คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมไม่แนะนำให้ใช้ใจเลือกครับ ใช้ความรู้สึกในการหาคนที่ดีนั้นไม่ถูกต้องครับ คนที่ดีนั้นมีเหตุผลและเราต้องใช้เหตุผลในการหาคำตอบนั้นครับ คุณใช้ใจไปเหมือนเดาล้วนๆ ดวงล้วนๆ
ในขั้น 3 to 4 ผมให้สังเกตุแบบนี้
1.การพูด เขาพูดกับเราด้วยน้ำเสียงไหน เสียงสอง เสียงสาม หรือเสียงเดียวหมดทุกเคส เพราะคนเรามันจะมีการเปลี่ยนเสียงไปเลยเมื่อเจอเรา ใช่ครับคนที่เปลี่ยนเสียงเนี้ย มีท่าทีหน่อยๆแล้วหละว่ามีซัมติง แค่อย่างไหน อาจะเป็นการเปลี่ยนเสียงเพื่อหลีเรา หรือ เปลี่ยนเสียงเพื่อแคร์เรา ดูยากนิดๆแต่ให้ดูองค์ประกอบอื่นนั่นคือ เขาใช้เสียงนี้กับคนอื่นไหมเวลาบทสนธนาอื่น ใช้มุขเอาสาวสวยล่อครับ ให้เพื่อนสาวลองคุยถ้าแม้งไม่เหลี่ยมแย่งคุณหละนะ เขาจะเปลี่ยนเสียงหรือเปลี่ยนการพูดกับเราไหม ถ้าใช่ แปลว่าเขาแค่ทำแบบนั้นกับทุกคน ไม่ใช่แค่เรา คำตอบนั้นหาง่ายมากหลอกได้อย่างเนียนๆ
2.การตอบแชท การตอบไวมีชัยไปกว่าคลึ่ง แต่ถ้าเขาตอบไวหลายคน นั่นไม่ใช่ แต่จะรู้ได้ไง ไม่ทราบครับคุณมีความสามารถในการหลอกหรือแอบดูมือถือแบบเนียนๆได้ไหมหละ ผมใช้การสังเกตุบ่อยๆ คนที่แชทเด้งถี่ๆเนี้ย หรือรกๆดุกดิกๆเมื่อมือถือสั่นแปลว่ามีคนสำคัญต้องรีบตอบ มีสองเคสง่ายๆ 1 งานชุม 2 สาวชุม ไม่ก็เพื่อนชุมอาจเป็นไปได้ ถ้าเขาไม่ถือให้เห็นก็หางตาแอบแหล่หน้าจอหรือสัมผัสแรงสั่นดู 555 เอะอะแอบเล่นมือถือไรเงี้ย มีหลายช็อตให้เห็น แต่ถ้าไม่มีโอกาศเลย ก็คงไม่มีทางอื่นแล้วหละครับ ไม่มีทางรู้เลยได้ว่า การตอบแชทบ่อยมันจะสื่อไร เพราะขนาดผมเองผมตอบแชทเสมอไม่ดอง เพราะผมออนบนคอมเห็นตลอดเวลาทำงาน แต่ถามว่าแค่คุยแชทจะไปต่อได้ไหม บางคนแม้งไม่ใช่ครับเป็นแค่คนคุยสนิทๆในตอนนั้น ถ้าบริบทการคุยแม้งไม่ส่อแววสารสัมพันธ์เลยก็ไม่มีทางแน่นอน เช่นทำไรกินข้าว ทำไรกินข้าว ว่างแล้วยังทำไรอยู่ คำถามวนๆเวียนๆ ไม่ไปไหนสักทีเพลอๆหนักขวา
3.ความใส่ใจในการสร้างสตอรี่ครับ เช่น ถ้าเขาสนใจบริษัทคุณมีเป็นร้อยใช่ไหม แต่ถ้าเขาพยายามหาโมเม้นให้เข้าใกล้คุณได้จริงๆ ก็มีอีกสองเคสเช่นกัน ถ้าไม่ตีเข้าหาเพราะอยากคบหา หรือ หลีส่วนตัว อย่างน้อยมันต้องพยายามให้มาเจอด้วยตัวเอง ไม่ใช่การพักเที่ยงแล้วหัวหน้ารวมตี้แล้วเขาก็มาด้วยเงี้ย มันเป็นแอคทีวิตี้รูทีน ให้คุณลองเทียบแบบ คุณไม่ได้อยู่แผนกเดียวกันแต่เขาแบบเอ้าเดินมางงๆ สกิดไหล่ทำไรหนะ ว่าจะลงไปซื้อนั่นนี่สนใจไหม ทำนองนี้ มันต่างกันกับแอคทิวิตี้รูทีน
