อย่างที่จั่วหัวมาแบบว่า งอแง นิดๆ เพราะช่วงนี้งานเยอะมากกกก และไม่ได้ขี่รถไปไหนมาพักใหญ่แล้ว หลังจากที่ทำงานเต็มที่มาทั้งอาทิตย์ จูนก็คิดละว่าวันหยุดนี้ต้องหาที่ไปแล้วล่ะ 555+ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้มีรถมอเตอร์ไซค์เชฟดี ที่มองแว๊บแรกบอกเลย โคตรหล่อ! Royal Enfield Hunter 350 มอเตอร์ไซค์สัญชาติผู้ดี ที่ไปได้ดียังถิ่นภารตะ มาจอดเก๊กหล่ออยู่หน้าบ้านมันก็จะทรมานใจเราซะเปล่าๆ ถ้าไม่ได้บิดมันไปที่ไหนสักแห่งในวันหยุดที่มีเวลาเพียงน้อยนิดนี้ ว่าแล้วในหัวก็วนเวียน คิดๆๆ ไปไหนดี ที่ไม่ไกลมากและคงคอนเซ็ปท์แม่ไปด้วย! (มองบนเล็กๆ แต่ในใจก็คิด...ดีเหมือนกันคนจ่ายตังค์ไปด้วย)


แพลนแบบคร่าวๆ สไตล์สาวไม่มีจุดหมายอย่างเรา 555+ ก็น่าจะวิ่งทางโล่งๆ ไปชิลไปกับรถหน่อย ไปอยุธยาแล้วกัน ! แล้วอีกอย่างการเดินทางไปทุกครั้งก็มักจะนั่งรถยนต์ไปเป็นหลัก มาครั้งนี้เราขอแม่เลยดังๆ ว่า “คุณนาย หนูจะขี่ Royal Enfield Hunter 350 ไปอยุธยานะ” แล้วฉันล่ะ? แม่ถามกลับ “ก็ขับรถตามไปเองไง...” นึกว่านางจะงอแง! ไม่จ้ารับคำแต่โดยดี เอาจริงๆ นางอะชอบมอเตอร์ไซค์มากๆ อยู่แล้วพอยิ่งเห็น Royal Enfield Hunter 350 ที่มีหน้าตาออกมาแนวๆ สไตล์คลาสสิคไบค์นางยิ่งชอบ…

การเดินทางเริ่มขึ้นช่วงสายๆ ของวันเสาร์ อากาศช่วงนี้บอกเลยชวนง่วงมาก เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่รู้จะหยุดเมื่อไหร่ซึ่งมันก็ยังคงขยันทำหน้าที่ของมันไป ส่วนเราเองหลังล็อคเป้าไว้แล้วก็ทำหน้าที่บิดทะยาน Royal Enfield Hunter 350 ไปค่ะฝนลงมาเถอะเตรียมใจไว้แล้ว >,<


หลังขี่ Royal Enfield Hunter 350 ข้ามสะพานพระราม 4 ปากเกร็ด นนทบุรี ใช้เส้นทางชัยพฤกษ์ ม้วนเข้า 345 เชื่อมต่อราชพฤกษ์ มุ่งหน้าไป 346 ไปปทุมธานี เส้นนี้บางคนอาจเรียกง่ายๆ ว่าตัดใหม่ไปปทุมฯ วันนี้รถบนถนนค่อนข้างน้อย อาจเนื่องมาจากฝนที่ตกตลอดคืนยันสว่างทำให้หลายคนเลือกที่จะพักผ่อนอยู่บนที่นอนนุ่มๆ แทนการออกเดินทางไปเที่ยว อยากบอกว่าหลังจากได้ขี่สัมผัสแรก ระหว่างทางถนนจอแจซอยที่บ้านและขึ้นลงสะพาน ถูกใจเลย ขึ้นบนเบาะปุ๊บพอดีตัวปั๊บ ไม่สูงเกินไป จูนสูง 168 ค่ะ กำลังดีอยู่นะ ที่ชอบเลยคือการทรงตัวรถคันนี้ดีมาก ขี่ง่าย เกียร์ 1 ระยะสั้นหน่อยแต่สมูทเข้าเกียร์ง่าย ขี่บนถนนที่มีรถเยอะสามารถซอกแซกได้ แต่ด้วยรถทรงนี้อาจไม่พลิ้วมากนัก อิอิ


