ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา PGA Tour ได้ยื่นฟ้องกลับ Liv Golf กล่าวหาว่า Liv Golf พยายามชักจูง นักกอล์ฟระดับแถวหน้าของพีจีเอทัวร์ ให้ละเมิดสัญญา ที่ทำไว้กับ PGA Tour ด้วยการอ้างว่า PGA Tour ไม่สามารถที่จะใช้กฎหมายเอาผิดใดๆ กับสมาชิกได้
เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว PGA Tour องค์กรกอล์ฟทัวร์อันดับหนึ่งของโลก ได้ยื่นฟ้องกลับ (countersuit) ต่อ Liv Golf และสามนักกอล์ฟในสังกัดของ Liv Golf ต่อศาลรัฐบาลกลาง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย ตอบโต้กรณีที่ Liv Golf ได้ยื่นฟ้องตนเมือกลางปีที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า ทัวร์ใหม่ ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียหนุนหลัง ได้ทำการโน้มน้าว ชักจูงนักกอล์ฟสมาชิกในทัวร์ของตน ให้กระทำผิดสัญญา ข้อกล่าวหายังครอบคลุมถึง การเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ จากการลงทุนสร้างและพัฒนานักกอล์ฟอาชีพของตน
แน่นอนว่า Liv Golf ไม่รอช้า รุ่งขึ้นเช้าวันพฤหัสบดี ก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้การฟ้องกลับครั้งนี้ว่า
“พีจีเอทัวร์ทำการฟ้องกลับ เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจ จากการที่พีจีเอทัวร์ได้ละเมิดกฎหมายผูกขาดการแข่งขัน(ธุรกิจ) ซึ่งลีฟกอล์ฟและนักกอล์ฟของเรา ได้ให้รายละเอียดประกอบในคดีฟ้อง เป็นความยาว 104 หน้ากระดาษ เรามั่นใจเต็มเปี่ยมว่า ศาลและกระบวนการยุติธรรม จะให้ความเป็นธรรมต่อเรา”
โดยนักกอล์ฟของ Liv Golf ได้รับการยืนยันจาก เก็รก นอร์แมน ซีอีโอของลีฟ ว่าจะให้การช่วยเหลือทางกฎหมายในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
นอกจากการต่อสู้ทางกฎหมาย ที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเต็มที่ การต่อสู้ทางข้อมูลข่าวสารก็เข้มข้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า Liv Golf กำเนิดขึ้นมาเพื่อทำลายล้าง PGA Tour ซึ่งในระหว่างการแข่งขัน LIV Golf Invitational Bedminster เกร็ก นอร์แมน ได้ไปให้สัมภาษณ์ถึงสตูดิโอของ Foxnews ว่า “โมเดลธุรกิจของเรา ตั้งแต่ฐานรากขึ้นมา อยู่ในระบบนิเวศน์กอล์ฟ 100 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้กำเนิดขึ้นเพื่อทำลาย PGA Tour หรือ ยูโรเปียนทัวร์ แต่อย่างใด แต่เราก่อตั้งขึ้นมาในระบบนิเวศน์กอล์ฟ ซึ่งเป็นระบบที่มีสเปสใหญ่เพียงพอ ที่ใครก็มีอิสระที่จะเข้าใช้ประโยชน์ได้”
การพิพาทระหว่างสองทัวร์ ได้ก่อตัวมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ก่อนจะพัฒนา กลายเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมาย จุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้ง Super Golf League ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า คือทัวร์กอล์ฟตั้งขึ้นใหม่ ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและกองทุน PIF ซึ่งมีเม็ดเงินสูงถึงเกือบสองล้านล้านดอลลาร์เป็นผู้ลงทุน โดยมีบริษัท LIV Golf Investments ที่ เกร็ก นอร์แมน อดีตนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของวงการกอล์ฟโลก และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ PGA Tour มาเกือบสามทศวรรษ รับหน้าที่บริหารทัวร์กอล์ฟใหม่นี้ โดยทาง PGA Tour ได้กล่าวหา Liv Golf ว่า เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายองค์กรของตน หลังมีกระแสข่าวหนาหู เกี่ยวกับนักกอล์ฟชื่อดังหลายคน ว่าได้รับการทาบทาม พร้อมเสนอค่าทำสัญญาย้ายทัวร์ ด้วยเม็ดเงินก้อนโต