4.สตอรี่นอกเวลางาน นั่นคือถ้าเลิกงานแล้วเขาขยันชวนคุณโดยที่ไม่ได้เป็นคนเอ่ยปาก หรือเวลาเสาร์อาทิตย์วันหยุด ชวนเที่ยวบลาๆ มันก็ตามสภาพอะคนจีบ แล้วแต่คาแลคเตอร์บุคคลอีก สายเที่ยวจ๋าชอบหาเพื่อน friend zone ไปจน fwb ผมบอกเลยว่า มันชวนไม่คิด โดยไม่คิดว่าความสัมพันธ์ตอนนั้นจะยังไงก็ตามแค่ให้มันไปๆ แล้วปล่ออยไหลถ้าใจหวั่นไหวกล้าขอคบก็อาจจะมีตกลงกันแบบงง ผมบอกเลยว่า มันมีแน่นอนใน 4 คนนั้น ส่วนถามว่าคนนี้ดีไหม ผมว่าคนเงียบๆเก็บตัวอาจจะนิสัยดีกว่าด้วยซ้ำ แค่เขาไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกออกอย่างตรงไปตรงมาขาดความมั่นใจ ดังนั้นไม่มีอะไรการันตีทั้งนั้นว่า การชวนไปไหนบ่อยๆจะมีใจ เพราะขนาดผมเป็นผู้ชายสาวชวนไปเที่ยว ผมก็คิดแค่ในฐานะเพื่อนครับ เพราะไปก็จะรู้ทันทีด้วยเซ้นกันเองว่าเราคือเพื่อนเที่ยวเดินบ่นปรับทุกข์ไม่ใช่ คนที่จะสานสัมพันธ์ มองแค่ตา มองวิธีการเดินหรือคุยระหว่างเดินๆก็จะรู้เลยว่า เขาแค่ลองพาเรามาในฐานะแฟน หรือ friend zone อย่างแรก เพราะถ้าเขาตั้งใจจะชวนเดทนี้มันจะคนละฟิลลิ่งเลย
หลักๆที่คิดออกก็ดูกันแค่นี้หละพื้นฐานสำหรับหาเหตุผลว่า ไปต่อหรือพอ
การไปสู่ 5 ผมบอกเลยว่า มันแทบจะหักล้างกับ 4 ข้อก่อนหน้าทั้งหมด ไอ้ที่เขาว่าหมดโปรแล้วหมดใจ นั่นหละคือไอ้ 4 ข้อแรกล้วนๆ พอเราได้คบไปนานๆ สตอรี่มันจะจางเหมือนตอนพยายามสร้าง เพราะเอาเข้าจริงมันไม่ใช่แล้วการจะข้ามไปถึงขั้นแต่งและยาว เขามองกันด้วย ข้อมูลเน้นๆ ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งตัดสินใจง่าย ไม่ใช่แค่เขาชอบเราเพียงอย่างเดียว แต่อุปนิสัย ฐานะ สังคม สภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อน ครอบครัว และความคิดทัศนคติ การแก้ไขโจทย์ปัญหาในชีวิต การวางแผนอนาคต การใช้เงิน ไลฟ์สไตล์ แค่คนเตาะเยอะไม่ได้หมายความว่า จะสอบผ่านหมด ผมจะไล่ลำดับความสำคัญของคนคุยที่ไปได้ไกลให้
1.ฐานะ สำคัญสุด ฐานะจนก็เหมือนเป็นจุดลำบากแล้วครับ ฐานะดีก็ดีไปเลยเป็นพื้นฐาน มันจบ เงินนั้นสำคัญมันสื่อได้หลายๆอย่างรวมถึงวินัยการเงิน หรือ ฐานะหลังจากคบหา ไอ้คำว่าอดทนลำบากเพื่อรวยไปด้วยกัน ใช้ไม่ได้จริงๆสำหรับทุกคนหลอกครับเหมือนคุณหาเรื่องเพิ่มความยากให้ตัวเองเปล่าๆ ยิ่งคนฐานะจนมันจะมีกิมมิคของนิสัยแบบว่า เอาแต่ขยันๆ แต่นั่นหละการขยันทำไรเดิมๆ ไม่พัฒนาเงินเดือนเท่าเดิมงานเพิ่มขึ้น ไม่ทำให้คนข้ามไปรวยครับนี่คือ fact ดังนั้นคนที่ฐานะจนเขาคิดกันแค่วันนี้มีใช้ พยายามให้มีเก็บอาจจะยากจนท้อใจ จนเลิกพยายามไปเลยก็ได้ แต่ลองเทียบกับคนฐานะปานกลางถึงดีหน่อย อย่างน้อยไม่ขัดสนจนต้องขอยืมใช้ครับ เหลือเก็บไหมไปวัดวินัยการเงินอีกที
2.นิสัย ทุกๆอย่างมักไปไม่รอด นิสัยแบบไหนที่คุณพอใจเมื่อคุณได้เห็นจริงๆ ซึ่งตามความจริงตอนเริ่มคุยคุณเห็นไม่ครบหลอกครับหางมันจะออกตอนคุณเริ่มเกาะแกะใช้ชีวิตด้วยกันส่วนตัว หรือเจอกันบ่อย เริ่มพบเจอหรืออาจจะถึงขั้นนอนด้วยกัน คุณจะเห็นเลยว่า ไม่ดีกับดีนั้นต่างกันยังไง แต่เราใช้การคาดเดาหรือหลอกถามเอาได้ครับ ซึ่งก็เป็นศิลปะการหลอกถามเชิงจิตวิทยาที่ยากเอาเรื่องถึงจะดูออก แต่เราใช้ไลฟ์สไตล์หรือการแต่งตัวช่วยได้ครับ กลุ่มคนแต่ละประเภทจะมีนิสัยเหมือนกันเป็นจุดเด่น เราแทบจะใช้จุดนั้นประเมิณเบื้องต้นได้เลย แต่จริงๆนิสัยแสดงออกทางหน้าตาด้วยนะแต่ไม่ใช่ทุกคน ขอให้เจอนิสัยที่เหมาะอย่าเจอนิสัยไม่ดี เช่น ชอบเที่ยวเหมือนกัน แต่มีนิสัยสกปกงี้ มันแทบจะหักล้างสิ้นเลย
3.สังคม หล่อหลอมคนครับ นิสัยเขาจะโคจรกับกลุ่มสังคมที่เขาอยู่ ถ้าเขาอยู๋สังคมคนมีตัง กับเขาอยู่สังคมแว๊นๆ อันนี้เปรียบเทียบแบบสุดขั้ว คุณจะเห็นความแตกต่างของคุณภาพชีวิตและความคิดที่จะเจอได้เลยครับ พยายามดูว่าสังคมของเขาโคจรอยู่กลุ่มคนประเภทไหนเขาก็จะมีนิสัยเหมือนกัน เพราะสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ดีถ้านิสัยมันโอเครเข้ากันได้
4.ความคิดทัศนคติ เป็นเรื่องยากที่จะถามแล้วได้คำตอบตรงๆ เพราะถ้าคุณถามเขาตรงๆเขาจะตอบคุณแบบโลกสวยด้วยการกลั่นกรองสิ่งที่ดูสวยงาม แปลว่าคุณโดนหลอกครับ แต่ก็มีวิธีการหลอกถามทางอ้อมอด้วยการ ให้ถามมวยลองดูว่าถ้าเป็นแบบนี้หละ คิดว่าไง คุณจะว้าวเลยเพราะเขาจะไม่ทันคิด และต้องคิดเดี๋ยวนั้น คนฉลาดก็จะหัวไว คนไม่อะไรก็จะไหลตามน้ำเออ ออ ห่อหมก ก็น่าจะเห็นแล้วว่าทัศนคติมันใช้ได้หรือไม่ได้ เช่น ถ้าคุณเห็นคนทะเลาะกัน แล้วคนนึงออกมาเล่าหรืออ่านคอมเม้นว่าแบบหูยอย่างงี้ ให้คุณลองถามว่าแล้วถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เขาเล่าหละมันจะเป็นยังไง หรือให้ลองถามปรัชญาว่า มีปรัชญาอะไรในชีวิตไหม มีสตั้นแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่ปรัชญาคมๆมีเป็นร้อยชอบพูดให้สวยหรู แต่เอาเข้าจริงที่ใช้จริงๆแล้วนำมาใช้จริงๆมีกี่อย่าง แล้วเขาทำตามที่เขาพูดไหมนี่หละส่วนสำคัญ แปลว่าไม่ได้มีแค่คิดหรือดีแต่พูดแต่กล้าที่จะทำ
5.สภาพทางบ้าน คุณคงไม่อยากเจอปัญหา แม่สะใภ้ใช้เยี่ยงทาสหรือเกาะเป็นปลิง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราต้องดูเพราะถ้าคุณจะแต่งแปลว่าคุณก็ต้องรับด้วยว่าครอบครัวของเขาก็เหมือนครอบครัวเรา
6.นิสัยการเงิน ก็ขยายความจากฐานะนิดหน่อยบางคนฐานะไม่ดีนิสัยการเงินดี ขยันออมเงินนำไม่ฟุ่มเฟือยประหยัด นำเงินไปลงทุนปันผลยาวๆที่ได้ชัวๆไรเงี้ย คุณก็พอโอเครได้หละครับว่าเขาไม่เกาะแน่นอน แต่ถ้าไม่มีนิสัยการเงินเลย ซื้อไรไม่รู้ซื้อๆจนหมดจนมีปัญหา คุณกล้าแต่งหรอครับถ้าแต่งแล้วบ้านมีปัญหาไม่มีเงินร้อนเงินตลอด
