คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0vDWoDdZP1j2AVaXryipx3LShC4yDSFtsdCkYAqyRXvX768Bz1ty6YCu6L676v4stl
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 19 ก.ย. 2565)
รวม 143,156,893 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 19 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 9,021 โดส
เข็มที่ 1 : 810 ราย
เข็มที่ 2 : 1,297 ราย
เข็มที่ 3 : 6,914 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,304,087 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,801,054 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 32,051,752 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0dNQqGMwntZHwzstuKV64A1kMcmayUaXhaowApmhbmVpfeY3ivzF15CAVRDP6e2K4l
ติดโควิด-19 พบแพทย์ง่าย ๆ เพียงแอดไลน์ @totale รอรับยาที่บ้านฟรี ทุกสิทธิรักษาทั่วประเทศ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มช่องทางระบบแพทย์ออนไลน์ “โททอลเล่เทเลเมด” ในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ทุกกลุ่ม (เด็ก ผู้ใหญ่ 608 ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์) ทั่วประเทศ รับบริการได้ทางไลน์ไอดี @totale เพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก พร้อมผลตรวจ ATK ที่เป็นบวก จะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการตลอดเวลาทำการ คือ 10.00 – 20.00 น. รอประมาณ 1 - 2 นาที เมื่อพบแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ถึงบ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัจจุบัน สปสช. ใช้ระบบแพทย์ออนไลน์ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ 4 ช่องทาง ได้แก่ แอป MorDee สำหรับผู้ป่วยสีเขียวทั่วประเทศ / แอป Good Doctor สำหรับกลุ่มสีเขียว 5 ในจังหวัด / แอป Clicknic และ Totale รับผู้ป่วยทุกกลุ่มทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยโควิด-19 และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร. 1330
ที่มา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid027yRTT689kcLBtt2QryhCZWnCxwAqvdYv9UGrqbykjgZnwGvjzo1Q4DH4YzNvNHXVl
โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์
เปิดWalk in รับวัคซีน Pfizer และ Moderna
เดือนกันยายน (วันที่ 20,22,27 และ 29)
เดือนตุลาคม (วันที่ 4 )
เวลา 08.00-11.00 น.รับ 150 คน / วัน
สามารถรับบัตรคิวได้ที่ อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 2 ข้างห้องจ่ายยา
**รับฉีดทุกเข็ม ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป
**เข็มกระตุ้นห่างจากเข็มสุดท้ายอย่างน้อย 4 เดือน
**หายจากโควิด อย่างน้อย 3 เดือน
ที่มา สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0rDE1RnsrDAN1uV3r3vSC4X7Nirws7GXDhrVUktkkbu1eQsXbQtP7rtpBBmQr7LsRl
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 จำนวน 15 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0wCjuoq3HUf9bhP3yxxNGgTuanSrUzjBCAruGCqSUUQp9nuZjGXJYeY4hZ7E111jHl
ภาวะลองโควิด
คือ การที่ผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือนหลังติดเชื้อ
ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงตั้งแต่ต้น
มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ระยะเวลาของอาการมีตั้งแต่หลายเดือนจนถึงเป็นปี
หลายอาการรักษาได้ แต่หลายอาการต้องรักษาระยะยาว และอาจมีผลต่อร่างกายถาวร
ข้อมูลปัจจุบันพบว่า มีความเป็นไปได้ 4 สาเหตุ ได้แก่
1 มีเชื้อไวรัสหลงเหลือในอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่อง
2 การอักเสบในหลายอวัยวะ ทำให้อวัยวะผิดปกติแบบถาวร ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว
3 ผลกระทบจากการรักษาและนอนโรงพยาบาลในระยะเวลานาน
4 ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ภายหลังการติดเชื้อ
ที่มา หมอพร้อม
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid07ovScgMvR3GD4NvZ1eFyYnAoAxmQR97WYvekjBkCMQnyuWS2LTyj7NzpngkYjVsal
รัฐบาลย้ำประสิทธิภาพวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ชวนประชาชนรับเข็มกระตุ้น "ลดป่วยหนัก - เสียชีวิต" ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 143.14 ล้านโดส
สถานการณ์โควิด19 ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลงและทรงตัวในระดับต่ำ โดยเฉพาะในรอบประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือระหว่างวันที่ 12-20 ก.ย. 65 ส่วนใหญ่ยอดผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1,000 รายต่อวัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10-15 คนต่อวัน สำหรับผู้ป่วยใหม่ ณ วันที่ 20 ก.ย. 65 อยู่ที่ 774 ราย
จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) จะผ่อนคลายมาตรการทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยเปิดประเทศเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือน ก.ค. เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนที่เป็นเกราะป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 19 ก.ย. 2565) รวม 143,156,893 โดส จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,304,087 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,801,054 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 32,051,752 ราย
รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนทั้งให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเช่นกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการรับเชื้อ ป่วยหนัก หรือเสียชีวิต
ในระยะต่อไปจะยังมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65-31 มี.ค. 66 ศบค. ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการพำนักชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
โดยให้ผู้ที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศไทย (ฟรี วีซ่า) เดิมที่เคยพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 45 วัน ส่วนผู้ที่ได้รับ Visa on Arrival จากเดิมที่พำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 30 วัน
ในวันที่ 23 ก.ย. 65 นี้ ศบค. ชุดใหญ่ จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในรวม และพิจารณามาตรการที่เหมาะสมต่อไป
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/pfbid026LxPKnH6iMJ5EWYoGzoim94BpnwTqQPrFqwq6H5yxx83XwroaQxEwfwyuT7ijD6Fl
ไขข้อสงสัย
Q : หากติดเชื้อโควิด-19 ระยะเวลาอีกกี่วันถึงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ?
A: หลังจากหายจากโควิดแล้วนับไปอีก 14 วัน และต้องไม่มีอาการแล้ว ถึงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
...ปรึกษาเพิ่มเติม กรมควบคุมโรค เบอร์ 1422
สปสช. ขอเชิญชวนคนไทยทุกสิทธิการรักษา ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ส.ค. 2565 สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองที่ใกล้บ้านได้ทุกแห่งในพื้นที่ที่ท่านสะดวก
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ที่ สปสช.มอบให้แก่ คนไทย ทุกสิทธิการรักษาที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ระยะเวลาในการรณรงค์ฉีด 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประกอบด้วยไวรัส 3 สายพันธุ์
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02nEa83JLaDqRgEeoV3WShTd8cACBm4Sh3dFpoe7tpzy1vfubnbSQYyjCgC2FwyTENl
สธ.ลดระดับศูนย์ EOC ฝีดาษวานร หลังแนวโน้มผู้ป่วยลดลง
ย้ำ !!! ฝีดาษวานรยังเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง
หากมีอาการผื่นตามลำตัว ตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง รีบพบแพทย์ทันที
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังมีรายงานการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร (Monkey pox) กรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษวานร เพื่อเฝ้าระวังในระดับกรม ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 ต่อมาเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) จากการติดตามเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร พบว่า สถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน จากที่เคยสูงสุดช่วงเดือนส.ค.ประมาณ 1 พันรายต่อวัน ขณะนี้เหลือเฉลี่ย 580 รายต่อวัน
สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรวม 8 ราย ในระยะเวลา 4 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 2 ราย ส่วนใหญ่มีประวัติเปลี่ยนคู่นอนหลายคน โดย 3 ใน 7 ราย มีประวัติแสดงอาการก่อนเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ปัจจัยการติดต่อหลักคือ การสัมผัสใกล้ชิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก และจากการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงยังไม่พบการแพร่เชื้อต่อแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าโรคนี้ไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ดังนั้น ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขวันนี้ จึงเสนอปรับลดระดับศูนย์ EOC โรคฝีดาษวานร จากระดับกระทรวงกลับมาเป็นระดับกรมตามเดิมแม้จะลดระดับศูนย์ EOC มาเป็นระดับกรม แต่โรคฝีดาษวานรยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ทั้งนี้ การป้องกันโรคฝีดาษวานรให้เลี่ยงการสัมผัสแนบชิด กับผู้ที่มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนหรือคนแปลกหน้า หากมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านได้ทันที
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid03YnBL3PwWvSE8o2B56pfQEJUcBJXRcgyBsYyBfnn18VinfiHWAYGsVb5S8zpm4L6l
ใครเสี่ยง ?