จากนั้นไม่นาน ก็เกิดการย้ายทัวร์ของนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของพีจีเอทัวร์จริง พร้อมกับค่าตัวที่เล็ดลอดออกมาว่า มีมูลค่าสูงถึงหลักร้อยล้านเหรียญ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล มิกเคลสัน ที่หลายสื่อยืนยันว่า ได้ค่าตัวถึง 200 ล้านเหรียญ (นอกจากฟิลจะลงแข่งขันแล้ว เขายังทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือก หรือ recruiter เฟ้นหานักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงมาร่วมทัวร์ และบางสื่อยังวิเคราะห์ว่า เขาอาจเป็นผู้ร่วมลงทุนอีกด้วย) หรือ ดัสติน จอห์นสัน ที่ได้รับ 125 ล้านเหรียญ รวมถึง นักกอล์ฟพีจีเออีกหลายคน
หรือในรายล่าสุด ที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ คือ คาเมรอน สมิธ ที่เจ้าตัวยอมรับว่า การย้ายทัวร์ครั้งนี้ เรื่องเงินเป็นแรงจูงใจหลักของตน ซึ่งสำนักข่าว The Telegraph แห่งอังกฤษรายงานว่า สมิธได้รับค่าตัวสูงถึง 100 ล้านเหรียญ คาเมรอน สมิธ นักกอล์ฟชาวออสซี วัย 28 แชมป์ ดิ โอเพนคนล่าสุด ทำรายได้จากอาชีพกอล์ฟทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นเงิน 27.2 ล้านดอลลาร์ นอกจากการย้ายทัวร์ของนักกอล์ฟดังแล้ว ก็ยังมีนักกอล์ฟระดับกลางๆ อีกหลายคน ซึ่งต่างก็ได้รับค่าเซ็นสัญญาเป็นเงิน ที่ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่มีทางที่จะหาได้จากอาชีพนักกอล์ฟ และที่เป็นกระแสอย่างหนัก นั่นคือ ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งก็ได้รับการทาบทามเช่นกัน พร้อมกับจำนวนเม็ดเงินที่หลายคนฟังแล้วต้องตกใจ คือ high nine figures (ตัวเลขเก้าหลัก ที่นำหน้าด้วยตัวเลข 8 หรือ 9)
การสูญเสียนักกอล์ฟระดับแม่เหล็กหลายคนในทัวร์ สร้างปัญหา และกลายเป็นวิกฤตของพีจีเอทัวร์ ทำให้ เจย์ โมนาแฮน หัวหน้าใหญ่ของพีจีเอทัวร์ ได้ออกมาตอบโต้ จัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อสองสามเดือนก่อน ถึงการใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ ในความพยายามที่จะทุ่มซื้อนักกอล์ฟ โดยเจย์กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับการแข่งขันทางธุรกิจ ที่สร้างสรรค์และขาวสะอาด แต่ Liv Golf ไม่ใช่ แต่เป็นภัยคุกคามที่ไร้ความชอบธรรม เพราะลีฟกอล์ฟ ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนของการลงทุน และยังไม่ใช่การสร้างความเติบโต ให้กับเกมกอล์ฟอย่างแท้จริง”
บางสื่อของอเมริกา รวมถึง บุคคลระดับคีย์แมนของพีจีเอทัวร์ ได้ออกมากล่าวหาแรงๆ ว่า การลงทุนที่ไม่หวังผลตอบแทนทางธุรกิจของ Liv Golf แท้จริงคือ ต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ผ่านกีฬา (sportswash) ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกโยงว่า อยู่เบื้องหลังการสังหาร จามาล คาสโช๊กกี นักข่าวของวอชิงตันโพสต์ ที่กรุงอิสตันบูล ในปี 2018 และยังมีประวัติพัวพันกับเรื่องสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่า เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง เมื่อพิจารณาดูการลงทุนมหาศาล ทั้งการกว้านซื้อนักกอล์ฟเข้าสังกัด รวมถึงรูปแบบการจัดการแข่งขันของ Liv Golf ซึ่งพยายามทำให้แตกต่างจาก PGA ที่มีแพลตฟอร์มในแนวอนุรักษ์นิยม รักษาความเป็น traditional ที่ดำรงมานับร้อยปี โดยการนำเสนอของลีฟ ได้เอาความบันเทิงอย่างดนตรี รวมทั้งเมนูอาหารชั้นเลิศ มาผสมผสานกับกีฬากอล์ฟ ทำให้คนดูสนุก สามารถใกล้ชิดตัวนักกอล์ฟได้ นอกจากนี้ การแข่งขันยังกำหนดเพียง 54 หลุม แข่งขันสามวัน ทั้งประเภทเดี่ยวและทีม เริ่มการแข่งแบบช็อตกันสตาร์ท นับว่าช่วยประหยัดเวลาได้มาก ซึ่งเข้ากับวิถีชีวิตยุคใหม่ สิ่งเหล่านี้ ทาง Liv Golf บอกว่า จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และเอาใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะสร้างความเติบโตและการเข้าถึงกอล์ฟมากขึ้น รวมถึง การถ่ายทอดผ่านยูทูป ที่ช่วยขยายฐานผู้ชมทางบ้าน ให้กว้างยิ่งขึ้น
