เพราะไม่เคยทำสงครามตามแบบแผนมาก่อนจริงๆ ทำให้ไม่รู้ว่าทัพตัวเองกาก

ก่อนสงครามเคยดูพวกเปรียบเทียบกองทัพ เมกาเป็นเจ้าอากาศและทัพเรือ
ส่วนรัสเซีย เน้นทัพบก เหมือนทัพบกจะไร้เทียมทานมาก
รบจริงโคตรกลวง อย่างกาก ใครจะนึกว่าทัพรัสเซียจะกากได้ขนาดนั้นล่ะ

การกลับมายิ่งใหญ่แบบเดิมด้วยวิธีการเดิมๆในขณะที่โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว

ถ้ายึดและเปลี่ยนรัฐบาลได้ ฐานกำลังของรัสเซียจะยิ่งใหญ่และมหาศาลมาก จะมีกำลังทหารที่พร้อมจะรุกไปยังประเทศข้างๆต่อไปอีก
เหมือนยุคโบราณยึดเมืองหนึ่งได้แล้วเอากองกำลังรวมกันไปตีเมืองที่สอง
พอได้ก็เอากำลังเมืองที่หนึ่งและสองไปตีเมืองที่สามซึ่งจะต้านได้ยากแล้วเพราะขนาดของกำลังจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกินอาณาเขตได้อย่างกว้างขวาง
ดังนั้นจึงมีนาโต้เพื่อรวมกันไว้ไม่ให้ล้มกันเป็นโดมิโน
ยูเครนยังไม่เข้านาโต้เป็นโอกาสที่ยังสามารถยึดมาได้ แต่ด้วยกำลังที่มีของรัสเซียไม่พอ ต้องใช้การบุกแบบรวดเร็ว ซึ่งได้ทำแล้วแต่ล้มเหลว
จริงๆตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าต้านได้ คิดกันไว้แค่จะต้านได้กี่วันเท่านั้น แต่ยูเครนก็กล้ากว่าที่คิดและรัสเซียก็ห่วยกว่าที่ทุกคนคาด
ถึงเคียฟล้มวันนั้นก็ไม่ใช่ว่ารัสเซียจะตั้งรัฐบาลแล้วปกครองได้ ยังไงคนยูเครนก็ไม่มีทางกลับไปแบบเดิมอีกแล้ว
การอยู่ภายใต้รัสเซียคือทรัพยากรและแรงงานจะถูกดูดไปรัสเซีย รัสเซียจะเอาไปรบที่ไหนก็ต้องไป
ปลูกข้าวแต่อดตายเพราะข้าวถูกส่งไปรัสเซียก็เกิดขึ้นมาแล้ว เค้ามองไม่เห็นอนาคต
ยังไงยึดเคียฟได้ก็คงรบกับแบบกองโจรไปอีกยาวนานอยู่ดี
แต่ปูตินมองเห็นโอกาสที่ยึดได้ก่อนที่ยูเครนจะเข้าอียูและนาโต้อย่างที่ต้องการ เอามาเป็นบริวาร
รวมกันเป็นประเทศขนาดใหญ่ทั้งพื้นที่และประชากรรวมกันถึง 200 ล้านเพิ่มขุมกำลังตัวเอง
ดูเป็นแผนที่ดีแต่ล้มเหลวหมดเพราะกองทัพไม่ได้เก่งอย่างที่คิด
พอมาเจอการสนันสนุนแบบเต็มที่จากอียูและอเมริกายิ่งไม่ย่ำแย่กว่าเดิม
ก็ประเทศอื่นๆเค้าก็มองออกว่าถ้ายูเครนล้ม เค้าจะต้องอยู่กับความกลัวไปอีกนานแสนนาน เค้ายอมไม่ได้หรอก
อเมริกายิ่งไม่ยอม สงครามเย็นรอบใหม่ชัดๆ

คราวนี้มาดูว่าต่อจากนี้เมื่อขึ้นหลังเสือแล้วจะเป็นอย่างไร
ตอบได้เลยว่า อียูและอเมริกาจะเอาถึงตาย ไม่มีทางที่รัสเซียจะมีระดับเศรษฐกิจเติบโตได้อีก
เค้าจะช่วยกันแซงชั่นถึงสงครามจะจบแล้ว ยังไงก็ไม่ยอมให้รัสเซียโตขึ้นมาแล้วก่อสงครามได้อีก ยิ่งรัสเซียจนเท่าไหร่เค้ายิงปลอดภัย