"ในซีรีส์ Ultra Q (1966) ผมเล่นเป็นเคมมูและลากอน ผมพูดกับตัวเองว่าฉันไม่อยากทำงานนี้อีกต่อไปแล้ว แต่คุณนาริตะสร้างรูปร่างของอุลตร้าแมนโดยอิงจากเคมมูและบอกว่า 'มีแค่ฟุรุยะเท่านั้นที่แสดงบทนี้ได้ !' ผมเลยไม่ต้องเข้าคัดเลือกการแสดง" (หัวเราะ)

บิน ฟุรุยะ นักแสดงร่างสูง ย้อนเล่าถึงบทบาทที่ราวกับฟ้าสั่งให้เขาต้องรับบท นั่นคือ มนุษย์ยักษ์ อุลตร้าแมน ในซีรีส์ Ultraman (1996) โดยมี โทรุ นาริตะ เป็นผู้ออกแบบยักษ์แห่งแสง

"ผมคิดว่ามันเจ๋งมาก เป็นการออกแบบที่สมบูรณ์มาก" ฟุรุยะ พูดถึงผลงานของนาริตะ "คือก่อนอุลตร้าแมนจะถือกำเนิด มันผ่านขั้นตอนมามากมาย ในช่วงแรกสุด มันไม่ได้อยู่ในรูปแบบของอุลตร้าแมนอย่างที่เรารู้จัก เพราะมันเป็นเพียงแค่ชุดเรียบๆ ซึ่งผมนึกไม่ออกเลยว่าใส่แล้วจะเป็นยังไง แต่คุณนาริตะรู้ เขาเป็นประติมากร เขารู้อยู่แล้วว่าหน้าตามันจะออกมาเป็นยังไงเมื่อผมใส่ชุดนี้"

และชุดยางอุลตร้าแมนก็ถูกหล่อออกมาให้ฟุรุยะสวมใส่อย่างแท้จริง

"ตัวชุดและแม้แต่หน้ากากก็ออกแบบมาให้เหมาะกับผมโดยเฉพาะ ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลย แม้แต่ขนาดของใบหน้า ทั้งตา จมูก และปาก ก็ถูกสร้างมาเพื่อให้เข้ากับผม แต่พอชุดรุ่น C (ชุดอุลตร้าแบบที่สามที่ใช้ถ่ายทำในซีรีส์) ผมiรู้สึกเหมือนมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงเนื้อสัมผัส เมื่อมีบางอย่างมาโดนตัวผม ผิวหนังผมจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกับตอนใส่ชุดรุ่น A"


ไม่ใช่แค่การสวมชุดเท่านั้นที่จะทำให้ฟุรุยะกลายเป็นฮีโร่ตัวโต ฟุรุยะต้องทำการบ้านเพื่อค้นหาว่าอุลตร้าแมนควรมีท่าทางแบบไหน โดยเฉพาะท่าปล่อยแสงสเปเซี่ยมในตำนาน

"เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกสุดมันเลยไม่มีแบบอย่างให้ดู ดังนั้นเราจึงต้องคิดอะไรบางอย่างตั้งแต่ตอนตั้งไข่ ผมจำได้ว่านักแสดงรุ่นพี่ที่โตโฮ นารุโอะ นากาจิม่า เดินทางไปที่สวนสัตว์อุเอโนะเพื่อศึกษาสัตว์ต่างๆเพื่อแสดงเป็นก็อดซิลล่า แต่อุลตร้าแมนไม่ใช่สัตว์ ถ้าผมไปอุเอโนะก็คงไม่มีอะไรให้ผมศึกษาหรอก (หัวเราะ) ตอนนั้นผมคุยกับหลายคน อุลตร้าแมนนั้นเปลือยเปล่าเหมือนกับก็อดซิลล่าและก็ไม่มีอาวุธในมือ แล้วเขาจะเอาชนะสัตว์ประหลาดยักษ์ได้ยังไง กระทั่งในที่สุด ผมก็ได้คำใบ้จากท่าคาราเต้ชอปของ ริกิโดซัง"