นอกจากตัวโปรดักชั่น ที่ได้รับการปรับลุคใหม่ ให้ตอบโจท์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แล้ว ประเด็นที่สร้างมิติใหม่ให้กับวงการกอล์ฟ นั้นคือ Liv Golf จัดเงินรางวัล ที่สูงสุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟอาชีพ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ จัสติน โธมัส ซึ่งคว้าแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิป ปี 2022 ได้รับเงินรางวัล 2.16 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ชาร์ล ชวาทเซิล ซึ่งคว้าแชมป์รายการแรกของ Liv Golf ที่กรุงลอนดอน ได้เงินรางวัลถึง 4.75 ล้านดอลลาร์ (ประเภทบุคคล 4 ล้านดอลลาร์ และทีม 0.75 ล้านดอลลาร์) เฉพาะปีแรก Liv Golf มีเงินรางวัลการแข่งขันรวม จากแปดรายการ สูงถึง 225 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ PGA Tour มีเงินรางวัลทั้งหมดจากทั้งหมดกว่า 50 รายการ ไม่ถึง 500 ล้านดอลลาร์
ในปัจจุบัน Liv Golf มีนักกอล์ฟชั้นนำของโลก ลงแข่งขันในซีรีส์ของตน เช่น ฟิล มิกเคลสัน ดัสติน จอห์นสัน ไบรซสัน ดีแชมโบ แพททริก รีด บรูคส์ เคปก้า ลี เวสต์วูด เอียน โพลเตอร์ เฮนริค สเตนสัน หรือรายล่าสุด คาเมรอน สมิธ
ในการยื่นฟ้องกลับของ PGA Tour ครั้งนี้ ยังเป็นการตอบโต้กรณีที่มีการแก้ไขคำฟ้อง ซึ่งเดิมนักกอล์ฟจำนวน 11 คนของ Liv Golf ได้ยื่นฟ้องต่อ PGA Tour ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า PGA Tour ดำเนินกิจการโดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วย ความอิสระของการแข่งขันธุรกิจ และมีพฤติกรรมผูกขาด ด้วยการออกกฎห้ามนักกอล์ฟในทัวร์ของตน เข้าร่วมแข่งขันในรายการของ Liv Golf รวมถึง ระงับสิทธิ์นักกอล์ฟที่เข้าร่วมกับ Liv Golf ไม่ให้ลงแข่งในรายการของ PGA Tour
โดยหลังการแก้ไขคำฟ้องครั้งนี้ จะมี Liv Golf ในฐานะนิติบุคคล เข้าร่วมเป็นหนึ่งในโจทก์ ร่วมกับนักกอล์ฟที่เหลืออยู่อีกสามคน
โดย PGA Tour ได้ตอบโต้ประเด็นข้อกล่าวหาในแถลงการณ์ของ ของ Liv Golf ว่าเป็นแค่ “นิยายที่แต่งขึ้น”
โดยกล่าวว่า แถลงการณ์ของ Liv Golf เกี่ยวกับประเด็นความอิสระของนักกอล์ฟ เป็นเพียงแค่แผนพีอาร์ ที่หลอกลวงและไร้เหตุผล เป็นการสร้างเรื่องเพื่อต้องการด้อยค่า และทำลายชื่อเสียงของพีจีเอทัวร์ อีกทั้งยังเป็นการเบี่ยงเบนข้อวิพากษ์วิจารณ์โมเดลธุรกิจที่มีข้อจำกัดของตน
“ที่จริง แกนสำคัญของกลยุทธ์ของ Liv Golf คือการพยายามชักจูงนักกอล์ฟของพีจีเอทัวร์ ให้ทำการผิดสัญญากับทัวร์ แล้วก็ไปเล่นใน Liv Golf ในขณะเดียวกัน ก็พยายามหาวิธีเพื่อที่จะรักษาสมาชิกภาพในพีจีเอทัวร์เอาไว้ด้วย เพื่อลงเล่นในรายการใหญ่ เช่น The Players Championship และ FedEx Cup Playoffs ซึ่งทำให้ Liv Golf สามารถเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ จากแพลตฟอร์มการสร้างและพัฒนานักกอล์ฟอาชีพของพีจีเอทัวร์ อย่างไม่ละอาย”
การฟ้องกลับครั้งนี้ ยังเป็นการรุกคืบของพีจีเอทัวร์ จากกรณีที่ Liv Golf มีการแก้ไขคำฟ้อง เพื่อขอจำหน่ายชื่อนักกอล์ฟบางราย ออกจากบัญชีผู้โจทก์