7.การวางแผนอนาคต ก็ไม่มีไรมากครับ เขาพยายามสร้างอนาคตที่มั่นคงจริงๆไหม มีบ้าน ไร้หนี้ มีเงินเกษียร มันง่ายๆเลย ถ้าเขาวางแผนมันก็คือเขาคิดการไกล ถ้าไม่มีก็แค่วันนี้อาจจะยังไม่เริ่มคิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหัดคิดอีกทีตอนไหน ส่วนใหญ่ถ้าไม่ดูเนิ้นๆ จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนสายไปแล้ว
8.ไลฟ์สไตล์ ก็สอดคล้องกับที่คุณชอบหละครับ ถ้าคุณชอบเที่ยวแต่เลือกคบคนเก็บตัวไม่ชอบเที่ยว มันก็ค่อนข้างขัดแย้ง ดังนั้นหาคนที่ไลฟ์สไตล์หรือวิธีการใช้ชีวิตคล้ายกัน มันจะมีสตอรี่หรือโมเม้นแล้วไม่ขัดใจกันบ่อยครับ
สรุป มันละเอียดมากครับถ้าคุณใช้เหตุผล แต่ถ้าคุณใช้ใจตามเพื่อนคุณเสี่ยงโชคได้เลย ยิ่งสอบผ่านเยอะข้อที่กล่าวมาอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือคุณเจอ โคตรเทพลงมาจุติแล้วครับ เพอร์เฟคไปหมดไม่คบก็ถือว่าเรื่องมากหน่อยๆแล้วหละ ถึงแม้หน้าตาหรือฟิลลิ่งมันอาจจะขัด แต่ค่อนข้างการันตีว่า คบแล้วรอดยาวแน่นอน ถึงอาจจะไม่ดีทั้งหมด คุณจะยอมเกลี่ยข้อเสียเพื่อที่จะคบๆไปแบบ อดทนหน่อยๆก็ได้ครับถ้าคุณไหว เพราะผมบอกเลยว่ามันแทบจะสำคัญทุกข้อ ขาดไปสักข้อเหมือนมันแทบจะหักล้างความดีงามไปได้เลย คนที่ใช่มันใช่ทุกข้อตอบโจทย์ทุกอย่าง
ในขั้น 3 to 4 ผมให้สังเกตุแบบนี้
1.การพูด เขาพูดกับเราด้วยน้ำเสียงไหน เสียงสอง เสียงสาม หรือเสียงเดียวหมดทุกเคส เพราะคนเรามันจะมีการเปลี่ยนเสียงไปเลยเมื่อเจอเรา ใช่ครับคนที่เปลี่ยนเสียงเนี้ย มีท่าทีหน่อยๆแล้วหละว่ามีซัมติง แค่อย่างไหน อาจะเป็นการเปลี่ยนเสียงเพื่อหลีเรา หรือ เปลี่ยนเสียงเพื่อแคร์เรา ดูยากนิดๆแต่ให้ดูองค์ประกอบอื่นนั่นคือ เขาใช้เสียงนี้กับคนอื่นไหมเวลาบทสนธนาอื่น ใช้มุขเอาสาวสวยล่อครับ ให้เพื่อนสาวลองคุยถ้าแม้งไม่เหลี่ยมแย่งคุณหละนะ เขาจะเปลี่ยนเสียงหรือเปลี่ยนการพูดกับเราไหม ถ้าใช่ แปลว่าเขาแค่ทำแบบนั้นกับทุกคน ไม่ใช่แค่เรา คำตอบนั้นหาง่ายมากหลอกได้อย่างเนียนๆ
2.การตอบแชท การตอบไวมีชัยไปกว่าคลึ่ง แต่ถ้าเขาตอบไวหลายคน นั่นไม่ใช่ แต่จะรู้ได้ไง ไม่ทราบครับคุณมีความสามารถในการหลอกหรือแอบดูมือถือแบบเนียนๆได้ไหมหละ ผมใช้การสังเกตุบ่อยๆ คนที่แชทเด้งถี่ๆเนี้ย หรือรกๆดุกดิกๆเมื่อมือถือสั่นแปลว่ามีคนสำคัญต้องรีบตอบ มีสองเคสง่ายๆ 1 งานชุม 2 สาวชุม ไม่ก็เพื่อนชุมอาจเป็นไปได้ ถ้าเขาไม่ถือให้เห็นก็หางตาแอบแหล่หน้าจอหรือสัมผัสแรงสั่นดู 555 เอะอะแอบเล่นมือถือไรเงี้ย มีหลายช็อตให้เห็น แต่ถ้าไม่มีโอกาศเลย