กลับมาอีกครั้งแล้วกับ ROG ที่แน่นอนว่าหลายๆคนคงจะทราบถึงประสิทธิภาพที่เร็วแรงสุดโหดของเจ้าโน้ตบุ๊กรุ่นก่อนๆของ ROG มาแล้ว และในครั้งนี้ก็เปิดตัวมาอีกรุ่นสำหรับ ROG FLOW Z13 ที่ต้องบอกเลยว่าต้องยกนิ้วให้กับความปัง มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยหรู ดูแพง ที่สามารถกางได้ถึง 170 องศาเลยนะ ใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับทุกๆไลฟ์สไตล์จริงๆเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก การใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด พอร์ตเชื่อมต่อครบครันไม่ต้องห่วงอะไรเลย ราคาสบายกระเป๋า ต้องบอกเลยว่าถ้าใครได้ลองแล้วจะติดใจแบบแอดอย่างแน่นอน
ROG Flow Z13 นั้นมาพร้อมกับ Processor Intel® Core™ i7–12700H Processor มีแกนประมวลผล 6P core + 8E core/ 20Threads พร้อมการ์ดจอ GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6 ใช้งาน RAM 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board) และ Storage 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ทางด้านของหน้าจอมีขนาด 13.4 นิ้ว WUXGA (1920 x 1200) การออกแบบดีไซน์สวยหรูกางได้ 170 องศา น้ำหนักเบาเพียงแค่ 1.18 kg. เท่านั้น แม้จะให้แบตเตอรี่มามากถึง 56WHrs ราคา ฿59,990.00
DESIGN
งานออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้ยังคงมาในรูปแบบที่เรียบหรู คงความเท่ ดุดันไว้เช่นเดิม โดยในรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Space Odyssey ด้านหลังตัวเครื่องที่มีช่องโปร่งแสงพร้อมไฟ RGB เผยให้เห็นรายละเอียดแผง PCB ด้านในตัวเครื่อง เป็นการเปรียบเสมือนช่องหน้าต่างของยานอวกาศที่มีความเท่ น่าค้นหา น่าใช้งานมากๆแอดขอบอก ในด้านของวัสดุอุปกรณ์ทนทาน ใช้วัสดุตัวเครื่องแบบ CNC อลูมิเนียม ตัวเครื่องบางเบาพิเศษ พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบาย โดยมีน้ำหนักเพียง 1.18 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมขาตั้งแบบ kick stand ที่สามารถกางออกได้กว้างที่สุดถึง 170 องศา รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของเราเลยนะ กางได้โดยไม่ต้องกลัวหักกลัวพังเลย
การออกแบบดีไซน์ให้เห็นช่องรายละเอียดด้านหน้านั้นช่วยให้ตัวเครื่องดูมีสเน่ห์น่าสนใจ น่าใช้งานมากขึ้น โดยการที่ดึงสีไฟ RGB เข้ามา ช่วยให้ตัดกับสีตัวเครื่องได้อย่างสวยงามลงตัว เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจที่ใครเห็นแล้วก็ต้องมอง
เมื่อมองด้านข้างแล้วนั้นตัวเครื่องมีความบางมากๆ พกพาได้อย่างงายดาย สะดวกสบายจริงๆ มีการตัดวางได้ลงตัว ถอดใช้งานตามความต้องการของเราได้อย่างง่ายดาย ที่ชอบมากๆเลยคือสามารถเลือกปรับการจัดวาง ได้เหมาะสมตามลักษณะการใช้งานของเราได้เลย เป็นทุกอย่างในเครื่องเดียวจริงๆ
มองรวมๆด้านหน้าด้านหลังของ ROG FLOW Z13 แล้วแอดบอกตรงๆว่าเลิกมองไม่ได้จริงๆ ออกแบบมาได้ดึงดูดสายตาผู้บริโภคจริงๆ ทั้งลวดลาย ทั้งการใส่ไฟเข้ามาเป็นลูกเล่น รวมไปถึงการใส่ใจในการถอดใช้งานเครื่อง ทางค่ายไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
ในส่วนของคีย์บอร์ดในรุ่นนี้นั้นเป็นคีย์บอร์ดขนาดฟูลไซซ์พร้อมแสงไฟ RGB เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ตัวคีย์บอร์ดสามารถถอดแยกจากตัวเครื่องเพื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ตได้ตามความต้องการ หรือเลือกต่อใช้งานในโหมดโน้ตบุ๊กได้ด้วย ที่ชอบมากๆเลยคือตัวอักษรมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใช้งานง่ายลงตัว รวมไปถึงยังคงใช้งานร่วมกับปากกาได้ด้วย เป็นอะไรที่เจ๋งมากเช่นเดิม
