สวัสดีอีกครั้งครับ หลังจากที่ห่างหายการหิ้วกล้องไปท่องเขามานาน
มาเดือนกันยานี้ เดือนแห่งฝนชุ่มฉ่ำ ก็ได้เวลาออกไปสูดอากาศ ตากฝน รับพื้นที่สีเขียวกันบ้าง
และจุดหมายปลายทางของผมในรอบนี้ถูกวางไว้คร่าวๆ แถมจองที่พักไว้แค่ที่เปียงซ้อ 1 คืน กับแพร่ในวันเดินทางกลับ
เพราะไม่ต้องการที่จะขับรถยาวๆ ตั้งแต่น่าน จนถึงเมืองกรุง...
กับการเดินทางรอบนี้ ที่...
"สะพายกล้องท่องไป ภูลังกา เปียงซ้อ และเมืองแพร่..."
มาครั้งนี้ การท่องเที่ยวของผมไม่ได้วางแผนละเอียดนัก มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ เปียงซ้อ ที่คิดว่าจะไปตั้งแต่ปีก่อน
เพิ่งมาประจวบเหมาะ ได้เวลาเอาตอนช่วงนี้เอง วางแผนคร่าวๆไว้ว่า จะไปถ่ายหมอกเช้าที่ภูลังกา
จากนั้นจะโยกตัวไปหาที่นอนที่สะปันสักคืน ก่อนขึ้นเปียงซ้อในวันถัดไป (อันนี้จองที่พักไว้ล่วงหน้า)
ส่วนขากลับ เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป เลยว่าจะนอนพักที่แพร่สักคืน ดีกว่ายิงยาวๆกลับเมืองกรุงในวันเดียว
เนื่องจากเดี๋ยวนี้สภาพร่างกายไม่เหมือนแต่ก่อน รวมไปถึงความเหนื่อยล้าจากงาน การเดินทางคนเดียว ขับรถคนเดียว
เราต้องไม่ฝืนร่างกายเกินไปนัก เกิดอะไรขึ้นมาจะไม่คุ้มกัน...
การเดินทาง ผมออกเดินทางในวันพุธตอนเที่ยงๆ หลังจากทำงานครึ่งวันเช้าจากปทุมธานี
ส่วนที่นอนคืนแรกนั้น ไปหาเอาข้างหน้า ดูคร่าวๆไว้แล้วว่าที่ อ.ปง มีที่พักอยู่
หรืออาจจะเลยไปหาที่พักบนภูลังกาเลย แล้วแต่สถานการณ์
วิวผาช้างน้อยยามเช้า...
การเดินทางราบรื่นไปด้วยดี ไม่เจอฝนเลยตลลอดเส้นทาง ขับเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
จนเดินทางมาถึง อ.ปง ตอนเกือบๆ 2 ทุ่ม ก่อนหน้านี้ลองติดต่อที่พักบนภูลังกา หลายๆ ที่อยากให้ถึงที่พักก่อนสามทุ่ม
การเดินทางจากจุดนี้ไป ใช้เวลาอีกประมาณเกือบๆ ชั่วโมง ถึงจะถึงที่พักบนภูลังกา
ทั้งเรื่องราคาที่พักที่แตกต่างจากข้างล่างพอสมควร ประกอบกับการขับรถขึ้นเขาตอนกลางคืนในสภาพร่างกายที่เริ่มอ่อนล้า
มันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก จึงตัดสินใจเลือกนอนที่ อ.ปง อำเภอเล็กๆ เงียบๆ สำหรับคืนนี้
เพื่อที่จะตื่นแต่เช้ามืด เดินทางขึ้นเขาไปให้ทันช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอน 6:06 นาฬิกา
แต่จากประสบการณ์ ช่วงนี้โอกาสได้ถ่ายไข่แดงยามเช้าค่อนข้างยาก เนื่องจากฟ้าครึ้ม เมฆมาก จึงไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่นัก
พักผ่อน ตั้งนาฬิกาไว้ที่ 4:24 เพื่อออกเดินทางอีกครั้งในตอนตี 5 จะได้ถึงจุดหมายก่อน 6 โมงเช้า
และนี่ คือ จุดหมายแรกของทริปนี้ ที่ภูลังกา...
