สวัสดีค่า
หลังจากที่ปิดมานานจากสถานการณ์โควิด-19 และแล้ววันนี้เขาล้อมหมวก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็ได้กลับมาให้เปิดจองรอบพิเศษ ก่อนที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวปกติในช่วงวันหยุดยาว ในเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป หลังจากหลวมตัวจองรอบได้ตอน 07.20 น. ก็ได้เวลาออกเดินทางกันเล้ย

DAY 1
เริ่มต้นเดินทางด้วยรถยนต์ ออกจากบ้านตี 5 จนประมาณ 7.30 น. ก็มาถึงตลาดเก่าริมน้ำเพชรบุรี หาอะไรกิน และมาดู Street Art ในชุมชนซอยตลาดริมน้ำ ถ้าใครโชคดีก็จอดรถในตลาดได้เลย แต่ถ้าไม่มีที่จอดให้มาจอดหน้าวัดพลับพลาไชย จุดเด่นภาพที่นี้จะเป็นน้องแมว ซึ่งมีจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ใครทาสแมวถูกใจแน่ จากนั้นก็มากินเกี้ยมอี๋เจ๊นิริมน้ำ เปิดตั้งแต่เช้าเลย และกินข้าวแช่แม่อร ชุดละ 20 บาท เปิดประมาณ 8.30 น. แล้วก็ตบท้ายด้วยขนมหวาน เพราะของหวานเยอะมากจริงๆ

จากนั้นขับออกมาจากตลาดเก่าไม่กี่นาที ก็ถึงเขาวัง หรือพระนครคีรี สามารถมาจอดรถได้ที่ลานจอดรถ บริเวณกว้างขวาง แล้วเดินไปซื้อตั๋วรถราง 70 บาท (ทั้งขึ้นและลง) โดยจะเปิด 8.30 น. ใครต้องการเข้าห้องน้ำขึ้นมาเข้าข้างบนนี้ได้นะ (ถ้าเข้าบริเวณร้านอาหารจะเสีย 5 บาท) แนะนำให้ใส่รองเท้าที่ที่มีดอก เพราะทางเดินจะเป็นอิฐแดง ยิ่งบริเวณริมๆ ทางเดิน  จะมีตะไคร้น้ำเกาะ แนะนำให้เดินกลางๆ และเหยียบพื้นขาวๆ ที่เป็นซีเมนต์ไว้จะได้ไม่ลื่นแบบเรา

จากนั้นก็เดินทางต่อประมาณครึ่งชั่วโมง ไปยังวนอุทยานเขานางพันธุรัต เพื่อมาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 2.5 กม. ทางเดินค่อนข้างขรุขระไม่ราบเรียบ เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ อย่าลืมพกน้ำติดตัวมาด้วย ซึ่งที่นี้เงียบสงบดี ไม่มีขยะเลย เจ้าหน้าที่ตอบคำถามดีมากๆ ที่สำคัญฟรี!! และถ้าใครอยากมากางเต๊นท์ ก็มากางเต๊นท์นอนที่นี้ได้นะ

ออกจากวนอุทยานฯ เราก็เดินทางไปสู่ที่พัก เวลาประมาณบ่ายสามโมงก็มาถึงโรงแรมมนต์ทะเล จองผ่านแอพฯ ราคาก็จะถูกหน่อย ห้องพักอาจจะไม่ได้สวยมากแต่ทำเลดีมากๆ เพราะติดกับถนนคนเดิน และสะพานสราญวิถี ที่สำคัญหน้าห้องพักเห็นวิวทะเลเลย และราคาไม่แพง มีทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ เราจองห้องพัดลม ราคา 3XX บาท (ผ่านแอพฯ) ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น และตู้เย็น แต่อากาศไม่ร้อนเลย Check In เสร็จก็ออกมาเดินหาของกินที่ถนนคนเดิน มีของกินเยอะมาก ซึ่งจะมีวันศุกร์ เสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. ซื้อของกินเสร็จฝนตกซู่ เลยต้องเอามากินที่ห้องพักพร้อมกับชมวิวทะเลและสายรุ้ง

DAY 2
เราตื่นประมาณ 6 โมงเช้า ล้างหน้าล้างตาแปรงฟันและโบกครีมกันแดดหนาๆ เพื่อไปพิชิตเขาล้อมหมวก หลังจากที่ปิดมานานจากสถานการณ์โควิด-19 (เราได้ทำการจองขึ้นเขารอบพิเศษไว้ ในช่วงวันที่ 24-25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ได้รอบ 7.20) ขับรถออกมาจากที่พักประมาณ 3 กิโลเมตร ก็ถึงกองบิน 5 ขับมาตามทางเรื่อยๆ ผ่านจุดแลกบัตร ก็มาถึงจุดลงทะเบียน แสดงหลักฐานการตรวจ ATK แจ้งรอบลงทะเบียน โดยเรามาถึง 7 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็ให้ขึ้นได้เลย เพราะยิ่งช้ายิ่งแดดร้อน ก่อนขึ้นก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะข้างบนไม่มี และอย่าลืมใส่ผ้าใบ ถุงมือ น้ำดื่ม และขนมติดตัวไปด้วยนะ

ที่นี้มีจุดพักบริการให้ 8 จุด โดยช่วงแรกจะเป็นบันได 496 ขั้น ค่อยๆ เดินไม่ต้องรีบ จากนั้นก็จะเป็นช่วงไต่เชือก แล้วก็จะค่อยๆ ชัน ซึ่งจะต้องใช้มือในการปีนป่าย เพราะบางช่วงน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวล จะมีๆ เจ้าหน้าที่ทหารค่อยช่วยดันทุรังให้ทุกท่านผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะได้พบกับวิว 360 องศาของอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบ กับความสูงของภูเขาหินปูน 902 ฟุต 




เวลาประมาณ 8 โมงเช้า เริ่มแสบหน้าจากแสงแดดที่เริ่มแผดเผา ก็ลงเขากัน ขาขึ้นว่าเหนื่อย ขาลงเสียวกว่า เพราะต้องมองลงไปข้างล่างกับความดิ่งเกือบ 90 องศา ขาลงนี้ถุงมือมีประโยชน์มาก เพราะต้องเกาะและจับดีๆ การขึ้นลงใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและเวลาการขึ้นลงของนักท่องเที่ยว เพราะเจ้าหน้าที่ต้องสลับคิวกันระหว่างนักท่องเที่ยวขาขึ้น และขาลงด้วย พอลงมาก็มารับเหรียญที่ระลึกหรือใบประกาศได้เลย




จากนั้นก็กลับมาที่พักอาบน้ำและ Check Out แล้วก็ขับรถออกมาจากโรงแรมไม่กี่ร้อยเมตร ก็มาถึงร้านขนมจีน น้ำยาปู-สู้ศึก เราสั่งน้ำยาปูไป 55 บาท ใครชอบผักเคียง แนะนำร้านนี้เลยจ้า เพราะมาเป็นถาด ราคานี้คุ้มสุดๆ อิ่มแล้วก็หาซื้อของฝากร้านขายของฝากบริเวณแถวนั้น ราคาจะถูกกว่าแหล่งขายของฝากตามเส้นถนนใหญ่ แล้วก็แวะโพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อแวะซื้อเต้าหู้ดำเจ๊เล็กสะหน่อย ผ่านไป 5 ชั่วโมงกว่าก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพค่า

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
ค่าใช้จ่ายประมาณ 4,XXX บาท (หนักของฝาก อิอิ)