คือครอบครัวเราอาศัยรั้วเดียวกับญาติฝั่งพ่อค่ะ คนค่อนข้างเยอะถ้ารวมเด็กๆด้วยก็ 10 กว่าคน ถ้าแยกอย่างชัดเจนคือน้องคือปู่คนที่ 1 อาศัยส่วนหลังบ้าน ในส่วนหลังบ้านก็จะมีลูกหลานเขาอีกรวมแล้ว 6 คนค่ะ มี น้องปู่ สามีของน้อง ลูก สะใภ้และหลาน ส่วนหน้าบ้านจะมีครอบครัวของน้องปู่คนที่ 2 มีลูก 2คน สะใภ้ 2คน กับหลานอีก2คน และครอบครัวเราที่มี 4คนค่ะ พ่อ แม่ เรา น้องชาย
ปัญหาอยู่ที่ว่าการจัดสรรค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะที่ไม่แฟร์สำหรับเราและครอบครัวส่วนหน้าบ้านที่โดนคนหลังบ้านเอาเปรียบ ทุกคนก็รู้สึกไม่โอเคนะคะที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรคงเพราะญาติพี่น้องกัน เราด้วยความที่เริ่มโต เริ่มรู้เรื่องมากขึ้น ตอนนี้เรา 22แล้วค่ะ เรียนด้วย ทำงานด้วย เราก็เลยรู้สึกอยากย้ายออกจากที่นี่ ถ้าสงสัยว่ามันไม่แฟร์ตรงไหนคือเรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ สะใภ้หลังบ้านเนี่ยค่ะ ถ้าตามตรงเขาก็ไม่ได้รวยอะไร ไม่ได้ทำงานอะไรด้วยสามีทำงานกวาดขยะเขามีเหมือนใช้ชีวิตมีมีเงินใช้ แต่ค่าใช้จ่ายให้แม่สามีจ่ายค่ะ เขาก็ใช้ของ ใช้น้ำใช้ไฟได้สิ้นเปลืองสุดๆ อย่างเขาเปิดแอร์แทบตลอดเวลา เขาซักผ้าทั้งวัน อันนี้เราไม่ได้เวอร์นะคะเราก็พึ่งเคยเห็นคนที่ซักผ้าได้ทั้งวันจริงๆ อย่างเช่น เขาซักรอบนี้เสร็จ เขาก็ไปหาอย่างอื่นมาซัก อาจจะผ้าขนหนู1ตัว เขาก็ซักเครื่อง หรือวันไหนตากผ้าไปแล้วฝนตก เขาก็เอาผ้าที่พึ่งตากมาซักใหม่ แล้วเพิ่มเติมคือเขาซักให้แค่ครอบครัวเขาไม่รวมกับของพ่อแม่สามีนะคะ เราก็เลยคิดว่าเขาซักผ้าเยอะเกินไปมาก ย่ำว่าซักผ้าแบบนี้ทุกวัน เริ่มซักตั้งแต่ประมาณ 7โมง สิ้นสุดตอน 4ทุ่มค่ะ แล้วก็จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกยิบย่อยค่ะ แอร์ห้องลูกเขา รวมของเขาก็ 2 ตัว จริงๆเหมือนจะเป็นเรื่องของเขาจริงมั้ยคะ แต่ประเด็นคือ พอค่าน้ำค่าไฟออกมาเนี่ย (ค่าน้ำพ่อแมเราเป็นคนออกคนเดียว) ค่าไฟแพงมาก เกือบหมื่นยังมีเลยค่ะ แม่สามีหรือน้องปู่คนที่1เนี่ยก็จะเดินมาหน้าบ้านแล้วก็ต่อว่าเด็กๆที่เปิดพัดลม หรือเปิดไฟค่ะ เราก็คิดว่าเด็กๆแค่เปิดไฟทำการบ้าน เปิดพัดลม1ตัวก็ปกติ เพราะอากาศร้อนมาก กลับโดนว่าว่าใช้ไฟเปลือง ไล่ให้ปิดหมดเลยค่ะ โซนหน้าบ้านรับกรรมเต็มๆเลยค่ะ ทั้งๆที่ถ้าไม่ใช่วันหยุดไม่มีใครอยู่บ้าน ไปทำงานไปเรียน แต่ทุกคนก็ต้องหารเท่าค่าไฟเท่ากัน ทั้งๆที่เราใช้ไม่เท่ากันอ่ะค่ะ แล้วอีกอย่างหารเท่าก็ตามคนที่ใช้ไฟก็ไม่ได้จ่ายอยู่ดี แล้วแบบนี้ก็เหมือนปล่อยให้ใช้อย่างเคยตัว ไม่มีใครว่า ขนาดแม่สามียังไม่กล้าว่าแถมเข้าข้าง แบบนี้ใครจะไปยุ่ง เราก็อยู่บ้านช่วงนี้เพราะทำธุรกิจส่วนตัว แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยู่บ้านทุกวันขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้รู้ว่าสะใภ้เขาใช้เครื่องใช้อะไรบ้างแล้วครัวเรากับเครื่องแอร์เขามันติดกันเวลาเขาเปิดบ้านเราก็จะร้อนมากเลย แล้วแอร์เขาก็เสียงดังด้วย เลยรู้ได้ทันทีเลยเวลาเปิด เรื่องก็ประมาณแหล่ะค่ะ ตัวเราพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขาคงคิดว่าเรื่องของผู้ใหญ่ เราก็เลยต้องอยู่เฉยๆ แต่หลังๆเริ่มมีความรู้สึกโกรธเหมือนกันเลยเห็นเขาทำพฤติกรรมเดิมๆ เพราะอย่างที่บอกเราอยากจะย้ายออกจากที่นี่เลยทำงาน พอทำงานได้เงิน ก็โดนหยิบยืมไปจ่ายค่าไฟให้เขาอีก เลยอยากหาแนวคิดที่ทำให้เรารู้สึกเฉยๆได้ระหว่างเก็บเงินย้ายบ้านหน่อยค่ะว่าทำยังไงถึงใจเย็น หรือให้เราเข้าใจเขาสักนิ๊ดนึงว่าทำไมถึงต้องซักผ้าทั้งวันหรือไม่ช่วยกันประหยัดให้คนหน้าบ้านโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ
ทำยังไงให้รู้สึกไม่สนใจเรื่องญาติคะ?
ปัญหาอยู่ที่ว่าการจัดสรรค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะที่ไม่แฟร์สำหรับเราและครอบครัวส่วนหน้าบ้านที่โดนคนหลังบ้านเอาเปรียบ ทุกคนก็รู้สึกไม่โอเคนะคะที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรคงเพราะญาติพี่น้องกัน เราด้วยความที่เริ่มโต เริ่มรู้เรื่องมากขึ้น ตอนนี้เรา 22แล้วค่ะ เรียนด้วย ทำงานด้วย เราก็เลยรู้สึกอยากย้ายออกจากที่นี่ ถ้าสงสัยว่ามันไม่แฟร์ตรงไหนคือเรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ สะใภ้หลังบ้านเนี่ยค่ะ ถ้าตามตรงเขาก็ไม่ได้รวยอะไร ไม่ได้ทำงานอะไรด้วยสามีทำงานกวาดขยะเขามีเหมือนใช้ชีวิตมีมีเงินใช้ แต่ค่าใช้จ่ายให้แม่สามีจ่ายค่ะ เขาก็ใช้ของ ใช้น้ำใช้ไฟได้สิ้นเปลืองสุดๆ อย่างเขาเปิดแอร์แทบตลอดเวลา เขาซักผ้าทั้งวัน อันนี้เราไม่ได้เวอร์นะคะเราก็พึ่งเคยเห็นคนที่ซักผ้าได้ทั้งวันจริงๆ อย่างเช่น