ริกิโดซังที่ฟุรุยะเอ่ยถึงคือ นักมวยปล้ำชื่อก้องของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นขวัญใจวัยเด็กของฟุรุยะ และช่วยให้กำเนิดท่าที่คนทั่วโลกจดจำและทำตามได้ทันที

"ผมคิดท่าโดยใช้ท่าคาราเต้ชอปเป็นพื้นฐาน โดยปรึกษาร่วมกับผู้กำกับ โทชิฮิโร อิอิจิมะ และช่างภาพออปติก มิโนรุ นากาโนะ แล้วผมก็ยังอยากให้เป็นท่าที่สามารถมองเห็นปุ่มจับเวลาในภาพได้ด้วย ซึ่งผู้กำกับหรือตากล้องไม่ได้บอกให้ผมทำนะ แต่ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าได้เห็นมันอยู่ในท่าด้วย ผมฝึกทำท่านี้อยู่หน้ากระจกสามด้านอย่างน้อยวันละ 300 ครั้ง เพื่อดูว่ามันจะออกมาเป็นยังไงเมื่อมันถ่ายทำผ่านกล้อง"


ส่วนท่าต่อสู้ที่เอนตัวไปข้างหน้าเหมือนคนหลังค่อม ฟุรุยะก็ได้รับแรงบันดาลใจจากยอดนักแสดงวัยรุ่นแห่งฮอลลีวู้ด เจมส์ ดีน

"ในหนัง Rebel Without a Cause (1955) ผมเห็นฉากต่อสู้ของเจมส์ ดีน แล้วคิดว่าถ้าผมได้รับบทนำ ผมก็อยากทำท่าแบบนั้น ดังนั้นเมื่อผมได้รับเลือกให้เล่นเป็นอุลตร้าแมน ผมก็เลยตัดสินใจทำ ผมผสมผสานท่าถือมีดต่อสู้ของเจมส์ ดีนเอาไว้ในการแสดงของผม"


ซีรีส์ Ultraman ประสบความสำเร็จทันทีที่ออกอากาศ ทำให้ค่ายผู้สร้างซึบุรายะโปรดักชั่นส์ของนักทำเทคนิคพิเศษ เอจิ ซึบุรายะ ต่อยอดด้วยซีรีส์มนุษย์ยักษ์ตามมาอีกมากมายจนถึงปัจจุบัน โดยมีซีรีส์เรื่องแรกเป็นมรดกชิ้นสำคัญ 

และสองผู้สร้างภาพยนตร์และเป็นแฟนอุลตร้าแมนตัวยงอย่าง ชินจิ ฮิงุจิ (ผู้กำกับ) และ ฮิเดอากิ อันโนะ (เขียนบท/โปรดิวเซอร์) ก็ขอถวายเครื่องเซ่นไหว้ชุดใหญ่ด้วย Shin Ultraman (2022) ที่ย้อนกลับไปหาดีไซน์รากเหง้าของนาริตะ พร้อมกับพาฟุรุยะมาแสดงเป็นอุลตร้าแมนอีกครั้งในรูปแบบซีจีไอผ่านกระบวนการโมชั่นแคปเจอร์ 

"ถึงจะเอาคนอื่นมาใส่ชุดอุลตร้าแมน แต่พวกเขาก็ยังคงดูเหมือนมนุษย์ปกติ แต่คุณฟุรุยะที่อายุขนาดนี้แล้วก็ยังคงทำได้ดี เขายังคงดูเหมือนอุลตร้าแมนอยู่ใช่ไหมล่ะ" 

ฮิงุจิหันไปถามโปรดิวเซอร์อีกคนของ Shin Ultraman โทโมยะ นิชิโนะ ซึ่งนิชิโนะก็ตอบว่า "ถูกต้องแล้ว เราเคยชินกับอุลตร้าแมนภาคดั้งเดิม แต่เมื่อเทียบกับอุลตร้าแมนตัวอื่นหลังจากอุลตร้าแมนเซเว่น ผมรู้สึกว่าคุณฟุรุยะมีรูปร่างที่พิเศษ มันเป็นเรื่องของความสูงหรืออะไรเทือกนั้น ภาพเงาของเขาฝังอยู่ในความทรงจำของผู้กำกับฮิงุจิและทีมงานทุกคน ผมเลยคิดว่าถ้าจะต้องสร้างอุลตร้าแมนขึ้นมาใหม่ในยุคนี้ คุณฟุรุยะก็ควรเป็นพื้นฐานสำหรับอุลตร้าแมน"