ซึ่งในวันอังคารสัปดาห์ก่อน ฟิล มิกเคลสัน เทเลอร์ กูช เอียน โพลเตอร์ และ ฮัดสัน ชวาฟฟอร์ด ได้ยื่นต่อศาล เพื่อขอจำหน่ายชื่อตัวเอง ออกจากการร่วมยื่นฟ้องคดีการผูกขาดธุรกิจ ต่อ PGA Tour จากการที่ PGA Tour ได้ถอดสมาชิกภาพของตน และใช้อำนาจผูกขาดในการไม่ให้ตนได้ลงแข่งขัน ในรายการของ PGA Tour และก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ ก็มีนักกอล์ฟจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นศาลขอถอดชื่อตนออกไปเช่นกัน ซึ่งเดิมมีชื่อนักกอล์ฟในฐานะโจทก์จำนวน 11 คน ปัจจุบันเหลือเพียงสามคน บวกกับหนึ่งชื่อของ Liv Golf ที่เป็นนิติบุคคล
โดย ฟิล ได้ให้รายละเอียดต่อการขอถอดชื่อตัวเองครั้งนี้ว่า
“ในเมื่อมีชื่อขององค์กร Liv Golf อยู่ในบัญชีชื่อผู้ร่วมฟ้องแล้ว ชื่อของตนก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”
ทั้งนี่ การดำเนินการไต่สวนและพิจารณาคดีของศาลรัฐบาลกลาง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย จะไม่เริ่มต้นจนกว่าจะถึง เดือนมกราคม ปี 2566
แต่อย่างไรก็ตาม หากจะพยายามคาดเดา จากผลการดำเนินการทางกฎหมายเบื้องต้นจากที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ทั้งสองทัวร์ ต่างก็มีทั้งได้และเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ โดยกรณีแรก เป็นการพิจารณาคำร้องของนักกอล์ฟสี่คนที่เข้าร่วมกับ Liv Golf และถูก DP World แบนในรายการ Scottish Open ปรากฏว่า คณะตุลาการศาลกีฬา (Sport Resolutions) ตัดสินให้ทั้งสี่คนชนะ และสามารถเข้าแข่งขันได้ ทั้งสี่คนประกอบด้วย เอียน โพลเตอร์ เอเดรียน โอเตกี จัสติน ฮาร์ดิง และ แบรนเดน เกรซ
ในกรณีที่สอง ที่เพิ่งเกิดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม เมื่อนักกอล์ฟสามคน อดีตสมาชิกของพีจีเอทัวร์ ที่เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นกับ Liv Golf ซึ่งประกอบด้วย เทเลอร์ กูช แมท โจนส์ และ ฮัดสัน ชวาฟฟอร์ด ได้ยื่นต่อศาลกลางแคลิฟอร์เนีย เพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว ให้พวกเขาทั้งสามคน สามารถลงแข่งขันในรายการ FedExCup Playoffs แต่ปรากฏว่า คำร้องได้รับการปฏิเสธจากศาล
ในระหว่างรอศาลกลางพิจารณาคดี ที่ยังเหลือเวลายาวนานถึง 14 เดือน ทั้งสองทัวร์คงจะงัดไม้เด็ดทางกลยุทธ์ เพื่อแย่งชิง(รักษา)ตัวนักกอล์ฟชั้นนำไว้อย่างถึงที่สุด รวมถึง ออกมาตรการจูงใจด้านการเงิน ทางเลือกในการเติบโตของอาชีพในทัวร์ และมาตรการประชาสัมพันธ์ เพื่อแย่งชิงตลาด และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้กลยุทธ์ทางโซเชียลมีเดีย เพื่อแย่งชิงฐานแฟนกอล์ฟ และเพิ่มความชอบธรรมให้กับทัวร์ของตน
หากมองให้ลึก นี่อาจถือได้ว่า เป็นสงครามตัวแทน ระหว่าง อำนาจแห่งประเพณีนิยมและสิทธิ์ผูกขาด โดยมีประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่เป็นพลังขับเคลื่อน กับ อำนาจของการเปลี่ยนแปลง ที่มีเงินทุนมหาศาล และประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นตัวผลักดัน
การต่อสู้ระหว่าง PGA Tour และ Liv Golf จะยังคงดำเนินต่อไป และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าผลการตัดสินของศาลกลางแห่ง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย จะออกมา แต่จวบ ณ วันนี้ เรายังมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่ปลายอุโมงค์ ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ จะจบลงอย่างไร
