สวัสดีค่ะ...
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนเลยว่า เรามีน้าอยู่คนนึง ขอแทนว่าน้า T นะคะ ค่อนข้างสนิทกัน ทำงานอยู่ ตจว. จะกลับมาบ้านเกือบทุกสัปดาห์ จนกระทั่งวันพุธที่ 31 ส.ค 65 น้าอีกคน (ขอแทนว่าน้า P) ได้รับโทรศัพท์จาก รพ. แจ้งว่าน้า T เสียชีวิตค่ะ
ทุกคนในบ้านไม่มีใครรับความจริงได้เลย เพราะที่ผ่านมาน้า T ค่อนข้างแข็งแรง มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน และเคยเป็นปอดอักเสบเมื่อสองปีที่แล้ว เดือน ก.ค 65 เพิ่งจะไปพบหมอเองค่ะ ยังส่งข้อความมาถามเราอยู่เลยว่าพยาบาลจะให้บูสวัคซีนโควิด (ยังไม่ได้ฉีดนะคะ เราบอกว่าเอาไว้ก่อน) วันศุกร์ที่จะถึงนี้น้าจะกลับมาบ้านแท้ๆ ในสัปดาห์สุดท้ายที่น้า T กลับมา ยังให้เราหาที่พักที่จะไปเที่ยวปีใหม่กันอยู่เลยค่ะ
ตอนนั้นช็อคมาก เราตัวเย็น ขนลุกและคลื่นไส้ตลอด เหมือนจะหายใจไม่ออกเลย
วันนั้นเรากับที่บ้านขับรถไปบ้านพักน้าที่ ตจว. ทันทีค่ะ วันนั้นไม่ได้นำร่างของน้ากลับบ้าน เพราะยายถือว่าไม่ให้เคลื่อนศพวันพุธ
วันนั้นยายกับน้า P จึงนอนที่บ้านพักน้า ส่วนเรากับคนอื่นๆ ขับรถกลับบ้าน มาเตรียมงานค่ะ
คืนวันนั้นน้า P เล่าว่าประมาณหกโมงเย็น มีกลิ่นเห็นเข้ามาในห้อง ทุกคนได้กลิ่นเหมือนกันหมด (มีเพื่อนของน้า T มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย) ส่วนตรงนี้เราไม่อยู่ในเหตุการณ์ ขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ
(เพื่อนของน้าให้รายละเอียดว่าตอนเช้าน้า T โทรหา ให้พาไป รพ. ค่ะ น้ามาขึ้นรถเอง ออกไปได้ไม่ถึงห้านาที ก็สำลักน้ำลายและหมดสติในรถเลย ไปถึง รพ. ก็ทำการกู้ชีพ 40 นาที แต่น้าไม่มีชีพจรตั้งแต่ไปถึงแล้วค่ะ ภาวะนี้เป็นอาการของน้ำท่วมปอดจากหัวใจวายค่ะ เดี๋ยวจะลงรายละเอียดให้ทราบอีกที เพราะมันกะทันหันมากจริงๆ น้าไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน รวมไปถึงสถานที่ในห้องสอดคล้องกับตัวโรคเลยค่ะ)
เช้าวันต่อมาพาร่างน้า T กลับมาไว้ในวัดที่บ้านค่ะ ตอนที่พาร่างออกมาจากรถเพื่อตั้งในศาลาวัด เราได้กลิ่นแปลกๆ ไม่หอม ไม่เหม็น เหมือนกลิ่นสารเคมี ยาหรืออะไรสักอย่าง เรายืนอยู่ตรงร่างน้า T คนเดียว จนสัก 5 นาที กลิ่นก็หายไปเองค่ะ เวลามีลมโชยมาเราได้กลิ่นนั้นอีก 1-2 ครั้ง แล้วก็ไม่ได้กลิ่นอีก ญาติคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครได้กลิ่น ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีความกลัวเลยนะคะ มีแต่ดีใจที่น้ากลับมาด้วย
ระหว่างวันเรากลับมาที่บ้าน จุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางเปิดทางให้น้า T เข้าบ้านด้วย หลังจากจุดเสร็จราวๆ 20 นาที น้า P ได้กลิ่นธูปตอนที่อยู่ในห้องคนเดียว แล้วกลิ่นก็หายไปเอง...