SPEC
- CPU : Intel® Core™ i7–12700H Processor (6P core + 8E core/ 20Threads)
- Graphic : GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6
- RAM : 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board)
- Storage : 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
- Display : 13.4–inch WUXGA (1920 x 1200) 16:10, 120Hz, 3ms, 100% sRGB, Adaptive–Sync, Pantone Validated, Support Dolby Vision, Touch Screen, Support ASUS Pen SA201H(included), Corning® Gorilla® Glass 5
- Keyboard Type : Backlit Chiclet Keyboard RGB, Aura Sync
- Speaker : 2x 1W speaker with smart AMP technology
- Battery: 56WHrs
- Power : TYPE–C, 100W AC Adapter, Output: 20V DC, 5A, 100W,
- Input : 100~240V AC, 50/60Hz universal
- Weight : 1.18 Kg
- OS : Windows 11 Home, Office Home and Student 2021
- Warranty : 3 years On–site Service / 3 years Global warranty / 1 year Perfect warranty
PERFORMANCE
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งานในรุ่นนี้อัดแน่นจัดเต็มไปกับชิปประมวลผล Intel® Core™ i7–12700H Processor ที่มีแกนประมวลผล 6P core + 8E core/ 20Threads มาพร้อมกับกราฟิกการ์ด GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6 ต้องบอกเลยว่าการใช้งานเร็วแรง รองรับการใช้งานได้หลากหลายตอบโจทย์ งานโหดแค่ไหนเจ้าตัวนี้ก็เอาอยู่นะ ใช้งาน RAM 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board) และ Storage 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ให้ความจุมาได้เพียงพอ รองรับการใช้งานได้สบายๆไม่ต้องห่วงปัญหาอะไรเลยในรุ่นนี้ แอดขอบอกว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆนะ เร็วแรงไม่มีสะดุดอย่างงี้ต้องลองกันแล้ว
ในส่วนของการทดสอบคะแนน 3D Mark นั้นสามารถทำคะแนนออกมาในระดับที่น่าประทับใจเช่นเดิมไม่เคยผิดหวังเลย โดยคะแนนตัว FIRE STRIKE ULTRA สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 2429 คะแนน ตามมาด้วยตัว Port Royal สามารถทำคะแนนไปอยู่ที่ 1049 คะแนน โดยคะแนนที่ทดสอบออกมาอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจอยู่นะ สเปกการใช้งานโหด รองรับการใช้งานหนักๆได้อย่างสบาย
จากการทดสอบตัว R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลนั้น คะแนนที่ออกมาก็อยู่ในระดับสูงเลยนะ ทำไปได้ 2738 cb/ 178.97 FPS ตามมาด้วยในตัวของ R20 นั้นที่ทำการประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 6724 PTS เป็นคะแนนที่สูงกว่ารุ่นก่อนๆอย่างเห็นได้ชัดเลย และสุดท้ายในตัว R23 สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 16671 pts เป็นการทดสอบที่ได้คะแนนที่โหดมาก ใช้งานหนักหน่วงแค่ไหนก็เอาอยู่แบบสบายๆ
จากการทดสอบคะแนน PC Mark ทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูง โดยคะแนนอยู่ที่ 6296 คะแนน ยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานมากๆ ตอบโจทย์การทำงานทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ จะกราฟิก ตัดต่อ ออกแบบ หรือแม้กระทั่งเรนเดอร์ไฟล์งานใหญ่ๆ ก็ทำได้แบบไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องเป็นกังวลเลย การควบคุมความร้อนต่างๆก็ยังทำได้ดี เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบมากๆ
PERFORMANCE – ON MUX
ประสิทธิภาพการใช้งานที่มีฟีเจอร์ MUX Switch เข้ามาเพื่อให้เราสามารถเลือกใช้งานกราฟิกการ์ดแยกได้อย่างอิสระ ช่วยทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ดได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โหดขึ้นเร็วแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีคุณภาพแบบจุกๆ โดยจากการทำการทดสอบผลคะแนน 3D Mark ในตัว Port Royal สามารถทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 1054 คะแนน ตามมาด้วยการทดสอบในตัว Fire Strike Ultra สามารถทำคะแนนไปได้ 2304 คะแนน เรียกได้ว่าประสิทธิภาพการใช้งานสามารถดึงเข้ามาเพิ่มได้ตรงจุด เหมาะสมมากขึ้นกว่าเดิม
ตามมาด้วยการทดสอบ Cinebench R15 ที่สามารถทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 212.27 fps ตามมาด้วยตัว R20 ที่ใช้งาน CPU ได้หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม ก็ยังทำคะแนนได้ดีอยู่ในระดับคะแนน 5762 pts และปิดท้ายด้วยตัว R23 ที่ทำคะแนนอยู่ที่ 13955 pts ภาพรวมแล้วคะแนนสูงขึ้นในบางตัว เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้เราได้ตอบโจทย์อยู่นะ
ในส่วนของคะแนน PC Mark นั้นทำคะแนนไปได้สูงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลย เมื่อเลือกใช้งานฟีเจอร์ MUX Switch สามารถทำคะแนนเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 6455 คะแนนเลยนะ แน่นอนว่าประสิทธิภาพการใช้งานก็จะโหดขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน จากการทดสอบในทุกๆตัวนั้น ทางแอดยังคงทดสอบในอุณหภูมิปกติ ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์เลย เรียกได้ว่ายังได้คะแนนออกมาระดับนี้ถือว่าใช้ได้เลยนะ เร็วแรงโหดพอตัว
SCREEN
ทางด้านของหน้าจอในรุ่นนี้เป็นแบบ WUXGA ขนาดอยู่ที่ 13.4 นิ้ว เป็นขนาดที่ใหญ่กำลังพอดีต่อการใช้งานเลยนะ ความละเอียดระดับ FHD+ (1920×1200) อัตราหน้าจออยู่ที่ 16:10 พร้อมกับค่ารีเฟรชเรท 120Hz Adaptive-Sync มีการแสดงสีสันได้กว้างถึง 100% sRGB อีกทั้งยังรองรับค่า Pantone Validated นอกจากนี้ยังใส่เทคโนโลยี Support Dolby Vision ที่ช่วยลดการฉีกขาดของภาพด้วยนะ แน่นอนว่าภาพที่แสดงออกมาจะมีความสวยคมชัด สีสันแม่นยำอย่างแน่นอน มองมุมไหนก็สวยมีมิติ ทำงานสายไหนก็ตอบโจทย์ลงตัวในเครื่องเดียวของแท้เลย หรือแม้จะทำกิจกรรมดูหนัง เล่นเกม บอกเลยว่าจะได้ความรู้สึกที่เพลิดเพลินสุดฟิน นอกจากนี้หน้าจอยังรองรับการ Touch Screen ที่ทำให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับ ASUS Pen SA201H(included) รองรับการกดได้ถึง 4096 ระดับ ที่มีแถมมาให้อีกด้วยนะ สุดท้ายที่ชอบมากๆเลยคือหน้าจอเป็นกระจกแบบ Gorilla® Glass 5 ที่มีความแข็งแรงทนทาน ภาพรวมของหน้าจอในรุ่นนี้โอเคเลยนะ สวยคมชัดทุกมิติ จัดเต็มมาให้แบบไม่มีผิดหวัง
หน้าจอในรุ่นนี้ด้านหลังตัวเครื่องจะมาพร้อมกับขาตั้งแบบ kick stand ที่สามารถกางออกได้กว้างที่สุดถึง 170 องศาเลย รองรับการใช้งานได้แบบจุใจ ทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์จริงๆ อีกทั้งการใช้งานร่วมกับปากกาก็สามารถใช้งานได้ง่าย ลื่นไหลลงตัว แอดชอบมากๆ
[SR] รีวิว ROG FLOW Z13 พร้อม i7 + RTX 3050 ดีไซน์เด่นมี KICK STAND ต่อการ์ดจอแยกได้ !