From War of Words to Legal Actions การต่อสู้ ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา PGA Tour ได้ยื่นฟ้องกลับ Liv Golf กล่าวหาว่า Liv Golf พยายามชักจูง นักกอล์ฟระดับแถวหน้าของพีจีเอทัวร์ ให้ละเมิดสัญญา ที่ทำไว้กับ PGA Tour ด้วยการอ้างว่า PGA Tour ไม่สามารถที่จะใช้กฎหมายเอาผิดใดๆ กับสมาชิกได้
เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว PGA Tour องค์กรกอล์ฟทัวร์อันดับหนึ่งของโลก ได้ยื่นฟ้องกลับ (countersuit) ต่อ Liv Golf และสามนักกอล์ฟในสังกัดของ Liv Golf ต่อศาลรัฐบาลกลาง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย ตอบโต้กรณีที่ Liv Golf ได้ยื่นฟ้องตนเมือกลางปีที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า ทัวร์ใหม่ ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียหนุนหลัง ได้ทำการโน้มน้าว ชักจูงนักกอล์ฟสมาชิกในทัวร์ของตน ให้กระทำผิดสัญญา ข้อกล่าวหายังครอบคลุมถึง การเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ จากการลงทุนสร้างและพัฒนานักกอล์ฟอาชีพของตน
แน่นอนว่า Liv Golf ไม่รอช้า รุ่งขึ้นเช้าวันพฤหัสบดี ก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้การฟ้องกลับครั้งนี้ว่า
“พีจีเอทัวร์ทำการฟ้องกลับ เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจ จากการที่พีจีเอทัวร์ได้ละเมิดกฎหมายผูกขาดการแข่งขัน(ธุรกิจ) ซึ่งลีฟกอล์ฟและนักกอล์ฟของเรา ได้ให้รายละเอียดประกอบในคดีฟ้อง เป็นความยาว 104 หน้ากระดาษ เรามั่นใจเต็มเปี่ยมว่า ศาลและกระบวนการยุติธรรม จะให้ความเป็นธรรมต่อเรา”
โดยนักกอล์ฟของ Liv Golf ได้รับการยืนยันจาก เก็รก นอร์แมน ซีอีโอของลีฟ ว่าจะให้การช่วยเหลือทางกฎหมายในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
นอกจากการต่อสู้ทางกฎหมาย ที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเต็มที่ การต่อสู้ทางข้อมูลข่าวสารก็เข้มข้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า Liv Golf กำเนิดขึ้นมาเพื่อทำลายล้าง PGA Tour ซึ่งในระหว่างการแข่งขัน LIV Golf Invitational Bedminster เกร็ก นอร์แมน ได้ไปให้สัมภาษณ์ถึงสตูดิโอของ Foxnews ว่า “โมเดลธุรกิจของเรา ตั้งแต่ฐานรากขึ้นมา อยู่ในระบบนิเวศน์กอล์ฟ 100 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้กำเนิดขึ้นเพื่อทำลาย PGA Tour หรือ ยูโรเปียนทัวร์ แต่อย่างใด แต่เราก่อตั้งขึ้นมาในระบบนิเวศน์กอล์ฟ ซึ่งเป็นระบบที่มีสเปสใหญ่เพียงพอ ที่ใครก็มีอิสระที่จะเข้าใช้ประโยชน์ได้”
การพิพาทระหว่างสองทัวร์ ได้ก่อตัวมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ก่อนจะพัฒนา กลายเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมาย จุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้ง Super Golf League ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า คือทัวร์กอล์ฟตั้งขึ้นใหม่ ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและกองทุน PIF ซึ่งมีเม็ดเงินสูงถึงเกือบสองล้านล้านดอลลาร์เป็นผู้ลงทุน โดยมีบริษัท LIV Golf Investments ที่ เกร็ก นอร์แมน อดีตนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของวงการกอล์ฟโลก และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ PGA Tour มาเกือบสามทศวรรษ รับหน้าที่บริหารทัวร์กอล์ฟใหม่นี้ โดยทาง PGA Tour ได้กล่าวหา Liv Golf ว่า เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายองค์กรของตน หลังมีกระแสข่าวหนาหู เกี่ยวกับนักกอล์ฟชื่อดังหลายคน ว่าได้รับการทาบทาม พร้อมเสนอค่าทำสัญญาย้ายทัวร์ ด้วยเม็ดเงินก้อนโต