ในวันที่ 1 ก.ย ช่วงบ่ายก็จะมีการรดน้ำศพค่ะ...น้า T ได้พระราชทานเพลิงศพ หลังจากที่ญาติและเพื่อนๆ รดน้ำเสร็จแล้ว ก็มีคนจากกรมวัฒนธรรมอัญเชิญน้ำมนต์ (เราเรียกไม่ถูก แต่เป็นน้ำพระราชทานสามขวด หอมมากๆ) มาทำพิธีประมาณครึ่ง ชม. จากนั้นก็ให้ทางญาติบำเพ็ญกุศลตามวิธีชาวบ้านไปก่อน ทางกรมพิธีจะมาอีกครั้งในวันเผาค่ะ
ใช่ค่ะ...ในวันนั้นที่บ้าน หน้าห้องนอนของน้ามีกลิ่นแป้งหอมนวลๆ อยู่เป็นระยะ ในช่วงระยะเวลาที่สวดอภิธรรม 4 คืน เรามักจะได้กลิ่นหอมแป้งนวลๆ ที่บ้านสลับกับที่งาน พี่ชายเราที่มีเซ้นอยู่บ้าง อันนี้พี่เราไม่ได้กลิ่นนะคะ แต่จะเห็นแว๊บๆ บ้าง ได้ยินเสียงบ้าง (พี่ชายเรานอนเฝ้าที่ศาลาวัดค่ะ ส่วนเรากลับมานอนเฝ้าแม่ที่บ้าน แม่เราป่วย น้า T เป็นห่วงแม่เรามากเช่นกัน ตอนที่มีชีวิตอยู่ น้า T ถึงกันไปขอหลวงพ่อโสทรเลยว่าขอให้แม่เราหาย ก่อนหน้าที่จะเสีย 1-2 เดือนเองค่ะ) บางวันก็ไม่ได้กลิ่นนะคะ แต่เพื่อนเค้าจะโทรมาบอกว่าน้าเราไปเข้าฝัน ว่าทำไมไม่มาหา สรุปเพื่อนน้าต้องบินมาจากกรุงเทพเพื่อมางานน้าเราค่ะ
กลิ่นของวิญญาณ
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนเลยว่า เรามีน้าอยู่คนนึง ขอแทนว่าน้า T นะคะ ค่อนข้างสนิทกัน ทำงานอยู่ ตจว. จะกลับมาบ้านเกือบทุกสัปดาห์ จนกระทั่งวันพุธที่ 31 ส.ค 65 น้าอีกคน (ขอแทนว่าน้า P) ได้รับโทรศัพท์จาก รพ. แจ้งว่าน้า T เสียชีวิตค่ะ
ทุกคนในบ้านไม่มีใครรับความจริงได้เลย เพราะที่ผ่านมาน้า T ค่อนข้างแข็งแรง มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน และเคยเป็นปอดอักเสบเมื่อสองปีที่แล้ว เดือน ก.ค 65 เพิ่งจะไปพบหมอเองค่ะ ยังส่งข้อความมาถามเราอยู่เลยว่าพยาบาลจะให้บูสวัคซีนโควิด (ยังไม่ได้ฉีดนะคะ เราบอกว่าเอาไว้ก่อน) วันศุกร์ที่จะถึงนี้น้าจะกลับมาบ้านแท้ๆ ในสัปดาห์สุดท้ายที่น้า T กลับมา ยังให้เราหาที่พักที่จะไปเที่ยวปีใหม่กันอยู่เลยค่ะ
ตอนนั้นช็อคมาก เราตัวเย็น ขนลุกและคลื่นไส้ตลอด เหมือนจะหายใจไม่ออกเลย
วันนั้นเรากับที่บ้านขับรถไปบ้านพักน้าที่ ตจว. ทันทีค่ะ วันนั้นไม่ได้นำร่างของน้ากลับบ้าน เพราะยายถือว่าไม่ให้เคลื่อนศพวันพุธ
วันนั้นยายกับน้า P จึงนอนที่บ้านพักน้า ส่วนเรากับคนอื่นๆ ขับรถกลับบ้าน มาเตรียมงานค่ะ
คืนวันนั้นน้า P เล่าว่าประมาณหกโมงเย็น มีกลิ่นเห็นเข้ามาในห้อง ทุกคนได้กลิ่นเหมือนกันหมด (มีเพื่อนของน้า T มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย) ส่วนตรงนี้เราไม่อยู่ในเหตุการณ์ ขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ
(เพื่อนของน้าให้รายละเอียดว่าตอนเช้าน้า T โทรหา ให้พาไป รพ. ค่ะ น้ามาขึ้นรถเอง ออกไปได้ไม่ถึงห้านาที ก็สำลักน้ำลายและหมดสติในรถเลย ไปถึง รพ. ก็ทำการกู้ชีพ 40 นาที แต่น้าไม่มีชีพจรตั้งแต่ไปถึงแล้วค่ะ ภาวะนี้เป็นอาการของน้ำท่วมปอดจากหัวใจวายค่ะ เดี๋ยวจะลงรายละเอียดให้ทราบอีกที เพราะมันกะทันหันมากจริงๆ น้าไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน รวมไปถึงสถานที่ในห้องสอดคล้องกับตัวโรคเลยค่ะ)
เช้าวันต่อมาพาร่างน้า T กลับมาไว้ในวัดที่บ้านค่ะ ตอนที่พาร่างออกมาจากรถเพื่อตั้งในศาลาวัด เราได้กลิ่นแปลกๆ ไม่หอม ไม่เหม็น เหมือนกลิ่นสารเคมี ยาหรืออะไรสักอย่าง เรายืนอยู่ตรงร่างน้า T คนเดียว จนสัก 5 นาที กลิ่นก็หายไปเองค่ะ เวลามีลมโชยมาเราได้กลิ่นนั้นอีก 1-2 ครั้ง แล้วก็ไม่ได้กลิ่นอีก ญาติคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครได้กลิ่น ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีความกลัวเลยนะคะ มีแต่ดีใจที่น้ากลับมาด้วย
ระหว่างวันเรากลับมาที่บ้าน จุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางเปิดทางให้น้า T เข้าบ้านด้วย หลังจากจุดเสร็จราวๆ 20 นาที น้า P ได้กลิ่นธูปตอนที่อยู่ในห้องคนเดียว แล้วกลิ่นก็หายไปเอง...
ในวันที่ 1 ก.ย ช่วงบ่ายก็จะมีการรดน้ำศพค่ะ...น้า T ได้พระราชทานเพลิงศพ หลังจากที่ญาติและเพื่อนๆ รดน้ำเสร็จแล้ว ก็มีคนจากกรมวัฒนธรรมอัญเชิญน้ำมนต์ (เราเรียกไม่ถูก แต่เป็นน้ำพระราชทานสามขวด หอมมากๆ) มาทำพิธีประมาณครึ่ง ชม. จากนั้นก็ให้ทางญาติบำเพ็ญกุศลตามวิธีชาวบ้านไปก่อน ทางกรมพิธีจะมาอีกครั้งในวันเผาค่ะ
ใช่ค่ะ...ในวันนั้นที่บ้าน หน้าห้องนอนของน้ามีกลิ่นแป้งหอมนวลๆ อยู่เป็นระยะ ในช่วงระยะเวลาที่สวดอภิธรรม 4 คืน เรามักจะได้กลิ่นหอมแป้งนวลๆ ที่บ้านสลับกับที่งาน พี่ชายเราที่มีเซ้นอยู่บ้าง อันนี้พี่เราไม่ได้กลิ่นนะคะ แต่จะเห็นแว๊บๆ บ้าง ได้ยินเสียงบ้าง (พี่ชายเรานอนเฝ้าที่ศาลาวัดค่ะ ส่วนเรากลับมานอนเฝ้าแม่ที่บ้าน แม่เราป่วย น้า T เป็นห่วงแม่เรามากเช่นกัน ตอนที่มีชีวิตอยู่ น้า T ถึงกันไปขอหลวงพ่อโสทรเลยว่าขอให้แม่เราหาย ก่อนหน้าที่จะเสีย 1-2 เดือนเองค่ะ) บางวันก็ไม่ได้กลิ่นนะคะ แต่เพื่อนเค้าจะโทรมาบอกว่าน้าเราไปเข้าฝัน ว่าทำไมไม่มาหา สรุปเพื่อนน้าต้องบินมาจากกรุงเทพเพื่อมางานน้าเราค่ะ