กลับมาอีกครั้งแล้วกับ ROG ที่แน่นอนว่าหลายๆคนคงจะทราบถึงประสิทธิภาพที่เร็วแรงสุดโหดของเจ้าโน้ตบุ๊กรุ่นก่อนๆของ ROG มาแล้ว และในครั้งนี้ก็เปิดตัวมาอีกรุ่นสำหรับ ROG FLOW Z13 ที่ต้องบอกเลยว่าต้องยกนิ้วให้กับความปัง มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยหรู ดูแพง ที่สามารถกางได้ถึง 170 องศาเลยนะ ใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับทุกๆไลฟ์สไตล์จริงๆเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก การใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด พอร์ตเชื่อมต่อครบครันไม่ต้องห่วงอะไรเลย ราคาสบายกระเป๋า ต้องบอกเลยว่าถ้าใครได้ลองแล้วจะติดใจแบบแอดอย่างแน่นอน
ROG Flow Z13 นั้นมาพร้อมกับ Processor Intel® Core™ i7–12700H Processor มีแกนประมวลผล 6P core + 8E core/ 20Threads พร้อมการ์ดจอ GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6 ใช้งาน RAM 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board) และ Storage 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ทางด้านของหน้าจอมีขนาด 13.4 นิ้ว WUXGA (1920 x 1200) การออกแบบดีไซน์สวยหรูกางได้ 170 องศา น้ำหนักเบาเพียงแค่ 1.18 kg. เท่านั้น แม้จะให้แบตเตอรี่มามากถึง 56WHrs ราคา ฿59,990.00
DESIGN
งานออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้ยังคงมาในรูปแบบที่เรียบหรู คงความเท่ ดุดันไว้เช่นเดิม โดยในรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Space Odyssey ด้านหลังตัวเครื่องที่มีช่องโปร่งแสงพร้อมไฟ RGB เผยให้เห็นรายละเอียดแผง PCB ด้านในตัวเครื่อง เป็นการเปรียบเสมือนช่องหน้าต่างของยานอวกาศที่มีความเท่ น่าค้นหา น่าใช้งานมากๆแอดขอบอก ในด้านของวัสดุอุปกรณ์ทนทาน ใช้วัสดุตัวเครื่องแบบ CNC อลูมิเนียม ตัวเครื่องบางเบาพิเศษ พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบาย โดยมีน้ำหนักเพียง 1.18 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมขาตั้งแบบ kick stand ที่สามารถกางออกได้กว้างที่สุดถึง 170 องศา รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของเราเลยนะ กางได้โดยไม่ต้องกลัวหักกลัวพังเลย
การออกแบบดีไซน์ให้เห็นช่องรายละเอียดด้านหน้านั้นช่วยให้ตัวเครื่องดูมีสเน่ห์น่าสนใจ น่าใช้งานมากขึ้น โดยการที่ดึงสีไฟ RGB เข้ามา ช่วยให้ตัดกับสีตัวเครื่องได้อย่างสวยงามลงตัว เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจที่ใครเห็นแล้วก็ต้องมอง
เมื่อมองด้านข้างแล้วนั้นตัวเครื่องมีความบางมากๆ พกพาได้อย่างงายดาย สะดวกสบายจริงๆ มีการตัดวางได้ลงตัว ถอดใช้งานตามความต้องการของเราได้อย่างง่ายดาย ที่ชอบมากๆเลยคือสามารถเลือกปรับการจัดวาง ได้เหมาะสมตามลักษณะการใช้งานของเราได้เลย เป็นทุกอย่างในเครื่องเดียวจริงๆ
มองรวมๆด้านหน้าด้านหลังของ ROG FLOW Z13 แล้วแอดบอกตรงๆว่าเลิกมองไม่ได้จริงๆ ออกแบบมาได้ดึงดูดสายตาผู้บริโภคจริงๆ ทั้งลวดลาย ทั้งการใส่ไฟเข้ามาเป็นลูกเล่น รวมไปถึงการใส่ใจในการถอดใช้งานเครื่อง ทางค่ายไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
ในส่วนของคีย์บอร์ดในรุ่นนี้นั้นเป็นคีย์บอร์ดขนาดฟูลไซซ์พร้อมแสงไฟ RGB เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ตัวคีย์บอร์ดสามารถถอดแยกจากตัวเครื่องเพื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ตได้ตามความต้องการ หรือเลือกต่อใช้งานในโหมดโน้ตบุ๊กได้ด้วย ที่ชอบมากๆเลยคือตัวอักษรมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใช้งานง่ายลงตัว รวมไปถึงยังคงใช้งานร่วมกับปากกาได้ด้วย เป็นอะไรที่เจ๋งมากเช่นเดิม
