นินทาความรัก -- บางที การเลิกรา มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปนะ มันกลับดีเสียด้วยซ้ำ

สองสามเดือนที่ผ่านมา น้องรักคนหนึ่งที่รู้จักกันในนี้นี่แหละ โทรมาหาด้วยน้ำเสียงร่าเริงมาก บอกว่า
“พี่...หนูเลิกกับ *** แล้วนะ เพิ่งจดทะเบียนหย่ามา”

เพี้ยนเหรอ

 
ดิฉันฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักนิดหน่อย บอกน้องว่า “มากินข้าวด้วยกันสักมื้อ เดี๋ยวเป่ากระหม่อมให้” 

เย็นวันนัด  น้องบึ่งมาทางบูรพาวิถีมาเจอกันร้านสลัดดังใน Index Living Mall นั่งเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง น้ำเสียงดูโล่งใจด้วยซ้ำที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี

 
ดิฉันหวนนึกถึงเมื่อเกือบสิบปีก่อนที่น้องมีปัญหากับแฟน เราได้รู้จักกันและดิฉันก็รับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาอยู่บ้าง จนถึงงานแต่งของน้องที่จัดริมทะเล และน้องจองห้องชุดในบูทีคโฮเต็ลเล็ก ๆ ให้ดิฉันและครอบครัวไปร่วมงานและไปพัก จนมาถึงวันที่น้องเลิกในวัยใกล้ 40

 
ในฐานะที่เห็นการเลิกรามาหลาครา ทั้งรับฟัง ปลอบใจ ให้คำปรึกษา มาหลายกรณี ขอสรุปให้ฟังคร่าว ๆ ถึงเหตุผลและประเด็นที่เกี่ยวข้องของการเลิกราไว้ดังนี้

 
1. ชนวนที่ทำให้เลิกได้ง่ายที่สุดคือ “มือที่สาม” (บางคนมีสาม สี่ ห้า ด้วยนะเออ) แต่มือที่สามส่วนใหญ่เป็นแค่ชนวน เป็นเหมือนยอดบนที่โผล่ขึ้นมาของภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเลลึก ปัญหาของการนอกใจส่วนใหญ่ (นับเอาจากคนปกตินะคะ ไม่นับจากคนที่มีปัญหาทางจิตบางอย่างที่หยุดเจ้าชู้ไม่ได้ อันนั้น ถือว่าป่วยจิต เราไม่เอามานับรวม) มักเริ่มจากการมีความไม่พอใจบางอย่างสะสมอยู่ในความสัมพันธ์ แล้วไม่คิดจะแก้ หรือสื่อสารความไม่พอใจนั้น นั่งทับมันไปเรื่อย ๆ หวังว่ามันจะดีขึ้นเอง  หวังว่าตนเองจะทนได้จนชิน  แล้วแกว่งไปหาอย่างอื่นหรือคนอื่นนอกบ้านให้ “อำนวยความสะดวก” เป็นครั้ง ๆ เป็นเรื่อง ๆ ไป
 แต่คนไม่ใช่เครื่องจักร ความรู้สึกเลยเถิดมันโปรแกรมห้ามกันไม่ได้ เลยเถิดกันไปแล้ว เรียกความรู้สึกเดิมกลับมายาก

 ปัญหานี้นักจิตวิทยาหรือนักบำบัดบางคน ถึงขนาดนิยามความนอกใจไว้อย่างใจกว้างด้วยซ้ำว่า ถ้านอกกายไปบ้าง แต่ไม่ผูกพัน ถือว่า “ปลดทุกข์” เป็นครั้ง ๆ ไม่ถือว่านอกใจสมบูรณ์แบบ   หรือสนิทสนมกันมาก แต่ไม่ถูกเนื้อต้องตัวกัน ไม่ถือว่านอกใจสมบูรณ์แบบ    เพราะหากยึดเอานิยามบางส่วนมาอธิบายคำว่านอกใจด้วยแล้วเผลอ ๆ จะเจอเปอร์เซ็นต์ของการนอกใจสูงมาก  (ถ้าดิฉันจำไม่ผิด น่าจะเกือบ ๆ 80% ได้เลย)

 
2. หลายคู่ที่อยู่ด้วยกันมาแล้วต้องเลิก ไม่ได้เลิกเพราะเรื่องมือที่สาม แต่เลิกเพราะต่างฝ่ายต่างละเมิด “เส้นจี๊ด” ที่อีกฝ่ายรับไม่ได้
เม่าเซย์โน

“เส้นจี๊ด” นั้นคืออะไร ต้องไปหากันให้เจอ
 เช่น ผู้หญิงบางคน เส้นจี๊ดเป็นเรื่องของฐานะทางการเงินและการเลี้ยงดู  บางคนเป็นเรื่องภาวะผู้นำของฝ่ายชาย
ส่วนผู้ชาย เส้นจี๊ดอาจเป็นเรื่องความต้องการเชิงกายภาพ  หรือ อาจเป็นเรื่องของความต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพ อยากได้ยินคำไพเราะอ่อนหวาน การไม่ล่วงเกินหยามหมิ่นบุพการีของตนเอง การให้เกียรติต่อหน้าคนอื่นอะไรทำนองนั้น
หรือบางทีอาจเป็นแค่คำพูดบางคำ การกระทำบางอย่างที่เป็นเรื่องต้องห้าม เรื่องเล็กหลายเรื่องที่ไม่มองข้ามกันให้พ้น รวม ๆ กันก็เป็นเรื่องใหญ่
 
