Let's Rome. (and Florence in Settembre 2022)

Rome is always a good idea,
and Florence too.

นี่คือการพาหลานชายคนเล็กวัย 13 ปี ไปเที่ยวกรุงโรมครั้งแรกของเค้า ส่วนดิฉันในฐานะป้ากับลุงของเค้านั้น สำหรับกรุงโรมผ่านสายตาเรามาแล้วสามครั้ง เนื่องด้วยครั้งที่สาม เราพาพี่ชายของเค้ามาเที่ยว เป็นของขวัญสำหรับงาน Cresima ของคาธอลิก คราวนี้ถึงตาหลานชายคนเล็กแล้วค่ะ


ก่อนอื่นขอเกริ่นนำเล็กน้อย ว่านี้คือบันทึกการเดินทางของครอบครัวเราที่อยู่อิตาลีทางภาคเหนือ ติดชายแดนสวิส (ดิฉันอยู่นี่มา 17 ปี) ตั้งใจว่าจะเขียนกระทู้นี้แบบไม่ได้มีเนื้อหาประวัติศาสตร์อะไร เพราะดิฉันก็ไม่รู๊...เพี้ยนเสียงสูง แต่จะพยายามเขียนให้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับอาหารอิตาเลียนหรือความรู้ทั่วไปของอิตาลี หรือความรักความผูกพันธ์ระหว่างครอบครัวชาวอิตาเลียนจะดีกว่า เอาละมาเริ่มต้นกันค่ะ...



ทริปนี้มีขึ้น 16-19 กันยายน 2022 และแน่นอนว่าหลานชายต้องขาดเรียนไป แต่ถามว่าฮีจะออกอาการเสียดายหรือเสียใจที่ไม่ได้ไปโรงเรียนไหม ก็ไม่ .... พวกเราออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ รถไฟเที่ยวแรกไป Milano Centrale ออกตอน 06.18 ตอนนี้ซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าผ่านแอปมือถือได้หมดแล้ว สะดวกสบายจริงๆ ถึงสถานีหลักเมืองมิลาน มีเวลามานั่งซดคาปูชิโน่ร้อนๆแกล้มครัวซองค์ได้อีกหนึ่งชั่วโมง แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงของอิตาลีที่มีชื่อว่า FrecciaRossa = ลูกศรสีแดง กับความเร็วที่เค้าเคลมว่าเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงนั่งมองจอมอนิเตอร์ เห็นความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 299 เฉลี่ยๆแล้วน่าจะอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศนั้นๆตอนรถไฟวิ่งผ่านมากกว่าค่ะ เส้นทางที่เราไปนั้น มิลานแวะฟลอเร้นซ์ ต้องวิ่งผ่านจังหวัด Reggio Emilia ซึ่งเป็นที่ราบๆ ก็วิ่งเร็วหน่อย พอใกล้ถึงเมืองฟลอเรนซ์ต้องมุดอุโมงค์เยอะ รถไฟก็วิ่งช้าลง สรุปแล้ว ความเร็วสูงมันก็ดี แต่ถ้าที่ไทยบางเส้นทาง ขอรางคู่ก่อนก็ได้ค่ะ  ^__^

นี่คือสภาพที่นั่งของชั้น premium ค่ะ ที่นั่งกว้างกว่าชั้น standard นิดหน่อย ราคาก็สูงขึ้นนิดนึง ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นช่วงที่จอง เด็กและผู้ใหญ่ราคาต่างกัน ลุงกะป้าจองได้ราคาเฉลี่ยๆที่ 45 euro ขาเดียว จองช้าไปหน่อย มีที่ชาร์ทแบท มี WIFI ฟรี มีห้องน้ำให้เข้า มีที่วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หรือเอามาวางสอดไว้ระหว่างที่นั่งก็ได้ค่ะ 


ชั้น premium หรือ business หรือ Excusive มีบริการเสริฟขนม เครื่องดื่มฟรี พวกน้ำเปล่า ชา กาแฟ (กาแฟใช้เครื่องชงและกาแฟยี่ห้ออิลลี่ค่ะ) แต่ถ้าอยากซื้ออะไรๆกินเพิ่มเติม เดินไปกลางๆขบวน จะมีมุมขายอาหารและเครื่องดื่ม