ก็คงไม่มีทางอื่นแล้วหละครับ ไม่มีทางรู้เลยได้ว่า การตอบแชทบ่อยมันจะสื่อไร เพราะขนาดผมเองผมตอบแชทเสมอไม่ดอง เพราะผมออนบนคอมเห็นตลอดเวลาทำงาน แต่ถามว่าแค่คุยแชทจะไปต่อได้ไหม บางคนแม้งไม่ใช่ครับเป็นแค่คนคุยสนิทๆในตอนนั้น ถ้าบริบทการคุยแม้งไม่ส่อแววสารสัมพันธ์เลยก็ไม่มีทางแน่นอน เช่นทำไรกินข้าว ทำไรกินข้าว ว่างแล้วยังทำไรอยู่ คำถามวนๆเวียนๆ ไม่ไปไหนสักทีเพลอๆหนักขวา
3.ความใส่ใจในการสร้างสตอรี่ครับ เช่น ถ้าเขาสนใจบริษัทคุณมีเป็นร้อยใช่ไหม แต่ถ้าเขาพยายามหาโมเม้นให้เข้าใกล้คุณได้จริงๆ ก็มีอีกสองเคสเช่นกัน ถ้าไม่ตีเข้าหาเพราะอยากคบหา หรือ หลีส่วนตัว อย่างน้อยมันต้องพยายามให้มาเจอด้วยตัวเอง ไม่ใช่การพักเที่ยงแล้วหัวหน้ารวมตี้แล้วเขาก็มาด้วยเงี้ย มันเป็นแอคทีวิตี้รูทีน ให้คุณลองเทียบแบบ คุณไม่ได้อยู่แผนกเดียวกันแต่เขาแบบเอ้าเดินมางงๆ สกิดไหล่ทำไรหนะ ว่าจะลงไปซื้อนั่นนี่สนใจไหม ทำนองนี้ มันต่างกันกับแอคทิวิตี้รูทีน
4.สตอรี่นอกเวลางาน นั่นคือถ้าเลิกงานแล้วเขาขยันชวนคุณโดยที่ไม่ได้เป็นคนเอ่ยปาก หรือเวลาเสาร์อาทิตย์วันหยุด ชวนเที่ยวบลาๆ มันก็ตามสภาพอะคนจีบ แล้วแต่คาแลคเตอร์บุคคลอีก สายเที่ยวจ๋าชอบหาเพื่อน friend zone ไปจน fwb ผมบอกเลยว่า มันชวนไม่คิด โดยไม่คิดว่าความสัมพันธ์ตอนนั้นจะยังไงก็ตามแค่ให้มันไปๆ แล้วปล่ออยไหลถ้าใจหวั่นไหวกล้าขอคบก็อาจจะมีตกลงกันแบบงง ผมบอกเลยว่า มันมีแน่นอนใน 4 คนนั้น ส่วนถามว่าคนนี้ดีไหม ผมว่าคนเงียบๆเก็บตัวอาจจะนิสัยดีกว่าด้วยซ้ำ แค่เขาไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกออกอย่างตรงไปตรงมาขาดความมั่นใจ ดังนั้นไม่มีอะไรการันตีทั้งนั้นว่า การชวนไปไหนบ่อยๆจะมีใจ เพราะขนาดผมเป็นผู้ชายสาวชวนไปเที่ยว ผมก็คิดแค่ในฐานะเพื่อนครับ เพราะไปก็จะรู้ทันทีด้วยเซ้นกันเองว่าเราคือเพื่อนเที่ยวเดินบ่นปรับทุกข์ไม่ใช่ คนที่จะสานสัมพันธ์ มองแค่ตา มองวิธีการเดินหรือคุยระหว่างเดินๆก็จะรู้เลยว่า เขาแค่ลองพาเรามาในฐานะแฟน หรือ friend zone อย่างแรก เพราะถ้าเขาตั้งใจจะชวนเดทนี้มันจะคนละฟิลลิ่งเลย
หลักๆที่คิดออกก็ดูกันแค่นี้หละพื้นฐานสำหรับหาเหตุผลว่า ไปต่อหรือพอ
การไปสู่ 5 ผมบอกเลยว่า มันแทบจะหักล้างกับ 4 ข้อก่อนหน้าทั้งหมด ไอ้ที่เขาว่าหมดโปรแล้วหมดใจ นั่นหละคือไอ้ 4 ข้อแรกล้วนๆ พอเราได้คบไปนานๆ สตอรี่มันจะจางเหมือนตอนพยายามสร้าง เพราะเอาเข้าจริงมันไม่ใช่แล้วการจะข้ามไปถึงขั้นแต่งและยาว เขามองกันด้วย ข้อมูลเน้นๆ ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งตัดสินใจง่าย ไม่ใช่แค่เขาชอบเราเพียงอย่างเดียว แต่อุปนิสัย ฐานะ สังคม สภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อน ครอบครัว และความคิดทัศนคติ การแก้ไขโจทย์ปัญหาในชีวิต การวางแผนอนาคต การใช้เงิน ไลฟ์สไตล์ แค่คนเตาะเยอะไม่ได้หมายความว่า จะสอบผ่านหมด ผมจะไล่ลำดับความสำคัญของคนคุยที่ไปได้ไกลให้