บางที มันไม่ได้ระเบิดหรือตัดขาดตั้งแต่ครั้งแรกที่ละเมิดเส้นนั้นไปหรอกนะคะ แต่การทำซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ มันเหมือนการสะสมไมล์ค่ะ ครบจำนวนแล้ว คุณจะได้ตั๋วฟรีไปหย่าที่อำเภอหรือสำนักงานเขต
 

 
3. บางคู่ไม่รีบเลิก ไม่ใช่เพราะว่ายังรัก แต่เพราะต้องการเอาชนะมือที่สามค่ะ นี่ได้ยินเรื่องทำนองนี้มาพอสมควรเลย
กรณีของน้องคนนี้ก็เช่นกัน รู้สึกอยู่แล้วว่าน่าจะเลิกตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว เกิดมารู้ว่าฝ่ายชายมีกิ๊กจ้องจะเสียบค่ะ แถมเป็นน้องใกล้ตัวที่มาหักเหลี่ยมกันแบบนี้ ยอมได้ไง ?
แถม...ฝ่ายชายก็ยังมีข้อดีอยู่พอสมควร
ก็เลยยื้อเต็มที่ คุณสมบัติกุลสตรีในตัวมีกี่กุรุสขุดเอามาใช้เพื่อหวังมัดใจ ประเภทตื่นมาตี 5 ทำกับข้าวให้ทู้กกกกวัน อะไรประมาณนั้น
เรื่องอะไรจะรีบเลิก มันเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา ก็ลากกันไปแบบนี้ไปก่อน  
นี่ถือว่าปรานีนะจ๊ะที่ไม่ส่งข้อความไปถามกิ๊กว่า “น้ำใต้ศอกอร่อยไหมคะ ?”
 
เจ้าคิกคัก

 มาวันที่ต้องเลิกจริง น้องหัวเราะแล้วบอกว่า “พี่...หนูน่าจะเลิกไปตั้งนานแล้วนะ ไม่รู้จะยื้อไว้ทำไม”
 
 อิชั้นก็ยิ้ม ๆ เรื่องแบบนี้ สถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน 
บางคน พอปรับตัว ความสัมพันธ์มันดีขึ้น ก็อยู่ต่อไปได้อีก บางคนถ้าปรับความเข้าใจกันได้ดี ๆ กลับเหมือนได้คนเก่าในเวอร์ชั่นที่ดีกว่ากลับมาด้วยซ้ำ

4. ที่น่าสนใจคือ บางคนเลิกกัน เพราะต้องการรักษาความรู้สึกดี ๆ ที่ยังมีให้ยังคงอยู่ต่อไปได้บ้าง เพราะรู้เลยว่า ถ้าสภาพการณ์ยังเป็นแบบนี้  ยิ่งอยู่กันไป จะยิ่งเกลียดกัน เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรูใต้หลังคาเดียวกัน
 
 
 เดือนสองเดือนที่แล้ว ตอนที่ดิฉันเขียนกระทู้เรื่อง รีวิวชีวิตแต่งงาน 20 ปี ก็ได้ยกเพลง Perhaps Love ของ John Denver ขึ้นมาประกอบ เนื้อเพลงดูโรแมนติคดีนะคะ
 
 แต่เชื่อไหมคะว่า ในอัลบั้มชุดเดียวกันนี้ มีเพลงที่ John Denver ได้เขียนเพลงขึ้นอีกเพลงหนึ่ง ชื่อว่า Seasons of the Heart และมีเนื้อความที่จี๊ด ๆ อยู่บางตอนในเพลงนั้น
 คือ ท่อนนี้ค่ะ
So I don't know how to tell you
 It's difficult to say
 I never in my wildest dreams
 imagined it this way
 But sometimes I just don't know you
 There's a stranger in our home
 When I'm lying right beside you
 Is when I'm most alone
 
แปลว่า ตอนที่นอนอยู่ข้าง ๆ กันนั่นแหละเป็นตอนที่รู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด
อะ...ขออนุญาตแปะเนื้อและคำแปลที่(พยายามให้)เป็นกลอน สำหรับเพลงนี้ไว้นะคะ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 น้องคนนี้เล่าว่า “พี่เชื่อไหม ? อยู่บ้านเดียวกันนะ แทบไม่มองหน้ากันเลย เราอยู่กันคนละห้อง อยู่แบบนี้เป็นปี ๆ แบบนี้เลิกกันดีกว่า อย่างน้อย ... ยังจะได้เก็บความรู้สึกดี ๆ ที่เหลือไว้บ้าง”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่