สวัสดีครับ...ผมจะมาแชร์เรื่องราวของผมหลังตกงานให้ฟังนะครับ
หลังจากที่ผมเรียนจบในปี 2561 ผมได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชน ผมได้เป็นพนักงานประจำสาขา ซึ่งเมื่อเกิดโรคระบาดโควิด 19 บริษัทได้ทำการยุบสาขาซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสาขาที่ผมอยู่ด้วย ผมทำงานได้ 3 ปี ต้องตกงานและกลับมาอยู่บ้าน มีเงินเก็บครับมาใช้จ่ายนิดหน่อย และพยายามหาสมัครงานไว้หลายที่โดยใช้ทางวุฒิม. 6 และวุฒิป. ตรีสมัครช่วงที่รองานก็ช่วยพ่อไถนา แต่ก็ชอบมีคนรู้จักหรือญาติพี่น้องชอบถามว่าทำไมไม่ไปทำงานที่นั่นที่นี่ล่ะจะมาทำนาทำไม ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคงไม่เข้าใจว่าที่ทำงานแต่ละที่ต้องผ่านการสมัครและคัดเลือกเข้าทำงานไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปขอเขาเข้าทำงานได้เลย พวกเขาจะถามผมคำถามเดิมๆซ้ำๆทุกครั้งที่เจอหน้าผมจนผมไม่อยากใส่ใจอะไรแล้ว บางทีถามจนผมเครียด แต่ผมก็พยายามทำใจไม่ให้เครียดกับคำพูดของคนอื่น จนได้งานโรงงานแห่งหนึ่งครับซึ่งเป็นงานฝ่ายผลิตวุฒิม. 6 ผมตัดสินใจเข้าไปเริ่มทำงาน โดยไม่ยึดติดกับวุฒิป. ตรี หน้างานของผมคือยืนทั้งวันและยกชิ้นงานซึ่งหนักมากได้ค่าแรงเหมาเป็นรายวัน เข้างาน 5:30 น. เลิกงาน 17:00 น มีเวลาพักกินข้าวกลางวัน 1 ช.ม.
เหนื่อยมากครับกลับมาบ้านตื่นเช้ามาแทบจะลุกไปทำงานไม่ไหวเลยปวดขามากๆแทบจะก้าวขาไม่ออกเลยเพราะก่อนหน้านี้ทำงานออฟฟิศมา ร่างกายบอกไม่ไหวแล้วแต่ใจบอกต้องไปเพื่อเงิน หลังจากทำ 1 เดือนผ่านไปรู้สึกว่าหัวเข่าผมนั้นแย่มากบวกกับต้องยกของหนักด้วยเป็นกล้องหลังหนักประมาณ 1.5 กก ยกขึ้นวางบนชั้นวาง และต้องดันต้องลากไปส่งอีกแผนกหนึ่ง ทำให้ผมเกิดอาการปวดหลังขึ้นมาอีก เหนื่อยมากครับแต่ต้องอดทนทำเพื่อรองาน ในใจคิดว่าถ้าไม่มีงานก็ไม่มีเงิน หลังจากผ่านไป 3 เดือนก็ยังไม่มีงานที่ใช้วุฒิปตรีสมัครโทรมาเลยครับ รู้สึกเหนื่อยล้ามากกลับบ้านมายืดเหยียดกล้ามเนื้อนอนปวดหลังและนอนปวดขาทุกวันเลยร่างกายไม่ชินสักที เหนื่อยแต่บอกใครไม่ได้ เวลาพ่อกับแม่ถามผมก็โกหกว่าได้งานทำสบายเป็นงานนั่งโต๊ะทำเอกสารเพื่อให้คนทางบ้านสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วง จน 5 เดือนผ่านไปร่างกายผมไม่ไหวจริงๆครับแต่ใจคิดสู้แต่ร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะว่าปวดร้าวระบมไปหมดก็เลยลาออกครับใครจะว่าผมไม่อดทนก็แล้วแต่เขาไม่เป็นเราเขาไม่รู้เพราะตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าหาสมัครงานอยู่ครับ ... สิ่งที่ผมได้คือเงินเดือนและประสบการณ์พวกพี่ๆที่ทำงานฝ่ายผลิตเขาเก่งกันมากๆเลยครับ