เช้านี้ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์อย่างที่คาดการณ์ไว้
แต่อากาศกำลังสบายๆ ไม่ถึงกับเย็นนัก รวมถึงสายหมอก ที่ไม่ได้หนาเท่าที่ควร
แต่ส่วนตัวผมชอบถ่ายภาพมอกประมาณนี้ แต่เยอะกว่านี้หน่อยก็จะดี ^^
ชอบให้มีหมอกคลอเคลียขุนเขา มันดูมีชีวิตชีวากว่าหมอกหนา จนไม่เห็นวิวอะไรครับ
ผมตั้งใจที่จะมานั่งสบายๆ ที่ Magic Mountian Cafe' ที่ๆหลายๆคนมาเยือน
เพื่อจะเก็บบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆกัน ส่วนตัว ผมก็ชอบที่นี่นะ ก่อสร้างสวยงามเข้ากับบรรยากาศ
นั่งจิบกาแฟชมวิวสบายๆ ไปครับ เป็นการพักผ่อนเบาๆ
ส่วนมุมถ่ายรูปนั้น ถ้ามีสาวๆมาด้วย คงได้ถ่าย Portrait กับมุมสวยๆ กันสนุกมือ
แต่สำหรับคนเดือนทางคนเดียวอย่างผม จิบกาแฟ ดูวิว ฟังเสียงฝน ถ่ายภาพประปราย ก็มีความสุขเช่นกันครับ
Magic Mountain Cafe'
ส่วนนี่ พนักงานต้อนรับขี้อ้อน ที่มานั่งเล่นเป็นเพื่อน...เจ้าลาเต้ ครับ
ผมใช้เวลาอยู่กับที่นี่นานพอสมควร เนื่องจากเป็นวันพฤหัส คนยังไม่เยอะมาก นั่งมองวิวไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออกบางๆ หมอกหนา บาง สลับกันไป นั่งมองไป เก็บภาพไป เพลินๆดีครับ
นั่งมาได้เวลาพอสมควร ก็ถึงเวลาที่จะต้องเคลื่อนย้าย โดยมีเป้าหมายถัดไปคือ หาที่นอนที่สะปันครับ
ดูเเผนที่คร่าวๆ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.เศษ
เราก็ออกเดินทางกันครับ ไปกันแบบเรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน เก็บวิวข้างทางๆนิดๆหน่อยๆ
ผมเลือกวิ่งตามเส้นทางสาย 1148 ต่อ 1256 ไปออกปัว มุ่งขึ้นดอยภูคา ออกบ่อเกลือ ทะลุไปสะปัน
ข้อดีของการท่องเที่ยวหน้าฝนก็คือ มองไปทางไหนก็เขียวชอุ่ม มองดูชุ่มฉ่ำสบายตาครับ
ผมเองจึงชื่นชอบมากๆ ในการท่องเที่ยวขึ้นเขาช่วงหน้าฝน การขับรถทางไกลก็ไม่ร้อนจนเกินไป
เพียงแต่เมื่อใกล้ถึงสะปัน จะพบว่ามีการก่อสร้างเต็มไปหมด ทั้งทำถนน ทำรีสอร์ท สร้างที่พัก
สะปันที่เคยสงบ สวยงามที่เคยมาเยือนเมื่อสามปีก่อน ไม่หลงเหลือเค้าเดิมๆ ที่ผมเคยหลงใหล
การหาที่พักที่ถูกใจที่นี่ ความคิดที่จะกางเต็นท์นอนฝั่งเสียงลำธารของผมได้จางหายไป...
วนรถไปมาอยู่พักใหญ่ ครุ่นคิดว่าคืนนี้จะนอนไหนดี จะกลับไปนอนที่ อช.ภูดอยคา ก็เสียเวลาเกินไป
มองข้างทางมีร้านกาแฟบรรยากาศดีๆอยู่ ลงไปนั่งสงบจิต ตัดสินใจสำหรับคืนนี้อีกที...