อาการรุนแรง เมื่อติดเชื้อฝีดาษวานร
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02Hz6Kpg3qtp2NyFgmMrAkwDRy9DJwjo38nstQR6BEh7PbkLQu1zFBMtDNv6EfR4WJl&id=100068069971811
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0vDWoDdZP1j2AVaXryipx3LShC4yDSFtsdCkYAqyRXvX768Bz1ty6YCu6L676v4stl
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 19 ก.ย. 2565)
รวม 143,156,893 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 19 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 9,021 โดส
เข็มที่ 1 : 810 ราย
เข็มที่ 2 : 1,297 ราย
เข็มที่ 3 : 6,914 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,304,087 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,801,054 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 32,051,752 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0dNQqGMwntZHwzstuKV64A1kMcmayUaXhaowApmhbmVpfeY3ivzF15CAVRDP6e2K4l
ติดโควิด-19 พบแพทย์ง่าย ๆ เพียงแอดไลน์ @totale รอรับยาที่บ้านฟรี ทุกสิทธิรักษาทั่วประเทศ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มช่องทางระบบแพทย์ออนไลน์ “โททอลเล่เทเลเมด” ในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ทุกกลุ่ม (เด็ก ผู้ใหญ่ 608 ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์) ทั่วประเทศ รับบริการได้ทางไลน์ไอดี @totale เพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก พร้อมผลตรวจ ATK ที่เป็นบวก จะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการตลอดเวลาทำการ คือ 10.00 – 20.00 น. รอประมาณ 1 - 2 นาที เมื่อพบแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ถึงบ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัจจุบัน สปสช. ใช้ระบบแพทย์ออนไลน์ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ 4 ช่องทาง ได้แก่ แอป MorDee สำหรับผู้ป่วยสีเขียวทั่วประเทศ / แอป Good Doctor สำหรับกลุ่มสีเขียว 5 ในจังหวัด / แอป Clicknic และ Totale รับผู้ป่วยทุกกลุ่มทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยโควิด-19 และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร. 1330
ที่มา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid027yRTT689kcLBtt2QryhCZWnCxwAqvdYv9UGrqbykjgZnwGvjzo1Q4DH4YzNvNHXVl
โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์
เปิดWalk in รับวัคซีน Pfizer และ Moderna
เดือนกันยายน (วันที่ 20,22,27 และ 29)
เดือนตุลาคม (วันที่ 4 )
เวลา 08.00-11.00 น.รับ 150 คน / วัน
สามารถรับบัตรคิวได้ที่ อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 2 ข้างห้องจ่ายยา
**รับฉีดทุกเข็ม ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป
**เข็มกระตุ้นห่างจากเข็มสุดท้ายอย่างน้อย 4 เดือน
**หายจากโควิด อย่างน้อย 3 เดือน
ที่มา สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0rDE1RnsrDAN1uV3r3vSC4X7Nirws7GXDhrVUktkkbu1eQsXbQtP7rtpBBmQr7LsRl
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 จำนวน 15 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0wCjuoq3HUf9bhP3yxxNGgTuanSrUzjBCAruGCqSUUQp9nuZjGXJYeY4hZ7E111jHl
ภาวะลองโควิด
คือ การที่ผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือนหลังติดเชื้อ
ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงตั้งแต่ต้น
มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ระยะเวลาของอาการมีตั้งแต่หลายเดือนจนถึงเป็นปี
หลายอาการรักษาได้ แต่หลายอาการต้องรักษาระยะยาว และอาจมีผลต่อร่างกายถาวร
ข้อมูลปัจจุบันพบว่า มีความเป็นไปได้ 4 สาเหตุ ได้แก่
1 มีเชื้อไวรัสหลงเหลือในอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่อง
2 การอักเสบในหลายอวัยวะ ทำให้อวัยวะผิดปกติแบบถาวร ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว
3 ผลกระทบจากการรักษาและนอนโรงพยาบาลในระยะเวลานาน
4 ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ภายหลังการติดเชื้อ
ที่มา หมอพร้อม
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid07ovScgMvR3GD4NvZ1eFyYnAoAxmQR97WYvekjBkCMQnyuWS2LTyj7NzpngkYjVsal
รัฐบาลย้ำประสิทธิภาพวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ชวนประชาชนรับเข็มกระตุ้น "ลดป่วยหนัก - เสียชีวิต" ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 143.14 ล้านโดส
สถานการณ์โควิด19 ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลงและทรงตัวในระดับต่ำ โดยเฉพาะในรอบประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือระหว่างวันที่ 12-20 ก.ย. 65 ส่วนใหญ่ยอดผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1,000 รายต่อวัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10-15 คนต่อวัน สำหรับผู้ป่วยใหม่ ณ วันที่ 20 ก.ย. 65 อยู่ที่ 774 ราย
จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) จะผ่อนคลายมาตรการทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยเปิดประเทศเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือน ก.ค. เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนที่เป็นเกราะป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 19 ก.ย. 2565) รวม 143,156,893 โดส จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,304,087 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,801,054 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 32,051,752 ราย
รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนทั้งให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเช่นกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการรับเชื้อ ป่วยหนัก หรือเสียชีวิต
ในระยะต่อไปจะยังมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65-31 มี.ค. 66 ศบค. ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการพำนักชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
โดยให้ผู้ที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศไทย (ฟรี วีซ่า) เดิมที่เคยพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 45 วัน ส่วนผู้ที่ได้รับ Visa on Arrival จากเดิมที่พำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 30 วัน
ในวันที่ 23 ก.ย. 65 นี้ ศบค. ชุดใหญ่ จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในรวม และพิจารณามาตรการที่เหมาะสมต่อไป
https://web.facebook.com/PMOCNEWS/posts/pfbid026LxPKnH6iMJ5EWYoGzoim94BpnwTqQPrFqwq6H5yxx83XwroaQxEwfwyuT7ijD6Fl
ไขข้อสงสัย
Q : หากติดเชื้อโควิด-19 ระยะเวลาอีกกี่วันถึงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ?
A: หลังจากหายจากโควิดแล้วนับไปอีก 14 วัน และต้องไม่มีอาการแล้ว ถึงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
...ปรึกษาเพิ่มเติม กรมควบคุมโรค เบอร์ 1422
สปสช. ขอเชิญชวนคนไทยทุกสิทธิการรักษา ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ส.ค. 2565 สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองที่ใกล้บ้านได้ทุกแห่งในพื้นที่ที่ท่านสะดวก
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ที่ สปสช.มอบให้แก่ คนไทย ทุกสิทธิการรักษาที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ระยะเวลาในการรณรงค์ฉีด 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประกอบด้วยไวรัส 3 สายพันธุ์
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02nEa83JLaDqRgEeoV3WShTd8cACBm4Sh3dFpoe7tpzy1vfubnbSQYyjCgC2FwyTENl
สธ.ลดระดับศูนย์ EOC ฝีดาษวานร หลังแนวโน้มผู้ป่วยลดลง
ย้ำ !!! ฝีดาษวานรยังเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง
หากมีอาการผื่นตามลำตัว ตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง รีบพบแพทย์ทันที
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังมีรายงานการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานร (Monkey pox) กรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษวานร เพื่อเฝ้าระวังในระดับกรม ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 ต่อมาเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) จากการติดตามเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร พบว่า สถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน จากที่เคยสูงสุดช่วงเดือนส.ค.ประมาณ 1 พันรายต่อวัน ขณะนี้เหลือเฉลี่ย 580 รายต่อวัน
สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรวม 8 ราย ในระยะเวลา 4 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 2 ราย ส่วนใหญ่มีประวัติเปลี่ยนคู่นอนหลายคน โดย 3 ใน 7 ราย มีประวัติแสดงอาการก่อนเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ปัจจัยการติดต่อหลักคือ การสัมผัสใกล้ชิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก และจากการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงยังไม่พบการแพร่เชื้อต่อแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าโรคนี้ไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ดังนั้น ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขวันนี้ จึงเสนอปรับลดระดับศูนย์ EOC โรคฝีดาษวานร จากระดับกระทรวงกลับมาเป็นระดับกรมตามเดิมแม้จะลดระดับศูนย์ EOC มาเป็นระดับกรม แต่โรคฝีดาษวานรยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ทั้งนี้ การป้องกันโรคฝีดาษวานรให้เลี่ยงการสัมผัสแนบชิด กับผู้ที่มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนหรือคนแปลกหน้า หากมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านได้ทันที
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid03YnBL3PwWvSE8o2B56pfQEJUcBJXRcgyBsYyBfnn18VinfiHWAYGsVb5S8zpm4L6l
ใครเสี่ยง ?
