...
สนับสนุนโดย ไทยรัฐ
"ศรีสุวรรณ" นำหลักฐานร้องมหาเถรฯ-สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ เอาผิด "ภิกษุณีสุทัสสนา" ขายสบู่น้ำมนต์ อ้างสารพัดสรรพคุณ
วันที่ 27 ก.ย. 65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคมฯ ขอให้ดำเนินรการตรวจสอบ และเอาผิดภิกษุณีสุทัสสนา หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "หมอปลาย พรายกระซิบ" ที่มีพฤติการณ์อาจเข้าข่ายละเมิดพระธรรมวินัย และมิใช่กิจของสงฆ์ อันจะสร้างความเสื่อมในบวรพุทธศาสนาได้
สืบเนื่องมาจากภิกษุณีสุทัสสนา ออกมาโพสต์คลิปในเฟซบุ๊กโปรโมตขายสบู่น้ำมนต์ ราคาก้อนละ 199 บาท บรรยายสรรพคุณอ้างว่า สามารถชำระล้างอวิชชาต่างๆ เพื่อเสริมโชคลาภ หนุนดวงชะตา ประสบความสำเร็จในชีวิต ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับพลังจากท่านยมบาล และท้าวเวสสุวรรณอย่างเต็มที่ ช่วยแก้ดวงตก โดนทำของ แก้เจ้ากรรมนายเวรได้ อีกทั้งยังได้มีการโพสต์ขายวัตถุมงคลประเภท ตะกรุด ที่อ้างว่าปลุกเสกด้วยตนเอง มี 2 แบบ ช่วยเรื่องโชคลาภ การเงิน และความรัก ความเมตตา ฯลฯ
โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อของผู้คน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่กิจของสมณะ นอกจากนั้น ยังอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนศีล 311 ข้อของภิกษุณี ในบทนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ในข้อ 46 ข้อ 47 และข้อ 48 ที่ทรงบัญญัติมิให้สมณะห้ามรับเงินทอง ห้ามซื้อขายด้วยเงินทอง และห้ามซื้อขายโดยใช้ของแลก เป็นต้น
แม้ที่ผ่านมาภิกษุณีสุทัสสนา จะอ้างว่าบวชในประเทศศรีลังกา มีใบรับรองถูกต้อง แต่เมื่อมาจำพรรษาอยู่ในประเทศไทย ต้องเคารพและอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎของสงฆ์ในไทยด้วย เช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่ถือสัญชาติประเทศอื่น หากเข้ามาท่องเที่ยวหรืออยู่ในประเทศไทย หากทำผิดก็ต้องถูกกฎหมายของไทยลงโทษเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การเป็นผู้ทรงศีลเป็นภิกษุณี แต่กลับออกคลิปโปรโมตสินค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะเงินทอง ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เป็นการถูกต้องกับบัญญัติของสงฆ์ แต่หากภิกษุณีดังกล่าวอยากขายสินค้าต่างๆ ต่อไปก็ควรลาสิกขาไปจากความเป็นสมณะเสีย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานส่งเป็นหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนพระธรรมวินัยดังกล่าวโดยเด็ดขาดต่อไป และหากเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ปอ.157 ได้.
https://www.msn.com/th-th/news/national/ภิกษุณี-ขายสบู่น้ำมนต์-ศรีสุวรรณ-นำหลักฐานร้องมหาเถรฯ-สำนักพุทธฯ-ตรวจสอบ/ar-AA12hwCN?li=BB12rqcX
ภิกษุณี" ขายสบู่น้ำมนต์ "ศรีสุวรรณ" นำหลักฐานร้องมหาเถรฯ-สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ
สนับสนุนโดย ไทยรัฐ
"ศรีสุวรรณ" นำหลักฐานร้องมหาเถรฯ-สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ เอาผิด "ภิกษุณีสุทัสสนา" ขายสบู่น้ำมนต์ อ้างสารพัดสรรพคุณ
วันที่ 27 ก.ย. 65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคมฯ ขอให้ดำเนินรการตรวจสอบ และเอาผิดภิกษุณีสุทัสสนา หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "หมอปลาย พรายกระซิบ" ที่มีพฤติการณ์อาจเข้าข่ายละเมิดพระธรรมวินัย และมิใช่กิจของสงฆ์ อันจะสร้างความเสื่อมในบวรพุทธศาสนาได้
สืบเนื่องมาจากภิกษุณีสุทัสสนา ออกมาโพสต์คลิปในเฟซบุ๊กโปรโมตขายสบู่น้ำมนต์ ราคาก้อนละ 199 บาท บรรยายสรรพคุณอ้างว่า สามารถชำระล้างอวิชชาต่างๆ เพื่อเสริมโชคลาภ หนุนดวงชะตา ประสบความสำเร็จในชีวิต ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับพลังจากท่านยมบาล และท้าวเวสสุวรรณอย่างเต็มที่ ช่วยแก้ดวงตก โดนทำของ แก้เจ้ากรรมนายเวรได้ อีกทั้งยังได้มีการโพสต์ขายวัตถุมงคลประเภท ตะกรุด ที่อ้างว่าปลุกเสกด้วยตนเอง มี 2 แบบ ช่วยเรื่องโชคลาภ การเงิน และความรัก ความเมตตา ฯลฯ
โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อของผู้คน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่กิจของสมณะ นอกจากนั้น ยังอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนศีล 311 ข้อของภิกษุณี ในบทนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ในข้อ 46 ข้อ 47 และข้อ 48 ที่ทรงบัญญัติมิให้สมณะห้ามรับเงินทอง ห้ามซื้อขายด้วยเงินทอง และห้ามซื้อขายโดยใช้ของแลก เป็นต้น
แม้ที่ผ่านมาภิกษุณีสุทัสสนา จะอ้างว่าบวชในประเทศศรีลังกา มีใบรับรองถูกต้อง แต่เมื่อมาจำพรรษาอยู่ในประเทศไทย ต้องเคารพและอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎของสงฆ์ในไทยด้วย เช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่ถือสัญชาติประเทศอื่น หากเข้ามาท่องเที่ยวหรืออยู่ในประเทศไทย หากทำผิดก็ต้องถูกกฎหมายของไทยลงโทษเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การเป็นผู้ทรงศีลเป็นภิกษุณี แต่กลับออกคลิปโปรโมตสินค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะเงินทอง ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เป็นการถูกต้องกับบัญญัติของสงฆ์ แต่หากภิกษุณีดังกล่าวอยากขายสินค้าต่างๆ ต่อไปก็ควรลาสิกขาไปจากความเป็นสมณะเสีย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานส่งเป็นหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนพระธรรมวินัยดังกล่าวโดยเด็ดขาดต่อไป และหากเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ปอ.157 ได้.
https://www.msn.com/th-th/news/national/ภิกษุณี-ขายสบู่น้ำมนต์-ศรีสุวรรณ-นำหลักฐานร้องมหาเถรฯ-สำนักพุทธฯ-ตรวจสอบ/ar-AA12hwCN?li=BB12rqcX