จากนั้นไม่นาน ก็เกิดการย้ายทัวร์ของนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของพีจีเอทัวร์จริง พร้อมกับค่าตัวที่เล็ดลอดออกมาว่า มีมูลค่าสูงถึงหลักร้อยล้านเหรียญ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล มิกเคลสัน ที่หลายสื่อยืนยันว่า ได้ค่าตัวถึง 200 ล้านเหรียญ (นอกจากฟิลจะลงแข่งขันแล้ว เขายังทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือก หรือ recruiter เฟ้นหานักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงมาร่วมทัวร์ และบางสื่อยังวิเคราะห์ว่า เขาอาจเป็นผู้ร่วมลงทุนอีกด้วย) หรือ ดัสติน จอห์นสัน ที่ได้รับ 125 ล้านเหรียญ รวมถึง นักกอล์ฟพีจีเออีกหลายคน
หรือในรายล่าสุด ที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ คือ คาเมรอน สมิธ ที่เจ้าตัวยอมรับว่า การย้ายทัวร์ครั้งนี้ เรื่องเงินเป็นแรงจูงใจหลักของตน ซึ่งสำนักข่าว The Telegraph แห่งอังกฤษรายงานว่า สมิธได้รับค่าตัวสูงถึง 100 ล้านเหรียญ คาเมรอน สมิธ นักกอล์ฟชาวออสซี วัย 28 แชมป์ ดิ โอเพนคนล่าสุด ทำรายได้จากอาชีพกอล์ฟทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นเงิน 27.2 ล้านดอลลาร์ นอกจากการย้ายทัวร์ของนักกอล์ฟดังแล้ว ก็ยังมีนักกอล์ฟระดับกลางๆ อีกหลายคน ซึ่งต่างก็ได้รับค่าเซ็นสัญญาเป็นเงิน ที่ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่มีทางที่จะหาได้จากอาชีพนักกอล์ฟ และที่เป็นกระแสอย่างหนัก นั่นคือ ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งก็ได้รับการทาบทามเช่นกัน พร้อมกับจำนวนเม็ดเงินที่หลายคนฟังแล้วต้องตกใจ คือ high nine figures (ตัวเลขเก้าหลัก ที่นำหน้าด้วยตัวเลข 8 หรือ 9)
การสูญเสียนักกอล์ฟระดับแม่เหล็กหลายคนในทัวร์ สร้างปัญหา และกลายเป็นวิกฤตของพีจีเอทัวร์ ทำให้ เจย์ โมนาแฮน หัวหน้าใหญ่ของพีจีเอทัวร์ ได้ออกมาตอบโต้ จัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อสองสามเดือนก่อน ถึงการใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ ในความพยายามที่จะทุ่มซื้อนักกอล์ฟ โดยเจย์กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับการแข่งขันทางธุรกิจ ที่สร้างสรรค์และขาวสะอาด แต่ Liv Golf ไม่ใช่ แต่เป็นภัยคุกคามที่ไร้ความชอบธรรม เพราะลีฟกอล์ฟ ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนของการลงทุน และยังไม่ใช่การสร้างความเติบโต ให้กับเกมกอล์ฟอย่างแท้จริง”
บางสื่อของอเมริกา รวมถึง บุคคลระดับคีย์แมนของพีจีเอทัวร์ ได้ออกมากล่าวหาแรงๆ ว่า การลงทุนที่ไม่หวังผลตอบแทนทางธุรกิจของ Liv Golf แท้จริงคือ ต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ผ่านกีฬา (sportswash) ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกโยงว่า อยู่เบื้องหลังการสังหาร จามาล คาสโช๊กกี นักข่าวของวอชิงตันโพสต์ ที่กรุงอิสตันบูล ในปี 2018 และยังมีประวัติพัวพันกับเรื่องสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่า เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง เมื่อพิจารณาดูการลงทุนมหาศาล ทั้งการกว้านซื้อนักกอล์ฟเข้าสังกัด รวมถึงรูปแบบการจัดการแข่งขันของ Liv Golf ซึ่งพยายามทำให้แตกต่างจาก PGA ที่มีแพลตฟอร์มในแนวอนุรักษ์นิยม รักษาความเป็น traditional ที่ดำรงมานับร้อยปี โดยการนำเสนอของลีฟ ได้เอาความบันเทิงอย่างดนตรี รวมทั้งเมนูอาหารชั้นเลิศ มาผสมผสานกับกีฬากอล์ฟ ทำให้คนดูสนุก สามารถใกล้ชิดตัวนักกอล์ฟได้ นอกจากนี้ การแข่งขันยังกำหนดเพียง 54 หลุม แข่งขันสามวัน ทั้งประเภทเดี่ยวและทีม เริ่มการแข่งแบบช็อตกันสตาร์ท นับว่าช่วยประหยัดเวลาได้มาก ซึ่งเข้ากับวิถีชีวิตยุคใหม่ สิ่งเหล่านี้ ทาง Liv Golf บอกว่า จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และเอาใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะสร้างความเติบโตและการเข้าถึงกอล์ฟมากขึ้น รวมถึง การถ่ายทอดผ่านยูทูป ที่ช่วยขยายฐานผู้ชมทางบ้าน ให้กว้างยิ่งขึ้น
นอกจากตัวโปรดักชั่น ที่ได้รับการปรับลุคใหม่ ให้ตอบโจท์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แล้ว ประเด็นที่สร้างมิติใหม่ให้กับวงการกอล์ฟ นั้นคือ Liv Golf จัดเงินรางวัล ที่สูงสุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟอาชีพ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ จัสติน โธมัส ซึ่งคว้าแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิป ปี 2022 ได้รับเงินรางวัล 2.16 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ชาร์ล ชวาทเซิล ซึ่งคว้าแชมป์รายการแรกของ Liv Golf ที่กรุงลอนดอน ได้เงินรางวัลถึง 4.75 ล้านดอลลาร์ (ประเภทบุคคล 4 ล้านดอลลาร์ และทีม 0.75 ล้านดอลลาร์) เฉพาะปีแรก Liv Golf มีเงินรางวัลการแข่งขันรวม จากแปดรายการ สูงถึง 225 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ PGA Tour มีเงินรางวัลทั้งหมดจากทั้งหมดกว่า 50 รายการ ไม่ถึง 500 ล้านดอลลาร์
ในปัจจุบัน Liv Golf มีนักกอล์ฟชั้นนำของโลก ลงแข่งขันในซีรีส์ของตน เช่น ฟิล มิกเคลสัน ดัสติน จอห์นสัน ไบรซสัน ดีแชมโบ แพททริก รีด บรูคส์ เคปก้า ลี เวสต์วูด เอียน โพลเตอร์ เฮนริค สเตนสัน หรือรายล่าสุด คาเมรอน สมิธ
ในการยื่นฟ้องกลับของ PGA Tour ครั้งนี้ ยังเป็นการตอบโต้กรณีที่มีการแก้ไขคำฟ้อง ซึ่งเดิมนักกอล์ฟจำนวน 11 คนของ Liv Golf ได้ยื่นฟ้องต่อ PGA Tour ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า PGA Tour ดำเนินกิจการโดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วย ความอิสระของการแข่งขันธุรกิจ และมีพฤติกรรมผูกขาด ด้วยการออกกฎห้ามนักกอล์ฟในทัวร์ของตน เข้าร่วมแข่งขันในรายการของ Liv Golf รวมถึง ระงับสิทธิ์นักกอล์ฟที่เข้าร่วมกับ Liv Golf ไม่ให้ลงแข่งในรายการของ PGA Tour
โดยหลังการแก้ไขคำฟ้องครั้งนี้ จะมี Liv Golf ในฐานะนิติบุคคล เข้าร่วมเป็นหนึ่งในโจทก์ ร่วมกับนักกอล์ฟที่เหลืออยู่อีกสามคน
โดย PGA Tour ได้ตอบโต้ประเด็นข้อกล่าวหาในแถลงการณ์ของ ของ Liv Golf ว่าเป็นแค่ “นิยายที่แต่งขึ้น”
โดยกล่าวว่า แถลงการณ์ของ Liv Golf เกี่ยวกับประเด็นความอิสระของนักกอล์ฟ เป็นเพียงแค่แผนพีอาร์ ที่หลอกลวงและไร้เหตุผล เป็นการสร้างเรื่องเพื่อต้องการด้อยค่า และทำลายชื่อเสียงของพีจีเอทัวร์ อีกทั้งยังเป็นการเบี่ยงเบนข้อวิพากษ์วิจารณ์โมเดลธุรกิจที่มีข้อจำกัดของตน
“ที่จริง แกนสำคัญของกลยุทธ์ของ Liv Golf คือการพยายามชักจูงนักกอล์ฟของพีจีเอทัวร์ ให้ทำการผิดสัญญากับทัวร์ แล้วก็ไปเล่นใน Liv Golf ในขณะเดียวกัน ก็พยายามหาวิธีเพื่อที่จะรักษาสมาชิกภาพในพีจีเอทัวร์เอาไว้ด้วย เพื่อลงเล่นในรายการใหญ่ เช่น The Players Championship และ FedEx Cup Playoffs ซึ่งทำให้ Liv Golf สามารถเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ จากแพลตฟอร์มการสร้างและพัฒนานักกอล์ฟอาชีพของพีจีเอทัวร์ อย่างไม่ละอาย”