บิดออกมาได้สักระยะเป้าหมายแรกที่จูนแวะเพื่อเช็คอินอวดเพื่อนในเฟสฯ แปบนึงก่อนตามประสาเซเลป(ขบ) 55++
นั่นก็คือที่!! ปั้มน้ำมัน… เติมน้ำมันกันก่อนถ่ายภาพ 55++


และได้มามุมนึงสวยๆ (พ่อแชะให้)


จุดมุ่งหมายแรกอยู่ที่ คาเฟ่เท่ๆ อย่าง Home 333 Café & Bar ย่านอำเภอเมืองปทุมธานี ซึ่งร้านตั้งอยู่ในซอยเรียบคลองบางโพธิ์เหนือ ร้านนี้บรรยากาศการตกแต่งออกแนว American Style ยุค 80 มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก บรรยากาศดี ที่จอดรถกว้างขวาง เจ้าของร้านเป็นกันเอง กาแฟ และ เบเกอรี่ เด็ด! ถูกใจสาวหวานอย่างจูน (แต่เราก็ดื่มอเมริกาโน่ เนอะ55+)








เก๊กท่าถ่ายรูปจนสมใจ แหงนมองฟ้าเธอก็ยังคงหม่นหมองโปรยเม็ดเบาบางอี๊กกก...เอ้า! ไปต่อดีกว่าเผื่อว่าทางข้างหน้าจะพบความสว่าง แน่นอน เติมลิปแปบแล้วไปต่อจ้า


จุดหมายต่อไปของจูนคือไปไหว้พระขอพรสักหน่อยช่วงนี้ท่านท้าวเวสสุวรรณกำลังมา ซึ่ง วัดสิงห์ คือจุดหมายต่อไปจูนขี่ออกจากร้านกาแฟ มุ่งหน้าไปทาง อำเภอสามโคก เลี้ยวขวาเข้าซอยเทศบาล 10 จากนั้นก็บิดตรงไปตามทาง ไปนานนักก็ถึงวัดแล้ว และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจ้า มาถึงวัดฝนไม่มี! แถมแดดเปรี้ยงจัดมาก เล่นเอาเหงื่อท่วมกันเลยทีเดียว



ตามประวัติ วัดสิงห์ ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ในตอนที่ชาวมอญอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่สามโคกนี้ ในบันทึกพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาวัดสิงห์เป็นวัดคู่เมืองสามโคก บริเวณนี้มีการอพยพเข้าออกมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชาวมอญมาหลายยุคสมัย ตามการสันนิษฐานวัดแห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ช่วงปี พ.ศ.2202-2210 ที่ตั้งของวัดอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา มีคลองเชื่อมสำหรับเรือเข้าออกเรียกว่า คลองวัดสิงห์ ทำให้ในบริเวณวัดมีโบราณสถานและโบราณวัตถุ ที่น่าสนใจ ควรค่าแก่การศึกษาในด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ เอาจริงๆ ตัวจูนเองก็เป็นลูกหลานมอญนะคะมอญปทุมด้วยค่ะ (อยากบอก 55++)


ไหว้พระขอพรเรียบร้อย ท้องร้องเฉย หาอะไรอร่อยๆ ใส่กระเพาะก่อนดีกว่า แถวนี้มีร้านไหนน่าสนใจบ้างหนอเปิดอากู๋ หาร้านหม่ำข้าว โอ้วร้านนี้น่าสนใจ ร้านข้าวมันเป็ดอาม่า หน้า ตลาดอิงน้ำสามโคก ว้าว! มีตลาดน้ำด้วยเหรอไปๆ หันหน้ารถบิดตามเส้นทางไปยังจุดหมาย ซึ่งเส้นทางก็ต้องบอกก่อนนะคะว่ามันเป็นถนนเล็กๆ สองเลนสวนแบบถ้าไม่ใช่คนพื้นที่ก็ต้องขับขี่ระวังๆ ค่ะ คือชาวบ้านใช้จริงๆ เพราะเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่บ้านเรือนบางช่วงอยู่ติดกันแถมบันไดบ้านบางหลังแทบจะติดถนนเลยทีเดียว



การขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร ดีที่ Royal Enfield Hunter 350 ที่จูนขี่มาวันนี้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดี ตัวรถเพรียว ส่งให้การขับขี่คล่องตัวสุดๆ สถานการณ์บนถนนช่วงนี้ทำให้เห็นของจริงเลยว่าไปได้สบายๆ พอถึงหน้าตลาดอิงน้ำสามโคก มองซ้ายมือหน้าตลาดเราจะเห็นป้ายร้าน ข้าวมันเป็ดอาม่า ข้าวมันสูตรโบราณ