เขาซักรอบนี้เสร็จ เขาก็ไปหาอย่างอื่นมาซัก อาจจะผ้าขนหนู1ตัว เขาก็ซักเครื่อง หรือวันไหนตากผ้าไปแล้วฝนตก เขาก็เอาผ้าที่พึ่งตากมาซักใหม่ แล้วเพิ่มเติมคือเขาซักให้แค่ครอบครัวเขาไม่รวมกับของพ่อแม่สามีนะคะ เราก็เลยคิดว่าเขาซักผ้าเยอะเกินไปมาก ย่ำว่าซักผ้าแบบนี้ทุกวัน เริ่มซักตั้งแต่ประมาณ 7โมง สิ้นสุดตอน 4ทุ่มค่ะ แล้วก็จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกยิบย่อยค่ะ แอร์ห้องลูกเขา รวมของเขาก็ 2 ตัว จริงๆเหมือนจะเป็นเรื่องของเขาจริงมั้ยคะ แต่ประเด็นคือ พอค่าน้ำค่าไฟออกมาเนี่ย (ค่าน้ำพ่อแมเราเป็นคนออกคนเดียว) ค่าไฟแพงมาก เกือบหมื่นยังมีเลยค่ะ แม่สามีหรือน้องปู่คนที่1เนี่ยก็จะเดินมาหน้าบ้านแล้วก็ต่อว่าเด็กๆที่เปิดพัดลม หรือเปิดไฟค่ะ เราก็คิดว่าเด็กๆแค่เปิดไฟทำการบ้าน เปิดพัดลม1ตัวก็ปกติ เพราะอากาศร้อนมาก กลับโดนว่าว่าใช้ไฟเปลือง ไล่ให้ปิดหมดเลยค่ะ โซนหน้าบ้านรับกรรมเต็มๆเลยค่ะ ทั้งๆที่ถ้าไม่ใช่วันหยุดไม่มีใครอยู่บ้าน ไปทำงานไปเรียน แต่ทุกคนก็ต้องหารเท่าค่าไฟเท่ากัน ทั้งๆที่เราใช้ไม่เท่ากันอ่ะค่ะ แล้วอีกอย่างหารเท่าก็ตามคนที่ใช้ไฟก็ไม่ได้จ่ายอยู่ดี แล้วแบบนี้ก็เหมือนปล่อยให้ใช้อย่างเคยตัว ไม่มีใครว่า ขนาดแม่สามียังไม่กล้าว่าแถมเข้าข้าง แบบนี้ใครจะไปยุ่ง เราก็อยู่บ้านช่วงนี้เพราะทำธุรกิจส่วนตัว แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยู่บ้านทุกวันขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้รู้ว่าสะใภ้เขาใช้เครื่องใช้อะไรบ้างแล้วครัวเรากับเครื่องแอร์เขามันติดกันเวลาเขาเปิดบ้านเราก็จะร้อนมากเลย แล้วแอร์เขาก็เสียงดังด้วย เลยรู้ได้ทันทีเลยเวลาเปิด เรื่องก็ประมาณแหล่ะค่ะ ตัวเราพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขาคงคิดว่าเรื่องของผู้ใหญ่ เราก็เลยต้องอยู่เฉยๆ แต่หลังๆเริ่มมีความรู้สึกโกรธเหมือนกันเลยเห็นเขาทำพฤติกรรมเดิมๆ เพราะอย่างที่บอกเราอยากจะย้ายออกจากที่นี่เลยทำงาน พอทำงานได้เงิน ก็โดนหยิบยืมไปจ่ายค่าไฟให้เขาอีก เลยอยากหาแนวคิดที่ทำให้เรารู้สึกเฉยๆได้ระหว่างเก็บเงินย้ายบ้านหน่อยค่ะว่าทำยังไงถึงใจเย็น หรือให้เราเข้าใจเขาสักนิ๊ดนึงว่าทำไมถึงต้องซักผ้าทั้งวันหรือไม่ช่วยกันประหยัดให้คนหน้าบ้านโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