ณ เมืองฟลอเร้นซ์ค่ะ เราแวะเที่ยวที่นี่ห้าหกชั่วโมง ก่อนนั่งรถไฟไปต่อที่กรุงโรม หลานชายโตแล้ว แบกกระเป๋าของป้าไปทั้งทริปค่ะ 555





สำหรับใครที่อยากฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟฟลอเร้นซ์ ค่าฝากเริ่มต้นที่ 6 ยูโร ตามรูปด้านล่าง ที่รับฝาก ยังไม่ต้องเดินออกจากสถานี ยืนหันหลังให้รางรถไฟ แล้วเลี้ยวซ้าย ที่รับฝากจะถัดไปไม่ไกลจากร้านแมคโดนัลล์ ใช้เวลาเข้าแถวเผื่อฝากราวๆ 10 นาที คนเยอะใช้ได้ ยังไม่จ่ายเงินตอนฝาก มาจ่ายตอนรับกระเป๋าคืนค่ะ อย่าทำตั๋วหาย ตอนฝากใช้บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต เค้าจะแสกนไว้



เรานั่งจากมิลานมาถึงฟลอเร้นซ์ ใช้เวลาราวๆสองชั่วโมง มาถึงฟลอเร้นซ์เที่ยงวันพอดี เลยแวะกินเนื้อ Fiorentina ที่ร้านอาหารเล็กๆใกล้สถานีรถไฟนั่นแหละ ดิฉันเคยมากินร้านนี้แล้วครั้งนึง รสชาติอาหารและบริการผ่าน ชื่อร้านคือ Trattoria I due G ใครอยากลองตามรอย ขอแนะนำค่ะ 

อาหารเรียกน้ำย่อย เราสั่ง bruschetta รวมมิตรของทางร้านมาแบ่งกันกินสามคน อาหารเรียกน้ำย่อยแบบนี้ สั่งแล้วมาแบ่งกันกินได้ พนักงานเสริฟจะเอาจานเล็กๆมาให้ตามจำนวนคน หรือสั่งอย่างอื่นเพิ่มก็ได้ จะได้ชิมอาหารหลากหลาย อย่างในรูปนั้น อร่อยทุกอย่าง หลานชายผู้หิวโหยของดิฉันคอนเฟริมค่ะ ^__^


อาหารจานต่อไป พวกเราข้ามอาหารจานแรก พวกพาสต้า หรือข้าว หรือราวิโอลี หรือญ็อกคิ เพราะมาถึงฟลอเรนซ์ทั้งที ขอเนื้อ Fiorentina ดีกว่า จานนี้ 1.2 กิโล ชิ้นเล็กสุดที่ร้านเค้ามี ราคาเนื้อนี้อยู่ที่กิโลละ 54 euro. ราคาสูงแหละ แต่เนื้อนุ่ม รสชาติเยี่ยม ทั้งๆที่ย่างแล้วโรยเกลือเท่านั้น นานๆทีก็ลองกินเถอะค่ะ ส่วนอาหารจานเคียงกินคู่สเต็กนั้น บางร้านมีเฟร้นฟราย บางร้านไม่มี มีมันฝรั่งอบแทบ หรือสั่งผักรวมมิตรย่าง พวกซุกินี่ มะเขือม่วง มะเขือเทศมากินคู่กันก็อร่อยดีค่ะ 

ปล. ได้โปรดอย่าขอซอสมะเขือเทศหรือน้ำเกรวี่อะไรมาราดบนเนื้อย่างเลย (เพราะว่าไม่มีน้ำเกรวี่ให้) พนักงานอาจเหลือกตามองบนหรือค้อนเบาๆใส่ 555 กินแบบนี้ดีที่สุด หูตาจมูกลิ้น ได้เห็นได้กลิ่น รู้รสชาติที่แท้จริงของเนื้อชนิดนี้ กินตามแบบต้นฉบับเค้าเถอะค่ะ



