กลับมาอีกครั้งสำหรับค่าย ASUS ในครั้งนี้มาในกับ ASUS EXPERTBOOK B5 ที่มาพร้อมกับการออกแบบดีไซน์ที่สวยโดนใจ อีกทั้งประสิทธิภาพการใช้งานเร็วแรงกว่าเดิมในทุกๆด้าน เหมาะกับสายธุรกิจหรือสายทำงาน พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างง่ายดาย กับน้ำหนักตัวเครื่องที่มีความเบาเพียงแค่ 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น รองรับการใช้งานได้หลากหลายมากจริงๆ เรียกได้ว่าสายงานไหน ไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหนเจ้าตัวนี้ก็สามารถเอาอยู่ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่พัฒนาออกมาได้อย่างตอบโจทย์ลงตัว ใช้งานหนักหน่วงได้อย่างสบายๆ หลายๆคนคงอยากรู้แล้วว่าเจ้าตัวนี้มีอะไรพิเศษบ้าง เราไปอ่านรีวิวพร้อมๆกันเลย
มาพร้อมกับหน้าจอ 16:9 หน้าจอแบบ Anti-glare IPS ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080, พร้อมกับช่วงสี sRGB 100% ให้ภาพที่มีสีสันสดใส แม่นยำคมชัด มาพร้อมชิปประมวลผล Intel® Core™ i5-1240P Processor มอบประสบการณ์การใช้งานที่โหดกว่าเดิม ให้การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics RAM 8GB UP TO 32GB แบตเตอรี่ 63Whr 3-cell Li-ion polymer สามารถใช้งานยาวนานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมงเลยนะ ในรุ่นนี้รองรับการใช้งาน WiFi 6E (802.11ax), Bluetooth® 5.2 นอกจากนี้ยังให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ภาพรวมสเปกโหดมากๆ ใช้งานลื่นไหลเร็วแรงไม่มีสะดุดกวนใจ
DESIGN
การออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่ามีความสวยงาม พรีเมียม ดูหรูดูแพงสุดๆ ถือใช้งานไปไหนมาไหนก็มั่นใจ มีการออกแบบดีไซน์ให้มีความบางเบาพิเศษ เอื้ออำนวยต่อการเก็บใช้งาน หรือการพกพาโดยเฉพาะเลย ตัวเครื่องด้านบนและด้านล่างผลิตจากอลูมิเนียม แต่บริเวณรอบๆตัวเครื่องนั้นจะใช้เป็นโลหะผสมระหว่างแมกนีเซียมกับอลูมิเนียม น้ำหนักจึงมีความเบาพิเศษนั้นเอง แต่ความแข็งแรงทนทานต้องบอกเลยว่ายืนหนึ่งไม่มีเปลี่ยน
ด้านหลังของตัวเครื่องในรุ่นนี้จะมีไฟ LED ที่เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ ดึงดูดสายตามากๆเลยแหละ โดยตัวไฟ LED นี้จะมีหน้าที่แสดงสถานะการใช้งานของเราอัตโนมัติ หากเราติดประชุมอยู่หรือกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ไฟ LED ก็จะติดอัตโนมัติ ช่วยให้คนรอบข้างไม่มากวนใจเราขณะที่เรากำลังใช้งาน เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แอดชอบมากๆ แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ไฟ LED บอกสถานะ ก็สามารถเปิด-ปิด การทำงานของฟีเจอร์นี้ได้ตามความต้องการของเราเลยนะ เป็นอะไรที่เจ๋งมาก
ขอบจอมีความบางมากๆ ช่วยให้เราสามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างเต็มพื้นที่เต็มตา และในรุ่นนี้มาพร้อมกับการฝังกล้องไว้บริเวณขอบจอด้านบนแบบสวยงามเนียนๆ จะมีเพียงขอบด้านล่างเท่านั้นที่จะหนากว่าขอบด้านอื่นๆ แต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการใช้งานเลย
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นในส่วนของระบบระบายความร้อนที่มีมาให้ใช้งานแบบจุกๆ สามารถระบายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หมดห่วงเครื่องร้อนขณะใช้งานไปได้เลย อีกทั้งยังมาพร้อมกับลำโพงที่มีใส่มาให้ในบริเวณด้านล่างของทั้ง 2 ฝั่งเลย ในส่วนของข้อต่อเครื่องตามจุดต่างๆ แอดบอกได้เลยว่ามีความแข็งแรงทนทานจริงๆ อีกทั้งต่อติดกันได้อย่างเนียนเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน หมดห่วงเลยหลุดหักพังง่ายไปได้เลย โดยรวมการออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้แอดขอยกนิ้วให้เลย มีความสวยหรู ดูแพง และสมาร์ทไปในตัว