อาการรุนแรง เมื่อติดเชื้อฝีดาษวานร
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02Hz6Kpg3qtp2NyFgmMrAkwDRy9DJwjo38nstQR6BEh7PbkLQu1zFBMtDNv6EfR4WJl&id=100068069971811
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💗มาลาริน💗🇹🇭20ก.ย.โควิดไทยเตรียมปรับเป็นโรคเฝ้าระวัง/ป่วย774คน หาย919คน ตาย15คน/ปลดโควิดโรคต้องห้ามต่างด้าว
20 ก.ย.2565- ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 774 ราย จำแนกเป็น.....👇
ผู้ป่วยในประเทศ 774 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,450,968 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 919 ราย
หายป่วยสะสม 2,465,065 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 8,189 ราย
เสียชีวิต 15 ราย
เสียชีวิตสะสม 10,957 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 618 ราย
https://www.thaipost.net/covid-19-news/225202/
คนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 143.14 ล้านโดส เตรียมรับท่องเที่ยวไฮซีซั่น
รัฐบาลชี้ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตจากโควิด19 อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ตอกย้ำประสิทธิภาพวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน เชิญชวนปชช.เข้ารับเข็มกระตุ้น เผย ศบค.ถกประเมินสถานการณ์ 23 ก.ย.นี้
20 ก.ย.2565- น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลงและทรงตัวในระดับต่ำ โดยเฉพาะในรอบประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือระหว่างวันที่ 12-20 ก.ย. 65 ส่วนใหญ่ยอดผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1,000 รายต่อวัน มีเพียงวันที่ 14-15 ก.ย. ที่เกินกว่าระดับดังกล่าว(1,321 ราย และ 1,125 รายตามลำดับ) ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10-15 คนต่อวัน สำหรับผู้ป่วยใหม่ ณ วันที่ 20 ก.ย. 65 อยู่ที่ 774 ราย จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) จะผ่อนคลายมาตรการทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยเปิดประเทศเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือนก.ค. เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนที่เป็นเกราะป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในระยะต่อไปจะยังมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65-31 มี.ค. 66 ศบค. ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการพำนักชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยให้ผู้ที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศไทย (ฟรี วีซ่า) เดิมที่เคยพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 45 วัน ส่วนผู้ที่ได้รับ Visa on Arrival จากเดิมที่พำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 30 วัน และในวันที่ 23 ก.ย. 65 นี้ ศบค. ชุดใหญ่จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในรวม และพิจารณามาตรการที่เหมาะสมต่อไป
ดังนี้ ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้น ตามการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนทั้งให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเช่นกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการรับเชื้อ ป่วยหนัก หรือเสียชีวิต
สำหรับผลการฉีดวัคซีนโควิด19 ในประเทศไทย ณ วันที่ 18 ก.ย. 65 พบว่า มีการให้วัคซีนรวมแล้ว 143.14 ล้านโดส โดยประชาชนรับวัคซีนเข็มที่1 แล้ว 57.30 ล้านคน หรือร้อยละ 82.4 ของประชากรทั้งประเทศ รับวัคซีนเข็มที่2 แล้ว 53.80 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 77.3 และรับเข็มที่3 ขึ้นไปแล้ว 32.04 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 46.1 ขณะที่ผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ 12.70 ล้านคน มีการรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ 2 เข็มแล้ว 10.25 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 80.7 และรับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว 6.49 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 51.1