เนื้อ 1.2 กิโลนี้ แบ่งกันกินสามคน ก็พอดีๆนะคะ ไม่อิ่มแน่นจนเกินไป ยังพอมีพื้นที่ว่างสำหรับของหวานในกระเพาะ และแน่นอนว่าหลานชายเราไม่พลาดอยู่แล้ว กับทีรามิสุ ของหวานอันโด่งดังของอิตาลีเค้า มาถึงที่เค้าแล้ว ก็สั่งมาชิมกันนะคะ สำหรับราคาอาหารมื้อนี้ ไวน์แดงครึ่งลิตร vino della casa = house vine น้ำเปล่าซ่าๆหนึ่งขวด aqua frizzante โค้กหนึ่งกระป๋อง CocaCola ราคามื้อนี้ร้อยยูโรกว่าๆ กว่าๆเท่าไรกันนะ จำไม่ได้แล้วค่ะ ^__^


กินเสร็จ ถึงเวลาเดินชมเมืองฟลอเรนซ์กันแล้ว เดินตามนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดแลนมาร์คสำคัญๆเองค่ะ เราไม่แวะเข้ามิวเซียมอะไรทั้งสิ้น เพราะหลานชายเรานั้น ไม่สนใจอะไรใดๆแบบนั้น แค่ลุงลองถามหยั่งเชิงความรู้ทั่วไปเรื่องเมืองฟลอเร้นซ์ ตามที่ฮีเรียนมาจากโรงเรียน แค่นี้ฮีก็ออกอาการ เพี้ยนเบลอ

ดิฉันถ่ายรูปมาน้อยมากสำหรับเมืองนี้ เอาแค่สี่ห้ารูปก็พอนะคะ




เดินผ่านร้านขายขนมหวานลูกอม มีสไปเดอร์แมนห้วยหัวอยู่หน้าร้านช่วยเรียกลูกค้า หลานชายรีบบึ่งเข้าร้านเลยค่ะ ฮีซื้อรวมมิตรไปหลายอย่าง เห็นราคาเริ่มต้นที่ขีดละ 3.90 euro กินของหวานพวกน้ำตาลเพิ่มพลังงาน ให้มีแรงเดินชมเมือง ฮีว่างั้น



เดินผ่านสะพานเก่ามาถึงวังเก่า Pitti ฮีก็บอกว่า ร้อน หิวน้ำแล้วป้า มากินน้ำปั่น granita เพิ่มความสดชื่นกันเถอะ จ้ะ เอาเลย เอาที่เอ็งสบายใจ ลุงจ่ายตังค์รัวๆ น้ำปั่นแบบอิตาเลียน จะไม่หวาน มีรสเปรี้ยวนำ ปกติเห็นมีอยู่ไม่กี่รส มะนาว ส้ม สตรอเบอรี่ มิ้นท์ ส่วนราคาแก้วเล็กจิ๋วเริ่มต้นที่ 2 euro อัพ


 ปล. เดือนกันยายน เป็นเดือนที่เหมาะจะมาเที่ยวอิตาลีค่ะ อากาศไม่ร้อนตับแล่บจนเกินไป และก็ไม่หนาวจนแข็งตัว พอดีๆ เฉพาะตอนเช้าๆที่พอจะรู้สึกเย็นๆตัว ใส่เสื้อยืดแขนสั้นไว้ด้านใน เอาเสื้อแขนยาวพวกคาร์ดิแกนรัดเอวไว้กันเหนียว หยิบมาใส่ช่วงเช้าตรู่หรือตอนดึกก็พอค่ะ

โอ้ ถึงเวลามื้อเที่ยงของอิตาลีแล้ว วันนี้วันอาทิตย์ ถ้าหลานชายทั้งสองไม่ติดไปแข่งบาส ครอบครัวเค้าจะยกขบวนมากินมื้อเที่ยงบ้านเรา วันนี้น้องชายสามีทำเนื้อตุ๋นไวน์แดง brasato กับมันฝรั่งบดไว้ให้กิน นี่แหละค่ะ รสชาติชีวิตของครอบครัวชาวอิตาเลียน homemand cooking และความอบอุ่นจนร้อนระอุในบางวันของบ้านเรา มีอะไรก็แบ่งกันกินกันใช้ รวมตัวกันแม้ในวันธรรมดาทั่วไป ตัวติดกันไปเลยจ้า เพี้ยนไม่อยากจะเล่า ขอตัวไปทานมื้อเที่ยงก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อกับกรุงโรม ด้านล่างนะคะ 

See you soon. A presto.
Ciao Ciao.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่