อายุ 24 เริ่มหมดแรงกับการทำงานแล้ว เมื่อเห็นเงินเดือนที่ได้มา กับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

ตั้งแต่จบมา ยุคโควิดก็ท้อเหลือเกิน กว่าจะได้งานสมองฝ่อไป 1 ปี .... พอเริ่มงานก็เหมือนเริ่ม 0 ใหม่ กว่าจะปรับตัวได้ ทุกวันนี้ เปลี่ยนงานมา 3 บริษัทแล้วตอนนี้ เข้าสู่บริษัทที่ 4
.....จนพบว่าอาชีพที่ เราทำเงินได้เยอะสุดคือเซลล์ ในบริษัทที่3 เคยทำแตะสุด 60K (ไม่มีเงินเดือนคอมมิชชั่นล้วนๆ) รับเข้ากระเป๋า แต่ใช่แล้วค่ะ อาชีพนี้มันไม่มั่นคง บางเดือน ไม่ได้เลย บางเดือน 10,000+ บาท สลับกันไป ที่ตัดสินใจออกบริษัทที่ 3 เพราะทัศนคติผู้นำไม่ได้เลย ไปไม่รอด คนในองค์กรเริ่มทะยอยออก จนเหลือ ไม่ถึง 5 คน เราเลยรีบหางานสำรองจนได้บริษัท ที่ 4

...... ข้อดีบริษัทที่ทำปัจจุบัน ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แต่ ข้อเสียก็ไม่มีเงินเดือน แถมเรา เหมือนคนอ่อนประสบการณ์มาก เพราะมาที่นี้มีแต่ รุ่นคนที่มีประสบการณ์ 10+ ปี ไม่รู้จะรอดหรือจะร่วง แล้วมีความรู้สึกว่า เวลาว่างจะเพิ่มขึ้น ตอนนี้เลยจะหาอะไรทำเสริมเช่นขายอาหารส่ง delivery หรือ ขายของออนไลน์ ไม่งั้น ไม่รอด...

.....ลองคิดไปคิดมา ก็อยากจะกลับไปทำงานออฟฟิศ แต่พอเห็นเงินเดือน 15,000-18,000 บาท เรทเด็กๆ อยู่ไม่รอดจริงๆ เพราะขั้นต่ำ ต่อเดือน รายรับ 25,000++ มาหักลบค่าครองชีพ ค่ากินสมัยนี้ ตกมื้อ 50-70 บาท ค่าใช้จ่ายเกือบเท่าค่าแรงต่อวันแล้ว มันท้อมากหมดไฟมาก เราเป็นคนไม่เกี่ยงงานเลย ความรับผิดชอบสูงมาก ทำแต่ล่ะงานทำเกินร้อย แต่พอเห็นเงินเดือน ท้อมาก คิดไม่ออกเลยจะไปทำงานอะไรดี ตอนนี้ก็คงเดินหน้าต่อในสายงานเซลล์ เพราะคงเป็นอาชีพเดียวที่ไม่มีเพดานกั้น 

หากใครทำงานอะไรแปลกใหม่ อิสระ เงินเดือนรายได้ดีแนะนำมาได้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
คนสมัยนี้คิดแต่เรื่อง "เพิ่มรายได้" กันอย่างเดียว เลยเอาแต่มองหางานที่ไม่มีเพดานกั้น แต่ลืมไปว่าความสามารถของตัวเองมันมีเพดาน  อย่าคิดแต่จะเพิ่มเงินเดือนอย่างเดียว คนเรามีขีดจำกัด ถ้าบ้านไม่ได้รวยก็ต้องรู้ขอบเขตตัวเอง จะไปใช้เงินตามลูกคนรวยหรือพวกขี้อวดไม่ได้ คำง่ายๆก็ "ลดค่าใช้จ่าย" ผมอยู่กลางกรุงเทพยังกินวันละ ~100 บาท จะไปกินเอาอร่อยสุขสบายมื้อละ 70 บาทน่ะก็ได้ แต่ไม่ใช่ทำแล้วมีปัญหาทางการเงินแล้วบ่น ต้องประมาณตนเอง ศึกษาพื้นที่โดยรอบว่าร้านไหนคุ้มที่สุด ทำเองคุ้มกว่าหรือเปล่า อะไรบ้างที่ลดค่าใช้จ่ายได้บ้าง ไม่ใช่คิดจะใช้ชีวิตอย่างราชาแล้วเอาแต่หวังงานที่เงินเดือนสูง

