซึ่งเราคิดผิด เรามาถึงที่สถานีรถไฟ Olympic Park เกือบเที่ยง กว่าจะเดินไปถึง KSPO Arena ก็เที่ยงกว่าๆแล้ว เจอบลิ้งค์เข้าแถวต่อคิวซื้อของหน้าคอนยาวมาก กะด้วยสายตาน่าจะประมาณ 200-300 คน
สเต็ปที่ควรทำคือ
1. ต่อแถวที่เต๊นท์ Weverse membership เพื่อรับของแจกเป็นการ์ดรูปพิเศษ 4 ใบและสเปรย์แอลกอฮอล์ที่สกรีนเป็นรูป BORN PINK SEOUL
2. ไปต่อแถวรับบัตรแข็งที่เต๊นท์ที่เขียนว่า Ticket โดยที่ต่อแถวตามลำดับชื่อจริง A,B,C,D แบบนี้ ซึ่งเป็นชื่อที่เราใช้จองบัตรกับระบบของ Interpark โดยใช้หลักฐานการจองซึ่งจะปริ๊นท์มาเป็นกระดาษหรือเปิดให้สต๊าฟคอนดูจากมือถือก็ได้ ตรงนี้ถ้าเราจองบัตรแบบ Blink Platinum หรือ Blink Plus ก็จะได้รับสิทธิเข้า Sound Check โดยเจ้าหน้าที่จะติดริสแบนด์ที่ข้อมือให้เลย
บัตรคอนจะมีชื่อเราด้านหลังบัตรและมีเลขที่นั่งด้วย
3. บ่ายสองก็เข้าแถวเพื่อเข้ารอบ Sound Check
ในรอบนี้ BLACKPINK จะแต่งตัวชิลๆยังไม่แต่งหน้ามาร้องเพลง 3 เพลง
4. หลังจบรอบซาวเช็คก็ออกมาพักข้างนอกชั่วโมงนึง หา Hot Dog กินรองท้องแล้วค่อยรอเข้าอะรีน่าอีกทีตอน 4 โมงครึ่งก็มีเรียก blink ที่เป็นบัตรเมมเบอร์ให้เข้าไปก่อน เพราะจะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำหรือหาซื้อของกินด้านในได้เลยเพราะมีร้าน GS25 อยู่ข้างใน
รูปแผ่นสโลแกนที่สต๊าฟแจกให้บลิ้งค์ทำโปรเจคโดยการเปิดไฟมือถือในช่วงอังกอร์และร้องเพลง Forever Young แบบที่เห็นในคลิปในทวิตเตอร์นั่นแหละ
5. เข้าอารีน่ามาแล้วก็นั่งรอกว่าคอนจะเริ่มประมาณชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างนี้ก็นั่งดู mv เพลงเก่าๆวนไป เท่าที่สังเกตเห็นด้วยสายตา บลิ้งค์เกาหลีค่อนข้างเยอะ ส่วนบลิ้งค์อินเตอร์ก็เยอะเหมือนกัน มีมาจากจีน ฮ่องกง สิคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และบลิ้งค์ไทยเยอะมาก ตอนก่อนเข้าอะรีน่าเดินไปทางไหนก็จะได้ยินเสียงบลิ้งค์ไทย มีคนใส่เสื้อแจ๊คเกตแดงของ LiLi Team หลายคนเลย คนที่นั่งข้างๆผมก็เป็นบลิ้งค์ญี่ปุ่นเป็นคุณป้าอายุ 50-60 ปีน่าจะได้ ป้าแกแต่งตัวเฟี้ยวมาก ใส่ชุดจั้มสูทสีส้ม คลุมฮู้ดที่หัว เต้นเพลงของ BLACKPINK ได้ทุกเพลง ยกไอโฟนถ่ายคลิปถ่ายรูปเกือบทั้งคอน พอช่วงพักก็ส่งรูปให้เพื่อนๆดูในไลน์
6. บรรยากาศในคอนสนุกมาก ระบบแสงสีเสียงตัดเต็ม ดนตรีสดของวง BandSix ก็ยังแน่นเหมือนเดิม คอนสนุกต่อเนื่องไม่น่าเบื่อเลย ช่วงที่สาวๆพักหรือเปลี่ยนชุดก็จะมี VTR สวยๆให้ดูระหว่างรอ มีช่วงนึงก็ให้วง bandsix ได้เล่นโชว์และแนะนำตัวทั้ง 4 คน (กลอง,เบส,กีต้าร์,คีย์บอร์ด) และก็ยังมีช่วงให้ทีมแบคอัพแด๊นซ์เซ่อร์ได้เต้นโชว์และแนะนำตัวรายคนเลย ซึ่งมาจากทีม YGX ด้วย
7. รูปในคอนไม่ได้ถ่ายมาเลยครับเพราะถ่ายมาแต่คลิป ซึ่งน่าจะหาดูแบบเถื่อนได้ในยูทูปหรือ twitter ทั่วไป อ้อ ในคอนเสิร์ตนี้ไม่มีการตรวจกระเป๋าแต่อย่างใด ผมเห็นคนแถวข้างๆยกกล้อง vdo Sony Hanndy Cam 4k ขึ้นมาถ่ายแบบจริงจังมาก สต๊าฟในนั้นเห็นก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย (จริงๆมีเดินมาห้ามใช้มือถือถ่ายตอนเริ่มคอนรอบเดียว) ดังนั้นจะไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคลิปแฟนแคมแบบ 4K หรือ FullHD ชัดๆมาแจกได้เยอะขนาดนี้
8. คอนจบในเวลา 20:10 น. โดยใช้เวลาเล่นคอนไป 1 ชม 50 นาที เพราะคอนเริ่มในเวลา 18:20 น. หลังจบคอนก็นั่งรถไฟกลับ
สรุป เป็นการมาดูคอนเสิร์ต BLACKPINK ในรอบ 3 ปีที่คุ้มค่ามากๆ (เพราะคอนรอบสุดท้ายที่มาดูคือคอน Private Stage เมื่อกันยายนปี 2019 )
ระบบแสงสีเสียง special effect จัดเต็ม ได้เห็นสาวๆ BLACKPINK ในระยะที่ค่อนข้างใกล้เพราะอานิสงส์จาก blink membership ealry bird
ส่วนคอนเสิร์ตในไทยราคาบัตรคงจะแพงถึงหลักหมื่นแน่นอนสำหรับที่นั่งตำแหน่งดีๆ คิดว่าถ้ากดบัตรทันก็คงจะไปดูอีกแน่ๆเพราะคอนที่ไทยลิซ่าพูดภาษาไทยกับบลิ้งค์ และอีกสามสาวเจนนี่ จีซู โรเซ่ก็ต้องพูดภาษาไทยน่ารักๆด้วยแน่นอน เจอกันอีกทีเดือนมกราคมปีหน้าครับ