ซึ่งร้านนี้ไม่ได้มีแค่เป็ดนะคะ มีหลายเมนูอย่าง ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ ฯลฯ ซึ่งจูนเองสั่งเป็นข้าวหมูแดงหมูกรอบมาทาน บอกเลยร้านนี้เด็ดจริง ไม่แปลกใจว่าทำไมออกทีวีทุกช่อง



ตอนจูนไปนั้นออกตัวก่อนว่าไม่เคยรู้จักร้านนี้เลยและไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีตลาดน้ำด้วย บิดสุ่มไปเรื่อยว่างั้น สงสัยอานิสงส์ที่แวะไหว้พระมาแน่ๆ ท่านถึงทำให้มาเจอร้านข้าวอร่อยลืมตายแบบนี้ (เป็นความชอบส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในความเชื่อ 55++)


ถือว่าเป็นวันหยุดที่ทิ้งเรื่องงานได้จริงๆ เลย เพราะแต่ละที่ๆ จูนผ่านหรือแวะพักมักมีเรื่องราวเรียกความสนใจได้ตลอดเส้นทาง แม้แต่ร้านข้าวตะกี้ อาแปะเจ้าของร้านก็มาสะกิดแล้วทักเราว่าให้ออกกำลังกายบ้างนะ อย่าทำแต่งาน จากนั้นแกก็เสวนาเรื่องสุขภาพกะจูนยาวเลย ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน มิตรภาพกับคนแปลกหน้าก็เรียกยิ้มในหัวใจได้ไม่น้อย แต่ในเมื่อเป้าหมายเรายังไม่จบ ก็จำต้องยกมือไหว้ลาแปะเจ้าของร้าน ขึ้นคร่อมเจ้า Royal Enfield Hunter 350 เพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่อยุธยาเป้าหมายหลักที่วางไว้แต่แรก ด้วยการขี่ลัดเลาะออกมายังถนนหลักหน้าอำเภอสามโคกจากนั้นก็ยิงยาวไป ช่วงนี้แหละที่จูนจะได้บินสมใจ 55++ แม่จะได้ตามไม่ทันไง ไปละจ้าอยุธยาจ๋า


เอาจริงนะเพื่อนๆ ระยะทางแค่นี้มันไวมากใช้เวลา 40 นาทีถึงอยุธยาแล้ว เวลาก็ราวๆ บ่ายสามโมง มีฝนตกมาบ้างแต่ก็ไม่มาก พอให้เราจอดรถเดินเที่ยวได้สบายๆ บรรยากาศกรุงเก่าเวลานี้ก็ยังดูเงียบๆ นักท่องเที่ยวบางตา ทำให้เราใช้เวลาในแต่ละที่ได้ตามความพอใจเลย ใครจะมาเที่ยวช่วงนี้บอกเลยมาเถอะ การท่องเที่ยวบ้านเราจะได้ฟื้น


จูนเองก็แวะส่องโน้นนี่หลายจุด มาหยุดนานหน่อยก็ที่ วัดโลกยสุธาราม เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคนในวันที่จูนไป งงมากนี่วันหยุดนะ ไม่มีใครมาเที่ยวกันบ้างเหรอ คิดไปคิดมาก็เออหรือเขาไปอยู่ที่อื่นกัน...การหยุดตรงนี้นานๆ ทำให้มีเวลาพอที่จะอ่านประวัติที่มาของ วัดโลกยสุธาราม ซึ่งสันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราว พ.ศ. 1995 วัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ก่ออิฐถือปูน ซึ่งแต่เดิมคงจะมีการสร้างวิหารครอบพระพุทธไสยาสน์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้พังทลายลงเมื่อใด





จากนั้นก็ขี่รถไปรอบๆ บึงพระราม ซึ่งภายในบริเวณบึงพระราม มีโบราณสถานที่สำคัญเป็นวัดร้าง 5 วัด คือ วัดหลังคาดำ วัดหลังคาขาว วัดสังขปัด วัดโพง และวัดไตรตรึงค์ ขับขี่ชมนั่นชมนี่อยู่พักใหญ่ ฝนก็พรหมลงมาอีกครั้ง งานนี้จูนลี่อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องรีบบิดกลับเข้าเมืองกรุงโดยไว งานนี้บอกได้คำเดียว One Day Trip ที่ไม่ทิพย์ และแถวมีแวะซื้อโรตีสายไหมของฝากอยุธยาด้วย 555+