SPEC
- CPU : Intel® Core™ i7–12700H Processor (6P core + 8E core/ 20Threads)
- Graphic : GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6
- RAM : 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board)
- Storage : 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
- Display : 13.4–inch WUXGA (1920 x 1200) 16:10, 120Hz, 3ms, 100% sRGB, Adaptive–Sync, Pantone Validated, Support Dolby Vision, Touch Screen, Support ASUS Pen SA201H(included), Corning® Gorilla® Glass 5
- Keyboard Type : Backlit Chiclet Keyboard RGB, Aura Sync
- Speaker : 2x 1W speaker with smart AMP technology
- Battery: 56WHrs
- Power : TYPE–C, 100W AC Adapter, Output: 20V DC, 5A, 100W,
- Input : 100~240V AC, 50/60Hz universal
- Weight : 1.18 Kg
- OS : Windows 11 Home, Office Home and Student 2021
- Warranty : 3 years On–site Service / 3 years Global warranty / 1 year Perfect warranty
PERFORMANCE
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งานในรุ่นนี้อัดแน่นจัดเต็มไปกับชิปประมวลผล Intel® Core™ i7–12700H Processor ที่มีแกนประมวลผล 6P core + 8E core/ 20Threads มาพร้อมกับกราฟิกการ์ด GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU 4GB GDDR6 ต้องบอกเลยว่าการใช้งานเร็วแรง รองรับการใช้งานได้หลากหลายตอบโจทย์ งานโหดแค่ไหนเจ้าตัวนี้ก็เอาอยู่นะ ใช้งาน RAM 16 GB 5200MHz (8GB*2 LPDDR5 on board) และ Storage 512 GB M.2 2230 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD ให้ความจุมาได้เพียงพอ รองรับการใช้งานได้สบายๆไม่ต้องห่วงปัญหาอะไรเลยในรุ่นนี้ แอดขอบอกว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆนะ เร็วแรงไม่มีสะดุดอย่างงี้ต้องลองกันแล้ว
ในส่วนของการทดสอบคะแนน 3D Mark นั้นสามารถทำคะแนนออกมาในระดับที่น่าประทับใจเช่นเดิมไม่เคยผิดหวังเลย โดยคะแนนตัว FIRE STRIKE ULTRA สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 2429 คะแนน ตามมาด้วยตัว Port Royal สามารถทำคะแนนไปอยู่ที่ 1049 คะแนน โดยคะแนนที่ทดสอบออกมาอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจอยู่นะ สเปกการใช้งานโหด รองรับการใช้งานหนักๆได้อย่างสบาย
จากการทดสอบตัว R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลนั้น คะแนนที่ออกมาก็อยู่ในระดับสูงเลยนะ ทำไปได้ 2738 cb/ 178.97 FPS ตามมาด้วยในตัวของ R20 นั้นที่ทำการประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 6724 PTS เป็นคะแนนที่สูงกว่ารุ่นก่อนๆอย่างเห็นได้ชัดเลย และสุดท้ายในตัว R23 สามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 16671 pts เป็นการทดสอบที่ได้คะแนนที่โหดมาก ใช้งานหนักหน่วงแค่ไหนก็เอาอยู่แบบสบายๆ
จากการทดสอบคะแนน PC Mark ทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูง โดยคะแนนอยู่ที่ 6296 คะแนน ยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานมากๆ ตอบโจทย์การทำงานทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ จะกราฟิก ตัดต่อ ออกแบบ หรือแม้กระทั่งเรนเดอร์ไฟล์งานใหญ่ๆ ก็ทำได้แบบไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องเป็นกังวลเลย การควบคุมความร้อนต่างๆก็ยังทำได้ดี เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบมากๆ
PERFORMANCE – ON MUX
ประสิทธิภาพการใช้งานที่มีฟีเจอร์ MUX Switch เข้ามาเพื่อให้เราสามารถเลือกใช้งานกราฟิกการ์ดแยกได้อย่างอิสระ ช่วยทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ดได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โหดขึ้นเร็วแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีคุณภาพแบบจุกๆ โดยจากการทำการทดสอบผลคะแนน 3D Mark ในตัว Port Royal สามารถทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 1054 คะแนน ตามมาด้วยการทดสอบในตัว Fire Strike Ultra สามารถทำคะแนนไปได้ 2304 คะแนน เรียกได้ว่าประสิทธิภาพการใช้งานสามารถดึงเข้ามาเพิ่มได้ตรงจุด เหมาะสมมากขึ้นกว่าเดิม
ตามมาด้วยการทดสอบ Cinebench R15 ที่สามารถทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 212.27 fps ตามมาด้วยตัว R20 ที่ใช้งาน CPU ได้หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม ก็ยังทำคะแนนได้ดีอยู่ในระดับคะแนน 5762 pts และปิดท้ายด้วยตัว R23 ที่ทำคะแนนอยู่ที่ 13955 pts ภาพรวมแล้วคะแนนสูงขึ้นในบางตัว เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้เราได้ตอบโจทย์อยู่นะ
ในส่วนของคะแนน PC Mark นั้นทำคะแนนไปได้สูงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลย เมื่อเลือกใช้งานฟีเจอร์ MUX Switch สามารถทำคะแนนเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 6455 คะแนนเลยนะ แน่นอนว่าประสิทธิภาพการใช้งานก็จะโหดขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน จากการทดสอบในทุกๆตัวนั้น ทางแอดยังคงทดสอบในอุณหภูมิปกติ ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์เลย เรียกได้ว่ายังได้คะแนนออกมาระดับนี้ถือว่าใช้ได้เลยนะ เร็วแรงโหดพอตัว
SCREEN
ทางด้านของหน้าจอในรุ่นนี้เป็นแบบ WUXGA ขนาดอยู่ที่ 13.4 นิ้ว เป็นขนาดที่ใหญ่กำลังพอดีต่อการใช้งานเลยนะ ความละเอียดระดับ FHD+ (1920×1200) อัตราหน้าจออยู่ที่ 16:10 พร้อมกับค่ารีเฟรชเรท 120Hz Adaptive-Sync มีการแสดงสีสันได้กว้างถึง 100% sRGB อีกทั้งยังรองรับค่า Pantone Validated นอกจากนี้ยังใส่เทคโนโลยี Support Dolby Vision ที่ช่วยลดการฉีกขาดของภาพด้วยนะ แน่นอนว่าภาพที่แสดงออกมาจะมีความสวยคมชัด สีสันแม่นยำอย่างแน่นอน มองมุมไหนก็สวยมีมิติ ทำงานสายไหนก็ตอบโจทย์ลงตัวในเครื่องเดียวของแท้เลย หรือแม้จะทำกิจกรรมดูหนัง เล่นเกม บอกเลยว่าจะได้ความรู้สึกที่เพลิดเพลินสุดฟิน นอกจากนี้หน้าจอยังรองรับการ Touch Screen ที่ทำให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับ ASUS Pen SA201H(included) รองรับการกดได้ถึง 4096 ระดับ ที่มีแถมมาให้อีกด้วยนะ สุดท้ายที่ชอบมากๆเลยคือหน้าจอเป็นกระจกแบบ Gorilla® Glass 5 ที่มีความแข็งแรงทนทาน ภาพรวมของหน้าจอในรุ่นนี้โอเคเลยนะ สวยคมชัดทุกมิติ จัดเต็มมาให้แบบไม่มีผิดหวัง
หน้าจอในรุ่นนี้ด้านหลังตัวเครื่องจะมาพร้อมกับขาตั้งแบบ kick stand ที่สามารถกางออกได้กว้างที่สุดถึง 170 องศาเลย รองรับการใช้งานได้แบบจุใจ ทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์จริงๆ อีกทั้งการใช้งานร่วมกับปากกาก็สามารถใช้งานได้ง่าย ลื่นไหลลงตัว แอดชอบมากๆ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้