อุลตร้าแมนเพิ่งจะฉลองครบรอบ 55 ปีไปเมื่อปี 2021 - อายุที่เกินครึ่งศตวรรษทำให้มีเรื่องราวและอุลตร้าแมนหลากหลายแบบ แต่หากถามฟุรุยะว่าอุลตร้าแมนนั้นคืออะไร เขาก็ให้คำตอบว่า

"การดำรงอยู่อย่างเป็นสัญลักษณ์ ผมสูดเอาชีวิตเข้าสู่จิตวิญญาณของมันจากภายใน และด้วยลมหายใจนั้น เราจึงสร้างฟุตเทจแล้วทำให้ภาพนั้นกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับอนาคต ซึ่งต้องขอบคุณความพยายามของใครหลายคน ซึบุรายะโปรดักชั่นส์ยังคงสานต่อเจตจำนงของเอจิ ซึบุรายะผู้ยิ่งใหญ่"

60 ปีอุลตร้าแมน อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งฟุรุยะก็ยังอยากฉลองในวาระนั้น

"ผมหวังว่าผมจะมีสุขภาพดีจนถึงวันครบรอบ 60 ปี อายุผมจะ 83 แล้ว ความฝันของผมคือ ผมยังมีชุดอุลตร้าแมนอยู่ ผมอยากเข้าไปทำท่าปล่อยแสงสเปเซี่ยม ผมอยากถ่ายรูปกับอุลตร้าแมนตัวใหม่ให้เคียงข้างกับอุลตร้าแมนตัวแรกของผม"

นั่นคงจะทำให้ฝันของแฟนๆกลายเป็นความจริง
 
"อุลตร้าแมนจะทำให้ฝันของคุณเป็นจริง มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข มีหลายคนที่เคยทำงานหนักร่วมกับผม เราดิ้นรนเพื่อให้ซีรีส์มีชีวิตขึ้นมา คนเหล่านั้นไปอยู่ในดินแดนแห่งแสงหมดแล้ว แต่ในระหว่างที่ผมยังยืนอยู่บนโลก ผมจะเล่าขานให้โลกรับรู้ถึงความดีงามของอุลตร้าแมนเหมือนกับคนเผยแพร่ศาสนา"

แต่หากย้อนกลับไปในวันที่ฟุรุยะทำงานในซีรีส์ Ultraman - ฟุรุยะก็ไม่เคยคาดคิดว่าอุลตร้าแมนจะมีชีวิตยาวนาน

"รายการพุ่งเป้าไปที่เด็กๆ พอจบแล้วก็จบกัน เพราะเด็กจะเติบโตและเรียนจบ พวกเขาจะหยุดดูอุลตร้าแมน แต่ 50 ปีผ่านไป อุลตร้าแมนก็ยังคงสดใหม่ และการออกแบบก็ยังคงมีอยู่" 

อาจกล่าวได้ว่าอุลตร้าแมนคือความอมตะอย่างที่ฟุรุยะพยายามบอก และซึ่งสิ่งที่ฟุรุยะช่วยสร้างไว้ก็กลายเป็นรากฐานอันสำคัญของจักรวาลฮีโร่แห่งแสง และเขายังคงทำหน้าที่เป็นอุลตร้าแมนอย่างไม่หยุดหย่อน

ตำแหน่ง สุภาพบุรุษอุลตร้าแมน จึงสมควรมอบให้แก่เขา

อ่านเรื่องราวเบื้องหลังของอุลตร้าแมนอีกมากเพื่อต้อนรับ Shin Ultraman ได้ที่
Godzilla : The Legend of King