ร้านนี้ชื่อร้าน "หลงเขา" อยู่ระหว่างเส้นทางจากบ่อเกลือมาสะปัน มีลำธาร ทุ่งหญ้า ทุ่งนา ให้สบายใจกันก่อน
ว่าแล้วก็เลยโทรหา เปียงซ้อเมาน์เท่นวิว ที่จองไว้สำหรับคืนพรุ่งนี้
ว่าถ้าจะขอย้ายวัน ยังมีที่ว่างมั้ย โชคดีเสียงตอบรับจากปลายสายบอกว่ามีบ้านว่างอยู่ 1 หลัง
และยินดีต้อนรับในวันนี้ ผมเลยตัดสินใจมุ่งหน้าสู่เปียงซ้อทันที
คืนนี้มีที่นอนแล้ว เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
จากทางเข้าสะปัน มุ่งหน้าสู่เปียงซ้อ เส้นทางไม่ไกล แต่ใช้เวลาร่วมชั่วโมงอยู่เหมือนกัน
ถนนส่วนใหญ่รถเก๋งวิ่งได้ปกติ มีก่อนถึงเปียงซ้อที่ทางค่อนข้างขรุขระ แบบถนนหิน แต่ร่องไม่ลึกรถเก๋งวิ่งได้ ยาวไปจนถึงที่พัก
แต่ช่วงตั้งแต่ที่พัก (เปียงซ้อเมาน์เท่นวิว) จนไปถึงจุดชมวิว ทางค่อนข้างแย่ ร่องถนนลึก รถเก๋งไม่ควรขึ้นไปครับ
ใครจะจองที่พัก เช็คเรื่องเส้นทางให้ดีๆนะครับ
ผมมาถึงเอาบ่ายแก่ๆล่ะ กิจกรรมที่ทำก็คือ นั่งรับลม ชมวิว หน้าบ้านพัก พร้อมไก่ทอดมะแขว่นที่ได้มาจากบ่อเกลือ
วันนี้ก็นิ่งๆ สบายๆไปครับ
ภาพว่าด้วยแสงบ่ายๆ เย็นๆ
พระอาทิตย์ตกหลังทิวเขา เลยไม่ได้ภาพแสงเย็นๆเท่าไหร่นัก
แต่ตกกลางคืน ยังพอได้นั่งมองดูดาวกันสักหน่อย ก่อนฝนตกหนัก แบบหนักมากๆ
หนักจนนอนหลับๆตื่นๆ เพราะเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาดังสนั่น ดีนะที่วันนี้ขี้เกียจกางเต็นท์นอน 555
เช้ามา มาหมอกบางๆ ฝนปรอยๆ เป็นช่วงๆ อากาศค่อนข้างเย็นประมาณ 18 องศาพร้อมลมแรงๆ
นั่งๆนอนๆรับลม ชมวิวอีกครั้งในยามเช้าครับ
และแล้วก็วางแผนสำหรับคืนนี้ ว่าจะยังไงต่อดี ด้วยความที่การมาน่านรอบนี้ มารอบที่ 5 แล้ว
เริ่มหมดไอเดียเรื่องวิว และที่พัก อีกทั้งเป็นวันศุกร์ เลยไม่อยากเสียเวลา มาหาสถานที่พักอื่นๆอีก
เลยตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดแพร่ในวันนี้เลย จริงๆก็ยังเสียดายอากาศเย็นๆบนนี้อยู่
แต่อยากจะเห็นอะไรที่แตกต่างจากมุมเดิมๆบ้าง เลยตัดสินใจออกจากจังหวัดน่านในวันนี้เลย
โดยแวะไปเช็คอินร้านกาแฟในสะปันที่ติดเทรนด์ยอดฮิตตอนนี้อยู่สักหน่อย กับร้าน "หยุดเวลา คาเฟ่"
ทางขึ้นค่อนข้างจะแคบ และชัน การขับรถขึ้นไปเองต้องใช้ความระมัดระวังนะครับ
ร้านนี้เป็นวิวมุมสูงที่มองลงมาเห็นสะปันครับ
คนค่อนข้างเยอะ นั่งได้สักพักผมก็ตัดสินใจเดินทางต่อ โดยรอบนี้เลือกใช้ถนนลอยฟ้า เส้นทาง 1081
ที่จะผ่านโค้งเลข 3 ที่เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินของ จ. น่านครับ
ตามต่อนะครับ...
หิ้วกล้อง ท่องภูเขา ภูลังกา เปียงซ้อ และเมืองแพร่...