การฟ้องกลับครั้งนี้ ยังเป็นการรุกคืบของพีจีเอทัวร์ จากกรณีที่ Liv Golf มีการแก้ไขคำฟ้อง เพื่อขอจำหน่ายชื่อนักกอล์ฟบางราย ออกจากบัญชีผู้โจทก์
ซึ่งในวันอังคารสัปดาห์ก่อน ฟิล มิกเคลสัน เทเลอร์ กูช เอียน โพลเตอร์ และ ฮัดสัน ชวาฟฟอร์ด ได้ยื่นต่อศาล เพื่อขอจำหน่ายชื่อตัวเอง ออกจากการร่วมยื่นฟ้องคดีการผูกขาดธุรกิจ ต่อ PGA Tour จากการที่ PGA Tour ได้ถอดสมาชิกภาพของตน และใช้อำนาจผูกขาดในการไม่ให้ตนได้ลงแข่งขัน ในรายการของ PGA Tour และก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ ก็มีนักกอล์ฟจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นศาลขอถอดชื่อตนออกไปเช่นกัน ซึ่งเดิมมีชื่อนักกอล์ฟในฐานะโจทก์จำนวน 11 คน ปัจจุบันเหลือเพียงสามคน บวกกับหนึ่งชื่อของ Liv Golf ที่เป็นนิติบุคคล
โดย ฟิล ได้ให้รายละเอียดต่อการขอถอดชื่อตัวเองครั้งนี้ว่า
“ในเมื่อมีชื่อขององค์กร Liv Golf อยู่ในบัญชีชื่อผู้ร่วมฟ้องแล้ว ชื่อของตนก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”
ทั้งนี่ การดำเนินการไต่สวนและพิจารณาคดีของศาลรัฐบาลกลาง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย จะไม่เริ่มต้นจนกว่าจะถึง เดือนมกราคม ปี 2566
แต่อย่างไรก็ตาม หากจะพยายามคาดเดา จากผลการดำเนินการทางกฎหมายเบื้องต้นจากที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ทั้งสองทัวร์ ต่างก็มีทั้งได้และเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ โดยกรณีแรก เป็นการพิจารณาคำร้องของนักกอล์ฟสี่คนที่เข้าร่วมกับ Liv Golf และถูก DP World แบนในรายการ Scottish Open ปรากฏว่า คณะตุลาการศาลกีฬา (Sport Resolutions) ตัดสินให้ทั้งสี่คนชนะ และสามารถเข้าแข่งขันได้ ทั้งสี่คนประกอบด้วย เอียน โพลเตอร์ เอเดรียน โอเตกี จัสติน ฮาร์ดิง และ แบรนเดน เกรซ
ในกรณีที่สอง ที่เพิ่งเกิดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม เมื่อนักกอล์ฟสามคน อดีตสมาชิกของพีจีเอทัวร์ ที่เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นกับ Liv Golf ซึ่งประกอบด้วย เทเลอร์ กูช แมท โจนส์ และ ฮัดสัน ชวาฟฟอร์ด ได้ยื่นต่อศาลกลางแคลิฟอร์เนีย เพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว ให้พวกเขาทั้งสามคน สามารถลงแข่งขันในรายการ FedExCup Playoffs แต่ปรากฏว่า คำร้องได้รับการปฏิเสธจากศาล
ในระหว่างรอศาลกลางพิจารณาคดี ที่ยังเหลือเวลายาวนานถึง 14 เดือน ทั้งสองทัวร์คงจะงัดไม้เด็ดทางกลยุทธ์ เพื่อแย่งชิง(รักษา)ตัวนักกอล์ฟชั้นนำไว้อย่างถึงที่สุด รวมถึง ออกมาตรการจูงใจด้านการเงิน ทางเลือกในการเติบโตของอาชีพในทัวร์ และมาตรการประชาสัมพันธ์ เพื่อแย่งชิงตลาด และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้กลยุทธ์ทางโซเชียลมีเดีย เพื่อแย่งชิงฐานแฟนกอล์ฟ และเพิ่มความชอบธรรมให้กับทัวร์ของตน
หากมองให้ลึก นี่อาจถือได้ว่า เป็นสงครามตัวแทน ระหว่าง อำนาจแห่งประเพณีนิยมและสิทธิ์ผูกขาด โดยมีประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่เป็นพลังขับเคลื่อน กับ อำนาจของการเปลี่ยนแปลง ที่มีเงินทุนมหาศาล และประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นตัวผลักดัน
การต่อสู้ระหว่าง PGA Tour และ Liv Golf จะยังคงดำเนินต่อไป และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าผลการตัดสินของศาลกลางแห่ง นอร์ธ แคลิฟอร์เนีย จะออกมา แต่จวบ ณ วันนี้ เรายังมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่ปลายอุโมงค์ ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ จะจบลงอย่างไร