SPEC
- Intel® CoreTM i5-1240P Processor
- การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics
- หน้าจอ anti-glare IPS ขนาด 14 นิ้ว, อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 ความคมชัดระดับ FHD (1920×1080), ค่ารีเฟรทเรท 60Hz, 100% sRGB color gamut, 400-nit brightness, Intel Display Power Saving Technology supported
- 8 GB DDR5-4800 Onboard memory 1 x SO-DIMM slot supports up to 32GB DDR5-4800
- PCIe4.0x4 NVMe M.2 slots support up to 2TB
- WiFi 6E (802.11ax), Bluetooth® 5.2
- Windows 11 Pro
- แบตเตอรี่ 63Whr 3-cell Li-ion polymer
- พอร์ตเชื่อมต่อ 2 x ThunderboltTM 4 USB-CTM, 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x HDMI 2.0, 1 x Gigabit RJ45 LAN port, 1 x Kensington® lock slot, 1 x Combo audio jack
- น้ำหนักตัวเครื่อง 1.25 กิโลกรัม
- ขนาดตัวเครื่อง 32.34 x 22.31 x 17.9 mm
- ASUS Exclusive Care 3 Year Onsite Service / 3 Year Global Warranty (80 ประเทศ) / 1 Year Perfect Warranty
PERFORMANCE
ทางด้านของการใช้งานมาพร้อมกับการใช้งาน Intel® CoreTM i5-1240P Processor ที่เร็วแรงเหนือขั้นสุดๆ รองรับการใช้งานได้อย่างลงตัวมากๆ รวมไปถึงให้การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics มาให้ใช้งานด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ RAM 8GB ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 32GB เลยนะ ในด้านของการใช้งานในรุ่นนี้ให้มาค่อนข้างโหดพอตัวเลยแหละ รองรับการใช้งานได้สบายๆไม่มีอะไรน่ากังวลเลย สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงการเรนเดอร์ไฟล์ใหญ่ๆได้ดี พื้นที่ใช้งานให้มาจุกๆ
ในเรื่องของคะแนน PC MARK นั้นตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าคะแนนออกมาอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเช่นเดิม โดยคะแนน PC MARK ของเจ้าตัวนี้ที่ได้ทำการทดสอบสามารถทำคะแนนอยู่ที่ 5474 คะแนน ยังคงทำคะแนนได้สูงตามมาตรฐานเช่นเดิมเลยนะ ซึ่งการทดสอบในเรื่องนี้เป็นคะแนนที่รับได้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานโดยทั่วไป
ตามมาในส่วนของคะแนน Night Raid กันบ้างสามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 15562 คะแนนเลยแหละ เป็นคะแนนที่สูงมากๆน่าประทับใจสุดไรสุดเลย แอดขอบอก ต่อมาทดสอบในตัว Wild Life สามารถทำคะแนนไปได้ที่ 14363 คะแนน จากคะแนนที่ได้ตอบบอกว่าทางค่ายให้สเปกมาโหดกว่าเดิมและที่สำคัญสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย รองรับการใช้งานหนักหน่วงได้ลื่นๆ
ถัดมาในตัวนี้ที่เป็นคะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละ สามารถทำคะแนนไปได้ 1855 คะแนน เรียกได้ว่าเป็นคะแนนที่ทำได้ดีมากในตัว R15 และตามมาในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นสามารถทำไปได้ 2352 คะแนน และสุดท้ายในตัว R23 สามารถทำคะแนนไปได้ถึง 6627 pts โดยรวมถือว่าคะแนนนั้นทำออกมาได้ดีมากๆ พัฒนาจากรุ่นก่อนมาเยอะ แน่นอนว่าการใช้งานจะไหลลื่นลงตัวกว่าเก่า ในแง่การประมวลผลของ CPU ทำได้ดีจริงๆ