คำว่าไม่เลือกงานเองนี่ก็ไม่เชิง คุณต้องเลือกงานครับ และเอาจริงๆคุณก็ไม่ได้ไม่เลือกงาน ดูจากที่พิมพ์แล้วเลือกงานสุดๆด้วยซ้ำ คือเลือกงานน่ะถูกแล้ว แต่วิธีเลือกของคุณมัน... จะว่าไงดี การเลือกงานเนี่ย เราต้องเลือกว่าจะเอางานที่ทำเอาประสบการณ์หรืองานที่จะทำไปตลอดชีวิต เพื่อดูว่าปัจจัยอะไรที่ "ควรทน" และปัจจัยอะไรที่ "ไม่ควรทน" แต่คือคุณไม่ได้เลือกตรงนี้แล้วไปทำงานในบริษัทที่ไม่มีอนาคต แต่พอบทจะเลือก ดันเลือกแบบ "งานที่ท้าทาย เงินเดือนดี เด็กจบใหม่ประสบการณ์น้อยทำได้ มีความอิสระ ไม่มีเพดานเงินเดือน" คือแบบนี่คือไม่เลือกงานเลย...  ไม่ใช่แค่เลือกบริษัท แม้แต่พวกผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้ต่างกัน ก่อนโควิดนี่ในพันทิปคือแหล่งรวมผู้ประกอบการเลย อวดร่ำอวดรวยได้ทุกวัน บอกดีงู้นดีงี้ ทำงานบริษัทห่วยแย่อ่อน เปิดกิจการเก่งเท่ดีเยี่ยมอิสระมากเวอร์ พอโควิดมานี่พังกันไปเยอะ แล้วก็โทษโน่นโทษนี่ไปเรื่อย จะทำงาน ไม่ใช่แค่มองว่าจะเอางานอะไร แต่ต้องเลือกงานโดยทำการศึกษาข้อดีข้อเสีย อย่างเสี่ยงตรงไหน ดีตรงไหน จะเอาแต่งานที่มีแต่ข้อดีแบบนั้นน่ะไม่มีหรอกด้วยประสบการณ์กับความสามารถที่ไม่ได้พิเศษ ถ้ามองผิวเผินแต่ที่งานที่ดูอิสระเงินดีก็จบง่ายๆได้แบบนั้นล่ะ

ยุคนี้มันลำบากที่ของมันแพงแบบน่าเกลียดเมื่อเทียบกับเงินเดือนก็จริง ปฏิเสธไม่ได้เลย แต่คนยุคนี้เองก็มีพวกสื่อขายฝันมากมายคอยหลอกลวงคนทั้งในเฟสในยูทูป คนก็อยากร่ำอยากรวยตามเพราะอยากสบาย จนสุดท้ายก็มาพร้อมกับวลียอดฮิตเด็กยุคนี้อย่าง "หมดไฟ" เพราะตั้งเป้าไว้ไกลเกินไป เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที เอาแต่มองที่สูง ไม่ได้มองพื้นจนสุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า จะใช้ชีวิต เป้าหมายสูงๆน่ะตั้งคร่าวๆไว้เป็นแรงบันดาลใจก็พอ ควรวางแผนเป้าหมายระยะสั้นแต่ละขั้นเอาไว้เพื่อไปถึงเป้าหมายด้วย ไม่ใช่แบบ "หางานที่เพอร์เฟค ตอบโจทย์มันทุกอย่าง ---> รวย ดี เริด" แบบนี้จะท้อก็ไม่แปลก
ความคิดเห็นที่ 11
เด็กสมัยนี้แปลก อายุก็น้อย ประสบการณ์ก็ไม่ได้มาก แต่ อยากได้เงินเดือนเยอะๆ ไม่ดูตัวเองก่อนว่า เก่งแค่ไหน เขาถึงจ้าง
ความคิดเห็นที่ 10
พูดมาได้ว่า อาชีพเซลส์ไม่มั่นคง

อายุ 24 ท้อซะละ จิตใจอ่อนแอ

แสดงว่าที่เคยทำได้ 60 k ก็ฟลุ้คน่ะแหล่ะ คนเป็นเซลส์ ถ้าทำได้มันต้องทำได้ตลอดชีวิต
ความคิดเห็นที่ 15
คุณจิตใจอ่อนแอ ขี้โวยวาย งอแง ยอมแพ้ง่ายเกินไป

ทุกๆคนย่อมผ่านช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิต

แค่นี้ถือว่าขนมกรุบครับ คุณยังต้องเจออีกเยอะครับ

อดทนต่อไป ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความจริงครับ

นี่แหละ ชีวิต
ความคิดเห็นที่ 23
วินาทีนี้ต้องต่างประเทศเท่านั้น สำหรับประเทศไทยการลงทุนมันหดตัวจนตำแหน่งงานมีไม่พอกับคนที่เรียนจบมหาลัย ถึงมีเงินเดือนมันก็น้อย การท่องเที่ยวก็หดตัว การบริโภคภายในประเทศก็ลดลง เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อว่าตอนผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ เมื่อปี 2544 เงินเดือนผมคือ 18,000 ผ่านมา 20 ปีก็ยังเท่านี้

มันเป็นเรื่องที่เศร้าที่คนอายุ 24 ในปัจจุบันคือคนที่เกิดมาประมาณปี 2540 และถ้าเกิดมาในครอบครัวกลางล่างต่างจังหวัดคุณและครอบครัวคือกลุ่มที่จะได้พบกับความรุ่งโรจน์ของประเทศที่เริ่มในช่วงนั้น คุณจะเกิดมากับความมั่งคั่งของครอบครัวที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากผลพวงของนโยบายทางเศรษฐกิจ และสวัสดิการรัฐที่ช่วยเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย แต่มาจนถึงวันที่คุณเรียนจบคุณจึงพบว่าเป็นไปได้ยากที่คุณจะขยันเท่ากับคนรุ่นพ่อแม่ และมีเงินในระดับเท่า ๆ กันในระดับช่วงอายุเดียวกันแบบที่พ่อแม่เคยเป็น และนั่นระดับการศึกษายังไม่เท่ากับคนรุ่นคุณอีกด้วย

ฟิลิปปินส์ และบัลกาเรีย คือภาพฉายของอนาคตประเทศไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่