ชีวิตหลังตกงานของผม
หลังจากที่ผมเรียนจบในปี 2561 ผมได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชน ผมได้เป็นพนักงานประจำสาขา ซึ่งเมื่อเกิดโรคระบาดโควิด 19 บริษัทได้ทำการยุบสาขาซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสาขาที่ผมอยู่ด้วย ผมทำงานได้ 3 ปี ต้องตกงานและกลับมาอยู่บ้าน มีเงินเก็บครับมาใช้จ่ายนิดหน่อย และพยายามหาสมัครงานไว้หลายที่โดยใช้ทางวุฒิม. 6 และวุฒิป. ตรีสมัครช่วงที่รองานก็ช่วยพ่อไถนา แต่ก็ชอบมีคนรู้จักหรือญาติพี่น้องชอบถามว่าทำไมไม่ไปทำงานที่นั่นที่นี่ล่ะจะมาทำนาทำไม ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคงไม่เข้าใจว่าที่ทำงานแต่ละที่ต้องผ่านการสมัครและคัดเลือกเข้าทำงานไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปขอเขาเข้าทำงานได้เลย พวกเขาจะถามผมคำถามเดิมๆซ้ำๆทุกครั้งที่เจอหน้าผมจนผมไม่อยากใส่ใจอะไรแล้ว บางทีถามจนผมเครียด แต่ผมก็พยายามทำใจไม่ให้เครียดกับคำพูดของคนอื่น จนได้งานโรงงานแห่งหนึ่งครับซึ่งเป็นงานฝ่ายผลิตวุฒิม. 6 ผมตัดสินใจเข้าไปเริ่มทำงาน โดยไม่ยึดติดกับวุฒิป. ตรี หน้างานของผมคือยืนทั้งวันและยกชิ้นงานซึ่งหนักมากได้ค่าแรงเหมาเป็นรายวัน เข้างาน 5:30 น. เลิกงาน 17:00 น มีเวลาพักกินข้าวกลางวัน 1 ช.ม.
เหนื่อยมากครับกลับมาบ้านตื่นเช้ามาแทบจะลุกไปทำงานไม่ไหวเลยปวดขามากๆแทบจะก้าวขาไม่ออกเลยเพราะก่อนหน้านี้ทำงานออฟฟิศมา ร่างกายบอกไม่ไหวแล้วแต่ใจบอกต้องไปเพื่อเงิน หลังจากทำ 1 เดือนผ่านไปรู้สึกว่าหัวเข่าผมนั้นแย่มากบวกกับต้องยกของหนักด้วยเป็นกล้องหลังหนักประมาณ 1.5 กก ยกขึ้นวางบนชั้นวาง และต้องดันต้องลากไปส่งอีกแผนกหนึ่ง ทำให้ผมเกิดอาการปวดหลังขึ้นมาอีก เหนื่อยมากครับแต่ต้องอดทนทำเพื่อรองาน ในใจคิดว่าถ้าไม่มีงานก็ไม่มีเงิน หลังจากผ่านไป 3 เดือนก็ยังไม่มีงานที่ใช้วุฒิปตรีสมัครโทรมาเลยครับ รู้สึกเหนื่อยล้ามากกลับบ้านมายืดเหยียดกล้ามเนื้อนอนปวดหลังและนอนปวดขาทุกวันเลยร่างกายไม่ชินสักที เหนื่อยแต่บอกใครไม่ได้ เวลาพ่อกับแม่ถามผมก็โกหกว่าได้งานทำสบายเป็นงานนั่งโต๊ะทำเอกสารเพื่อให้คนทางบ้านสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วง จน 5 เดือนผ่านไปร่างกายผมไม่ไหวจริงๆครับแต่ใจคิดสู้แต่ร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะว่าปวดร้าวระบมไปหมดก็เลยลาออกครับใครจะว่าผมไม่อดทนก็แล้วแต่เขาไม่เป็นเราเขาไม่รู้เพราะตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าหาสมัครงานอยู่ครับ ... สิ่งที่ผมได้คือเงินเดือนและประสบการณ์พวกพี่ๆที่ทำงานฝ่ายผลิตเขาเก่งกันมากๆเลยครับ