SCREEN
ทางด้านของหน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Anti-glare จอแสดงผลรองรับความละเอียด 1920 x 1080 มีช่วงสี sRGB 100% ช่วยให้สามารถแสดงสีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะตอบโจทย์มากๆเลยนะสำหรับสายงานตัดต่อ ออกแบบกราฟิกที่จำเป็นต้องมีความแม่นยำในด้านของสี ตัวนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลยนะ ทางด้านของการสู้แสงในรุ่นนี้สามารถสู้แสงได้ดีเลย ให้ความสว่างสูงสุดมาถึง 400 นิต นำไปใช้งานนอกอาคารนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ เห็นรายละเอียดคมชัดเช่นเดียวกับอยู่ในที่ร่มเลย หน้าจอออกแบบมาได้อย่างสวยงามมีขอบจอที่บางพอดี ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น
KEYBORD TOUCHPAD
ทางด้านของคีย์บอร์ดในรุ่นนี้ยังคงมีการออกแบบมาในลักษณะคล้ายเดิมกับรุ่นก่อนๆ การจัดวางระยะห่างปุ่มกดอยู่ในลำดับที่กำลังพอดีมือ ใช้งานง่ายมากๆ ทำได้ดีน่าประทับใจไม่เปลี่ยนจริงๆสำหรับค่าย ASUS การกดก็เด้งสู้นิ้วได้ดี ตัวปุ่มกดมาในโทนสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับมีไฟ Blacklit สีขาวมาให้ใช้งานเช่นเคย ช่วยให้เรามองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องจ้องหาตัวอักษรให้ปวดตา ถัดมาในส่วนของ TouchPad ในรุ่นนี้กันบ้าง มาพร้อมกับการใช้งานงาน NamberPad เช่นเคย สามารถกดเลขได้ทันทีเหมือนรุ่นก่อนหน้า การสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลย อีกทั้งขนาดของ TouchPad มีขนาดที่กำลังพอดีเหมาะสมกับตัวเครื่อง จึงทำให้ใช้งานได้ง่ายสะดวกไม่เมื่อยมือเวลาใช้งานต่อเนื่องยาวๆ เป็นอีกจุดที่แอดชอบมากๆ
SPEAKER
ทางด้านของเสียงในรุ่นนี้แน่นอนว่าเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์เช่นเดิม เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวาที่อยู่บริเวณมุมเครื่องทั้ง 2 ข้าง มอบเสียงที่ดังในระดับที่เหมาะสมลงตัว เสียงแน่น มีมิติน่าฟัง ในส่วนของเบสนั้นให้เสียงนุ่มลึก อีกทั้งเสียงยังสามารถแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงกระจายรอบทิศทาง แน่นอนว่าให้คุณภาพเสียงที่ดีมาขนาดนี้ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมอะไรก็สามารถใช้งานได้อย่างฟินๆ ยิ่งถ้าในเรื่องของเสียง Effect นั้นก็รู้สึกถึงความแน่นเช่นเคย ให้ความตื่นเต้นเร้าใจได้ดีเลยแหละ ทางค่ายยังคงพัฒนามาได้ตอบโจทย์ในทุกด้านจริงๆ เป็นอีกจุดเด่นของค่ายนี้เลย
CONNECTOR
ทางด้านของพอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้ให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวเครื่องจะถูกออกแบบมาให้มีความบางเบา แต่ก็ยังคงให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบทั้ง 2 ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ โดยฝั่งซ้ายจะมี ThunderboltTM 4 USB-CTM จำนวน 2 ช่อง ตามมาด้วย Gigabit RJ45 LAN port 1 ช่อง, HDMI 2.0 จำนวน 1 ช่อง และ USB 3.2 Gen 2 Type-A อีก 1 ช่อง ในส่วนของฝั่งขวาจะมีเป็น Kensington® lock slot ตามมาด้วยช่องใส่ microSD Card ช่อง USB 2.0 Type-A 1 และ Combo audio jack ปิดท้ายเป็นปุ่ม Power ที่อยู่ข้างเครื่อง เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ รองรับการเสียบใช้งานอย่างง่ายดาย
[SR] รีวิว ASUS EXPERTBOOK B5 สายธุรกิจ น้ำหนักเบา 1.25 กก. พร้อม i7 Gen 12 แถมแบตอึดด้วย !
กลับมาอีกครั้งสำหรับค่าย ASUS ในครั้งนี้มาในกับ ASUS EXPERTBOOK B5 ที่มาพร้อมกับการออกแบบดีไซน์ที่สวยโดนใจ อีกทั้งประสิทธิภาพการใช้งานเร็วแรงกว่าเดิมในทุกๆด้าน เหมาะกับสายธุรกิจหรือสายทำงาน พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างง่ายดาย กับน้ำหนักตัวเครื่องที่มีความเบาเพียงแค่ 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น รองรับการใช้งานได้หลากหลายมากจริงๆ เรียกได้ว่าสายงานไหน ไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหนเจ้าตัวนี้ก็สามารถเอาอยู่ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่พัฒนาออกมาได้อย่างตอบโจทย์ลงตัว ใช้งานหนักหน่วงได้อย่างสบายๆ หลายๆคนคงอยากรู้แล้วว่าเจ้าตัวนี้มีอะไรพิเศษบ้าง เราไปอ่านรีวิวพร้อมๆกันเลย
มาพร้อมกับหน้าจอ 16:9 หน้าจอแบบ Anti-glare IPS ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080, พร้อมกับช่วงสี sRGB 100% ให้ภาพที่มีสีสันสดใส แม่นยำคมชัด มาพร้อมชิปประมวลผล Intel® Core™ i5-1240P Processor มอบประสบการณ์การใช้งานที่โหดกว่าเดิม ให้การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics RAM 8GB UP TO 32GB แบตเตอรี่ 63Whr 3-cell Li-ion polymer สามารถใช้งานยาวนานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมงเลยนะ ในรุ่นนี้รองรับการใช้งาน WiFi 6E (802.11ax), Bluetooth® 5.2 นอกจากนี้ยังให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ภาพรวมสเปกโหดมากๆ ใช้งานลื่นไหลเร็วแรงไม่มีสะดุดกวนใจ
DESIGN
การออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่ามีความสวยงาม พรีเมียม ดูหรูดูแพงสุดๆ ถือใช้งานไปไหนมาไหนก็มั่นใจ มีการออกแบบดีไซน์ให้มีความบางเบาพิเศษ เอื้ออำนวยต่อการเก็บใช้งาน หรือการพกพาโดยเฉพาะเลย ตัวเครื่องด้านบนและด้านล่างผลิตจากอลูมิเนียม แต่บริเวณรอบๆตัวเครื่องนั้นจะใช้เป็นโลหะผสมระหว่างแมกนีเซียมกับอลูมิเนียม น้ำหนักจึงมีความเบาพิเศษนั้นเอง แต่ความแข็งแรงทนทานต้องบอกเลยว่ายืนหนึ่งไม่มีเปลี่ยน
ด้านหลังของตัวเครื่องในรุ่นนี้จะมีไฟ LED ที่เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ ดึงดูดสายตามากๆเลยแหละ โดยตัวไฟ LED นี้จะมีหน้าที่แสดงสถานะการใช้งานของเราอัตโนมัติ หากเราติดประชุมอยู่หรือกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ไฟ LED ก็จะติดอัตโนมัติ ช่วยให้คนรอบข้างไม่มากวนใจเราขณะที่เรากำลังใช้งาน เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แอดชอบมากๆ แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ไฟ LED บอกสถานะ ก็สามารถเปิด-ปิด การทำงานของฟีเจอร์นี้ได้ตามความต้องการของเราเลยนะ เป็นอะไรที่เจ๋งมาก
ขอบจอมีความบางมากๆ ช่วยให้เราสามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างเต็มพื้นที่เต็มตา และในรุ่นนี้มาพร้อมกับการฝังกล้องไว้บริเวณขอบจอด้านบนแบบสวยงามเนียนๆ จะมีเพียงขอบด้านล่างเท่านั้นที่จะหนากว่าขอบด้านอื่นๆ แต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการใช้งานเลย
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นในส่วนของระบบระบายความร้อนที่มีมาให้ใช้งานแบบจุกๆ สามารถระบายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หมดห่วงเครื่องร้อนขณะใช้งานไปได้เลย อีกทั้งยังมาพร้อมกับลำโพงที่มีใส่มาให้ในบริเวณด้านล่างของทั้ง 2 ฝั่งเลย ในส่วนของข้อต่อเครื่องตามจุดต่างๆ แอดบอกได้เลยว่ามีความแข็งแรงทนทานจริงๆ อีกทั้งต่อติดกันได้อย่างเนียนเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน หมดห่วงเลยหลุดหักพังง่ายไปได้เลย โดยรวมการออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้แอดขอยกนิ้วให้เลย มีความสวยหรู ดูแพง และสมาร์ทไปในตัว