1.ฐานะ สำคัญสุด ฐานะจนก็เหมือนเป็นจุดลำบากแล้วครับ ฐานะดีก็ดีไปเลยเป็นพื้นฐาน มันจบ เงินนั้นสำคัญมันสื่อได้หลายๆอย่างรวมถึงวินัยการเงิน หรือ ฐานะหลังจากคบหา ไอ้คำว่าอดทนลำบากเพื่อรวยไปด้วยกัน ใช้ไม่ได้จริงๆสำหรับทุกคนหลอกครับเหมือนคุณหาเรื่องเพิ่มความยากให้ตัวเองเปล่าๆ ยิ่งคนฐานะจนมันจะมีกิมมิคของนิสัยแบบว่า เอาแต่ขยันๆ แต่นั่นหละการขยันทำไรเดิมๆ ไม่พัฒนาเงินเดือนเท่าเดิมงานเพิ่มขึ้น ไม่ทำให้คนข้ามไปรวยครับนี่คือ fact ดังนั้นคนที่ฐานะจนเขาคิดกันแค่วันนี้มีใช้ พยายามให้มีเก็บอาจจะยากจนท้อใจ จนเลิกพยายามไปเลยก็ได้ แต่ลองเทียบกับคนฐานะปานกลางถึงดีหน่อย อย่างน้อยไม่ขัดสนจนต้องขอยืมใช้ครับ เหลือเก็บไหมไปวัดวินัยการเงินอีกที
2.นิสัย ทุกๆอย่างมักไปไม่รอด นิสัยแบบไหนที่คุณพอใจเมื่อคุณได้เห็นจริงๆ ซึ่งตามความจริงตอนเริ่มคุยคุณเห็นไม่ครบหลอกครับหางมันจะออกตอนคุณเริ่มเกาะแกะใช้ชีวิตด้วยกันส่วนตัว หรือเจอกันบ่อย เริ่มพบเจอหรืออาจจะถึงขั้นนอนด้วยกัน คุณจะเห็นเลยว่า ไม่ดีกับดีนั้นต่างกันยังไง แต่เราใช้การคาดเดาหรือหลอกถามเอาได้ครับ ซึ่งก็เป็นศิลปะการหลอกถามเชิงจิตวิทยาที่ยากเอาเรื่องถึงจะดูออก แต่เราใช้ไลฟ์สไตล์หรือการแต่งตัวช่วยได้ครับ กลุ่มคนแต่ละประเภทจะมีนิสัยเหมือนกันเป็นจุดเด่น เราแทบจะใช้จุดนั้นประเมิณเบื้องต้นได้เลย แต่จริงๆนิสัยแสดงออกทางหน้าตาด้วยนะแต่ไม่ใช่ทุกคน ขอให้เจอนิสัยที่เหมาะอย่าเจอนิสัยไม่ดี เช่น ชอบเที่ยวเหมือนกัน แต่มีนิสัยสกปกงี้ มันแทบจะหักล้างสิ้นเลย
3.สังคม หล่อหลอมคนครับ นิสัยเขาจะโคจรกับกลุ่มสังคมที่เขาอยู่ ถ้าเขาอยู๋สังคมคนมีตัง กับเขาอยู่สังคมแว๊นๆ อันนี้เปรียบเทียบแบบสุดขั้ว คุณจะเห็นความแตกต่างของคุณภาพชีวิตและความคิดที่จะเจอได้เลยครับ พยายามดูว่าสังคมของเขาโคจรอยู่กลุ่มคนประเภทไหนเขาก็จะมีนิสัยเหมือนกัน เพราะสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ดีถ้านิสัยมันโอเครเข้ากันได้
4.ความคิดทัศนคติ เป็นเรื่องยากที่จะถามแล้วได้คำตอบตรงๆ เพราะถ้าคุณถามเขาตรงๆเขาจะตอบคุณแบบโลกสวยด้วยการกลั่นกรองสิ่งที่ดูสวยงาม แปลว่าคุณโดนหลอกครับ แต่ก็มีวิธีการหลอกถามทางอ้อมอด้วยการ ให้ถามมวยลองดูว่าถ้าเป็นแบบนี้หละ คิดว่าไง คุณจะว้าวเลยเพราะเขาจะไม่ทันคิด และต้องคิดเดี๋ยวนั้น คนฉลาดก็จะหัวไว คนไม่อะไรก็จะไหลตามน้ำเออ ออ ห่อหมก ก็น่าจะเห็นแล้วว่าทัศนคติมันใช้ได้หรือไม่ได้ เช่น ถ้าคุณเห็นคนทะเลาะกัน แล้วคนนึงออกมาเล่าหรืออ่านคอมเม้นว่าแบบหูยอย่างงี้ ให้คุณลองถามว่าแล้วถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เขาเล่าหละมันจะเป็นยังไง หรือให้ลองถามปรัชญาว่า มีปรัชญาอะไรในชีวิตไหม มีสตั้นแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่ปรัชญาคมๆมีเป็นร้อยชอบพูดให้สวยหรู แต่เอาเข้าจริงที่ใช้จริงๆแล้วนำมาใช้จริงๆมีกี่อย่าง แล้วเขาทำตามที่เขาพูดไหมนี่หละส่วนสำคัญ แปลว่าไม่ได้มีแค่คิดหรือดีแต่พูดแต่กล้าที่จะทำ
5.สภาพทางบ้าน คุณคงไม่อยากเจอปัญหา แม่สะใภ้ใช้เยี่ยงทาสหรือเกาะเป็นปลิง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราต้องดูเพราะถ้าคุณจะแต่งแปลว่าคุณก็ต้องรับด้วยว่าครอบครัวของเขาก็เหมือนครอบครัวเรา
6.นิสัยการเงิน ก็ขยายความจากฐานะนิดหน่อยบางคนฐานะไม่ดีนิสัยการเงินดี ขยันออมเงินนำไม่ฟุ่มเฟือยประหยัด นำเงินไปลงทุนปันผลยาวๆที่ได้ชัวๆไรเงี้ย คุณก็พอโอเครได้หละครับว่าเขาไม่เกาะแน่นอน แต่ถ้าไม่มีนิสัยการเงินเลย ซื้อไรไม่รู้ซื้อๆจนหมดจนมีปัญหา คุณกล้าแต่งหรอครับถ้าแต่งแล้วบ้านมีปัญหาไม่มีเงินร้อนเงินตลอด
7.การวางแผนอนาคต ก็ไม่มีไรมากครับ เขาพยายามสร้างอนาคตที่มั่นคงจริงๆไหม มีบ้าน ไร้หนี้ มีเงินเกษียร มันง่ายๆเลย ถ้าเขาวางแผนมันก็คือเขาคิดการไกล ถ้าไม่มีก็แค่วันนี้อาจจะยังไม่เริ่มคิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหัดคิดอีกทีตอนไหน ส่วนใหญ่ถ้าไม่ดูเนิ้นๆ จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนสายไปแล้ว
8.ไลฟ์สไตล์ ก็สอดคล้องกับที่คุณชอบหละครับ ถ้าคุณชอบเที่ยวแต่เลือกคบคนเก็บตัวไม่ชอบเที่ยว มันก็ค่อนข้างขัดแย้ง ดังนั้นหาคนที่ไลฟ์สไตล์หรือวิธีการใช้ชีวิตคล้ายกัน มันจะมีสตอรี่หรือโมเม้นแล้วไม่ขัดใจกันบ่อยครับ
สรุป มันละเอียดมากครับถ้าคุณใช้เหตุผล แต่ถ้าคุณใช้ใจตามเพื่อนคุณเสี่ยงโชคได้เลย ยิ่งสอบผ่านเยอะข้อที่กล่าวมาอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือคุณเจอ โคตรเทพลงมาจุติแล้วครับ เพอร์เฟคไปหมดไม่คบก็ถือว่าเรื่องมากหน่อยๆแล้วหละ ถึงแม้หน้าตาหรือฟิลลิ่งมันอาจจะขัด แต่ค่อนข้างการันตีว่า คบแล้วรอดยาวแน่นอน ถึงอาจจะไม่ดีทั้งหมด คุณจะยอมเกลี่ยข้อเสียเพื่อที่จะคบๆไปแบบ อดทนหน่อยๆก็ได้ครับถ้าคุณไหว เพราะผมบอกเลยว่ามันแทบจะสำคัญทุกข้อ ขาดไปสักข้อเหมือนมันแทบจะหักล้างความดีงามไปได้เลย คนที่ใช่มันใช่ทุกข้อตอบโจทย์ทุกอย่าง
แสดงความคิดเห็น
เราจะสามารถสังเกตุได้อย่างไรว่า คนไหนเราจะสามารถพัฒนาไปเป็น แฟนได้ ?
เราเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ที่ทั้งตึกเป็นของบริษัทนี้คือมีพนักงาน หลายร้อยคน
แล้วตั้งแต่ที่เข้าทำงาน เราได้รู้จักผู้ชายใหม่ในที่ทำงาน 2 คนตอนที่เข้างานใหม่ๆ (ซึ่งตอนนั้นเรามีแฟนอยู่) เมื่อปีที่แล้ว
แต่ว่าเราเลิกกับแฟนเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว (ตามที่ได้เคยลงในกระทู้ที่แล้ว ) เราจึงได้กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง
และเราก็ได้ย้ายแผนกมาอีกชั้นนึง เราก็ได้รู้จักกับ เพื่อนร่วมงานใหม่ อีก 2 คน ทั้ง 4 คนจึงเปรียบเสมือนคนคุย
..คำถามคือ เราจะสามารถสังเกตุได้อย่างไรว่า คนไหนเราจะสามารถพัฒนาไปเป็น แฟนได้ (และอาจเป็นคู่ชีวิตได้ในอนาคต)
เรามักจะแบ่งเกรด ของความสัมพันธ์ของ ผู้ชายที่เข้ามาคุยกับเราได้ ดังนี้ (ตามที่เราคิดแบ่งกลุ่มเองนะคะ ไม่ได้ลอกใคร)
1.ขั้นแรกคือ คนที่เจอกัน พบกัน คุยกันเพียงไม่กี่วัน เหมือนกับการเข้าไปในที่ทำงานใหม่ จะรู้จักใคร ๆทีเดียว 40 คน
และการรู้จัก ก็คือมีการแนะนำตัวกัน คุยกันธรรมดาในฐานะเพื่อนร่วมงาน หรือ คนรู้จักคนนึง
2. ข้นที่สอง คือ คนที่เริ่มสนิทด้วย ไปกินข้าวด้วยกันหลายๆคน ไปหาลูกค้าด้วยกัน ปรึกษางานกัน คือ เริ่มสนิทมากขึ้น
3.ขั้นที่สาม คือ การพัฒนาจากขั้นที่สอง ไปเป็นคุยกันมากขึ้น ให้ไลน์ส่วนตัวให้ที่อยู่กัน ซึ่ง ทั้ง 4คนที่บอก จะอยู่ในขั้นนี้
4. ขั้นที่ สี่คือ ....สุดขอบ Friend Zone แล้วหมายความว่า ก้าวไปอีกนิดเดียวก็ไปเป็น แฟนกันได้ทันที
5. ขั้นที่ ห้าคือ เป็นแฟน เป็นคนรัก เป็นคนที่จะพัฒนาไปเป็น คู่ชีวิตได้(คือมองเห็นอนาคต ) แต่ก็ต้อง ศึกษาดูให้ ดี
แบบ มั่นใจกันจริง ๆ (ในอดีตคนที่แล้ว ได้อยู่ในขั้นนี้แล้ว ค่ะ)
.......คำถามในกระทู้นี้ก็คือ เราควรจะมีข้อสังเกตุ อะไรบ้างที่จะ สามารถพัฒนา จากขั้น ที่ 3 ไปเป็นขั้นที่ 4
และ ที่สำคัญคือ อะไรคือข้อที่สำคัญที่สุด ในการเลื่อนคนคุยคนนั้น ไปสู่ขั้นที่ 5 คือ แฟน และ คนรัก
มองดูก็เหมือนการแข่งขัน นะคะ แข่งกัน 4 คน คนแบบไหนที่จะสมควร เป็นแฟนกันได้ค่ะ
......ความจริงเพื่อนที่ทำงานหลายคนก็บอกว่า .ก็ใช้ใจเลือกซิ.แต่เราก็เลือกยากมาก เพราะบางครั้งใจเรา
มักจะมอง อะไรที่เห็นเป็นไปตามสมองและใจที่ไม่เป็น ธรรม นักบางทีก็มองแบบใช้อารมณ์ ใช้ความรู้สึกมากไป
เราจึงอยากมาหา ความคิดเห็นจาก คนในพันทิป คนที่มีประสบการณ์ชีวิต ที่สามารถ มองจากมุมที่เคยมีกันมา
โดยไม่ต้องอาศัย สิ่งภายนอกที่จะมา Bias ความคิดออกไป (เช่นคนในที่ทำงานจะเห็น ข้อแตกต่างของ
ผช ทั้ง 4 คนที่มาจีบเรา ว่าคนนี้หล่อ คนนี้รวย คนนี้เสียงเพราะ คนนี้เก็บตัว คนนี้เปิดเผย คนนี้เห็นแก่ตัว..
พวกท่านคิดอย่างไร โดยที่ไม่ต้อง มีข้อมูลของ ผู้ชายทั้ง 4 คนที่มาจีบเราคะ....คือมี จุดสำคัญ อะไรที่จะดูคะ