ปรึกษาเรื่องการจัดพอร์ตกองทุน SSF และกองทุนปกติ

สวัสดีค่ะ เราอายุ 25 ปี
เป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ประมาณ 30,000 บาท
หักค่าประกันสังคมเหลือ 29K กว่า (ไม่รวมรายได้จากฟรีแลนซ์ 3,000-5,000 / เดือน)

ปีนี้เราเริ่มเก็บเงิน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีวินัยทางการเงินเลย ทำให้เก็บเงินไม่ได้
บวกกับกำลังเก็บเงิน เพื่อย้ายไปต่างประเทศในอนาคต (เป้าคือ 300K+) ภายใน 2-3 ปี

ตอนนี้เรามีเงินเก็บ 100K บาท หักไปจ่ายค่า iPad 10K เหลือ 90K (หนี้ iPad 23K เหลือผ่อนจ่ายอีก 2 เดือน)
มีเงินลงทุนประมาณ 7,000 บาท ลงกองทุน SSF ประมาณ 5,000 บาท และกองทุนทั่วไป 2,000 บาท

เราลงทุนผ่าน SCB Investment ทั้งหมดเลย ทีนี้ไม่แน่ใจว่า
ถ้าต้องการลงทุน SSF ระยะยาว ประมาณ 5-10 ปี ในงบ 54,000 บาท

และต้องการลงทุนทั่วไปในกองทุน เพื่อใช้เป็นรายได้เสริมอีกทาง
ต้องจัดแบ่งพอร์ตอย่างไรคะ? หรือสามารถลงทุนในกองเดียวกันได้

พอดีเราอยากหาเงินเยอะ ๆ ในไม่กี่ปี เพื่อใช้เป็นทุนในอนาคต
เลยไม่แน่ใจว่าต้องจัดแบ่งพอร์ต หรือลงทุนยังไงเพื่อให้ได้เงินปันผลเยอะค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
กอง SSF ไว้ลดหย่อนภาษี ถ้าใช้สิทธิ์ทางภาษีต้องรอให้ครบ 3,650วัน หรือ 10ปีถึงจะไถ่ถอนได้ มีให้เลือกลงทุนในหลายตราสาร

ในส่วนของกองที่ลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้น กรณีที่เป็นกองpassive จากสถิติย้อนหลัง 10ปี ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนเลย สิ้นปี 2012 ดัชนีอยู่ที่ 1,400 ปีนี้ 2022 ดัชนีอยู่ 1,520 - 1,720 (ปัจจุบันคือ 1,590) โตขึ้นประมาณ 8-22% หรือราว 0.8-2.2%ต่อปี ยังไม่สามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2.5% ได้ คิดง่ายๆหลังจาก 10ปีเงินคุณอาจจะด้อยค่าเหลือแค่ 80% ถ้าโชคร้ายอาจจะน้อยกว่านั้นถ้าเกิดปรากฎการณ์วิกฤตเงินเฟ้ออย่างช่วงปีสองปีนี้ (ให้สมมติว่าวันนี้คุณกินข้าวแกงจานละ 40บ. แต่อีก 10ปีข้างหน้าข้าวแกงอาจจะขึ้นไปถึงจานละ 60บ.ได้) สรุปหากหลังจากครบ 10ปีถ้าดัชนีไม่ไปไหนเมื่อครบกำหนดขายคืนหน่วยลงทุนก็จะได้เงินจำนวนเท่ากับตอนซื้อแต่มูลค่าของเงินกลับไม่เท่าเดิมอีกแล้ว

ส่วนกอง active อาจจะโตได้มากกว่านั้นมาก ขึ้นกับว่าคุณเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมไหนและกลุ่มนั้นเติบโตได้มากกว่าดัชนี แต่ก็มีโอกาสที่จะเลือกผิดทำให้ผลตอบติดลบด้วยเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่