SPEC
- Intel® CoreTM i5-1240P Processor
- การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics
- หน้าจอ anti-glare IPS ขนาด 14 นิ้ว, อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 ความคมชัดระดับ FHD (1920×1080), ค่ารีเฟรทเรท 60Hz, 100% sRGB color gamut, 400-nit brightness, Intel Display Power Saving Technology supported
- 8 GB DDR5-4800 Onboard memory 1 x SO-DIMM slot supports up to 32GB DDR5-4800
- PCIe4.0x4 NVMe M.2 slots support up to 2TB
- WiFi 6E (802.11ax), Bluetooth® 5.2
- Windows 11 Pro
- แบตเตอรี่ 63Whr 3-cell Li-ion polymer
- พอร์ตเชื่อมต่อ 2 x ThunderboltTM 4 USB-CTM, 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x HDMI 2.0, 1 x Gigabit RJ45 LAN port, 1 x Kensington® lock slot, 1 x Combo audio jack
- น้ำหนักตัวเครื่อง 1.25 กิโลกรัม
- ขนาดตัวเครื่อง 32.34 x 22.31 x 17.9 mm
- ASUS Exclusive Care 3 Year Onsite Service / 3 Year Global Warranty (80 ประเทศ) / 1 Year Perfect Warranty
PERFORMANCE
ทางด้านของการใช้งานมาพร้อมกับการใช้งาน Intel® CoreTM i5-1240P Processor ที่เร็วแรงเหนือขั้นสุดๆ รองรับการใช้งานได้อย่างลงตัวมากๆ รวมไปถึงให้การ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics มาให้ใช้งานด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ RAM 8GB ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 32GB เลยนะ ในด้านของการใช้งานในรุ่นนี้ให้มาค่อนข้างโหดพอตัวเลยแหละ รองรับการใช้งานได้สบายๆไม่มีอะไรน่ากังวลเลย สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงการเรนเดอร์ไฟล์ใหญ่ๆได้ดี พื้นที่ใช้งานให้มาจุกๆ
ในเรื่องของคะแนน PC MARK นั้นตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าคะแนนออกมาอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเช่นเดิม โดยคะแนน PC MARK ของเจ้าตัวนี้ที่ได้ทำการทดสอบสามารถทำคะแนนอยู่ที่ 5474 คะแนน ยังคงทำคะแนนได้สูงตามมาตรฐานเช่นเดิมเลยนะ ซึ่งการทดสอบในเรื่องนี้เป็นคะแนนที่รับได้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานโดยทั่วไป
ตามมาในส่วนของคะแนน Night Raid กันบ้างสามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 15562 คะแนนเลยแหละ เป็นคะแนนที่สูงมากๆน่าประทับใจสุดไรสุดเลย แอดขอบอก ต่อมาทดสอบในตัว Wild Life สามารถทำคะแนนไปได้ที่ 14363 คะแนน จากคะแนนที่ได้ตอบบอกว่าทางค่ายให้สเปกมาโหดกว่าเดิมและที่สำคัญสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย รองรับการใช้งานหนักหน่วงได้ลื่นๆ
ถัดมาในตัวนี้ที่เป็นคะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละ สามารถทำคะแนนไปได้ 1855 คะแนน เรียกได้ว่าเป็นคะแนนที่ทำได้ดีมากในตัว R15 และตามมาในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นสามารถทำไปได้ 2352 คะแนน และสุดท้ายในตัว R23 สามารถทำคะแนนไปได้ถึง 6627 pts โดยรวมถือว่าคะแนนนั้นทำออกมาได้ดีมากๆ พัฒนาจากรุ่นก่อนมาเยอะ แน่นอนว่าการใช้งานจะไหลลื่นลงตัวกว่าเก่า ในแง่การประมวลผลของ CPU ทำได้ดีจริงๆ
SCREEN
ทางด้านของหน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Anti-glare จอแสดงผลรองรับความละเอียด 1920 x 1080 มีช่วงสี sRGB 100% ช่วยให้สามารถแสดงสีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะตอบโจทย์มากๆเลยนะสำหรับสายงานตัดต่อ ออกแบบกราฟิกที่จำเป็นต้องมีความแม่นยำในด้านของสี ตัวนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลยนะ ทางด้านของการสู้แสงในรุ่นนี้สามารถสู้แสงได้ดีเลย ให้ความสว่างสูงสุดมาถึง 400 นิต นำไปใช้งานนอกอาคารนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ เห็นรายละเอียดคมชัดเช่นเดียวกับอยู่ในที่ร่มเลย หน้าจอออกแบบมาได้อย่างสวยงามมีขอบจอที่บางพอดี ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น
KEYBORD TOUCHPAD
ทางด้านของคีย์บอร์ดในรุ่นนี้ยังคงมีการออกแบบมาในลักษณะคล้ายเดิมกับรุ่นก่อนๆ การจัดวางระยะห่างปุ่มกดอยู่ในลำดับที่กำลังพอดีมือ ใช้งานง่ายมากๆ ทำได้ดีน่าประทับใจไม่เปลี่ยนจริงๆสำหรับค่าย ASUS การกดก็เด้งสู้นิ้วได้ดี ตัวปุ่มกดมาในโทนสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับมีไฟ Blacklit สีขาวมาให้ใช้งานเช่นเคย ช่วยให้เรามองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องจ้องหาตัวอักษรให้ปวดตา ถัดมาในส่วนของ TouchPad ในรุ่นนี้กันบ้าง มาพร้อมกับการใช้งานงาน NamberPad เช่นเคย สามารถกดเลขได้ทันทีเหมือนรุ่นก่อนหน้า การสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลย อีกทั้งขนาดของ TouchPad มีขนาดที่กำลังพอดีเหมาะสมกับตัวเครื่อง จึงทำให้ใช้งานได้ง่ายสะดวกไม่เมื่อยมือเวลาใช้งานต่อเนื่องยาวๆ เป็นอีกจุดที่แอดชอบมากๆ
SPEAKER
ทางด้านของเสียงในรุ่นนี้แน่นอนว่าเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์เช่นเดิม เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวาที่อยู่บริเวณมุมเครื่องทั้ง 2 ข้าง มอบเสียงที่ดังในระดับที่เหมาะสมลงตัว เสียงแน่น มีมิติน่าฟัง ในส่วนของเบสนั้นให้เสียงนุ่มลึก อีกทั้งเสียงยังสามารถแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงกระจายรอบทิศทาง แน่นอนว่าให้คุณภาพเสียงที่ดีมาขนาดนี้ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมอะไรก็สามารถใช้งานได้อย่างฟินๆ ยิ่งถ้าในเรื่องของเสียง Effect นั้นก็รู้สึกถึงความแน่นเช่นเคย ให้ความตื่นเต้นเร้าใจได้ดีเลยแหละ ทางค่ายยังคงพัฒนามาได้ตอบโจทย์ในทุกด้านจริงๆ เป็นอีกจุดเด่นของค่ายนี้เลย
CONNECTOR
ทางด้านของพอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้ให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวเครื่องจะถูกออกแบบมาให้มีความบางเบา แต่ก็ยังคงให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบทั้ง 2 ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ โดยฝั่งซ้ายจะมี ThunderboltTM 4 USB-CTM จำนวน 2 ช่อง ตามมาด้วย Gigabit RJ45 LAN port 1 ช่อง, HDMI 2.0 จำนวน 1 ช่อง และ USB 3.2 Gen 2 Type-A อีก 1 ช่อง ในส่วนของฝั่งขวาจะมีเป็น Kensington® lock slot ตามมาด้วยช่องใส่ microSD Card ช่อง USB 2.0 Type-A 1 และ Combo audio jack ปิดท้ายเป็นปุ่ม Power ที่อยู่ข้างเครื่อง เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ รองรับการเสียบใช้งานอย่างง่ายดาย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้