https://www.thaipost.net/covid-19-news/225259/
สธ.ยัน "โควิด" ไทยลดลงจริง ตัวเลขใกล้เคียงต่ำสุดปีที่แล้ว เตรียมเคาะแผนจัดการเป็นโรคเฝ้าระวังพรุ่งนี้
กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์ "โควิด" ไทยลดลงจริง สอดคล้องกับทั่วโลก ตัวเลขใกล้เคียงต่ำสุดของปีที่แล้ว เผยตัวเลขลดลงทุกตัว แต่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจจะลดช้า เพราะยังมีผู้ป่วยทั้งรายเก่ารายใหม่ ด้าน WHO ก็ประกาศใกล้สิ้นสุดระบาดใหญ่ พรุ่งนี้ คกก.โรคติดต่อเตรียมเคาะแผนรองรับ "โควิด" โรคเฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลกดีขึ้นชัดเจน ตัวเลขเกือบใกล้เคียงกับตัวเลขต่ำสุดของปีที่แล้ว โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ดร.เท็ดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิเริ่มเห็นการสิ้นสุดของการระบาดใหญ่อยู่ไม่ไกลแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ดร.เท็ดรอส จะไม่กล่าวในทำนองนี้ แต่ก็ยังย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั่วโลกและเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ สถานการณ์ในยุโรปลดลงชัดเจน ประชากรเริ่มถอดหน้ากากอนามัยมากขึ้น เพราะการติดเชื้อแล้วป่วยรุนแรงลดลง ขณะที่เอเซีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือไต้หวัน จำนวนติดเชื้อใหม่ก็ลดลงแล้ว
“ประเทศไทยสถานการณ์เหมือนประเทศอื่น อยู่ในช่วงเกือบต่ำสุดเมื่อเทียบกับปีก่อน ยังมากกว่าเล็กน้อยแต่ก็ใกล้เคียง เสียชีวิตอยู่ในหลักสิบรายต้นๆ ถือเป็นระยะที่มีความปลอดภัยสูง เราจึงเตรียมพร้อมเปลี่ยนผ่านจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งวันที่ 21 ก.ย. คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จะประชุมกันก็น่าจะมีมติที่เป็นประโยชน์ มีคำแนะนำที่จะเอาไปใช้ได้” นพ.โสภณกล่าว
นพ.โสภณกล่าวว่า ตัวเลขติดเชื้อรายใหม่ของไทยต่ำลงจริง สอดคล้องกับตัวเลขอื่นๆ เพราะมีผู้ป่วยเข้า รพ.ลดลง ผู้ป่วยเสียชีวิตจึงลดลง แต่ที่จะลดช้ากว่าคือ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะยังมีทั้งผู้ป่วยเก่าและใหม่ ตัวเลขก็จะลงช้ากว่า แต่ในภาพรวมก็ลดลงทุกตัวเลข ดังนั้น ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน สรุปได้ว่าสถานการณ์ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2565 วันที่ 21 ก.ย. 2565 มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องแผนการจัดการรองรับโรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
https://mgronline.com/qol/detail/9650000090394
ครม.เห็นชอบปลดโควิดโรคต้องห้ามต่างด้าว ที่เข้ามาในราชอาณาจักรหรือมีถิ่นที่อยู่ในไทย
รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบปลดโรคโควิด-19 ออกจากโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือมีถิ่นที่อยู่ในไทย มีผลนับแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจาฯ
วันนี้ (20 ก.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวฯ พ.ศ. 2563 โดยยกเลิกโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ออกจากการเป็น โรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12(4) หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามาตรา 44(2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ส่วนโรคต้องห้ามอื่นๆ ยังคงกำหนดไว้ตามเดิม ดังนี้....👇
1. โรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร คือ 1) โรคเรื้อน 2) วัณโรคในระยะอันตราย 3) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม 4) โรคยาเสพติดให้โทษ 5) โรคซิฟิลิสในระยะที่ 3
2. โรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร คือ 1) โรคเรื้อน 2) วัณโรคในระยะอันตราย 3) โรคเท้าช้าง 4) โรคยาเสพติดให้โทษ 5) โรคพิษสุราเรื้อรัง และ 6) โรคซิฟิลิสในระยะที่ 3
ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
https://mgronline.com/politics/detail/9650000090363
ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ....
สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง