สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราอายุ19ปีค่ะ กำลังเรียนปี2
เราแค่อยากมาระบายรวามอึดอัดในใจของเราแค่นั้น
เรื่องของครอบครัวเราไม่สิ เราไม่แน่ใจเหมือนกันครอบครัวของเรามีกันอยู่4 คน พ่อแม่ พี่ชายและเราค่ะ เราจำได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก อยากกินไรก็ได้กิน ความสุขเล็กๆ
หลักจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ตอนเราอายุ9ขวบเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชายเราอยู่ม.2 เรียกว่าวัยรุ่นเลยค่ะ สมัยนั้นพ่อแม่เราขายอาหารตามสั่งเป็นร้านเล็กๆ แต่ช่วงนั้นของถูกขายได้กำไรค่อยข้างดีเลย แล้วก็เป็นช่วงที่รถเวฟอะไรสักอย่างกำลังฮิตเลยค่ะ ด้วยความที่พี่ชายเป็นวัยรุ่นก็อยากได้ตามประสา พ่อแม่เราก็ตกลงกันแล้วก็ดาวน์ให้พี่ชายเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชายเราเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เทียบกับเราแล้วคนละเรื่องกันเลย ผ่านไปไม่นานมากรถฟีโน่ตามมาก็ดาวน์ไปอีกคัน ก็ยังไปดีมาดีอยู่ จนเวลาเริ่มผ่านไปพี่เราก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ เริ่มขอเงินมากขึ้น เริ่มงัดแงะมากขึ้น จนทำให้พ่อแม่สงสัย
แต่ยังไม่คิดอะไรมากคงจะนึกว่าพาไปทำรายงาน แต่มาวันนึงได้รับโทรศัพท์จากรร.ว่าสูบบุหรี่ในห้องน้ำ แต่พกน้ำกระท่อมมาในเขตของรร. ตอนนั้นใบกระท่อมยังผิดกฎหมายอยู่ พ่อแม่ก็โกรธมากแต่ทำไรไม่ได้ คงผิดหวังมากค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาครอบครัว หลังจากที่รู้ความจริงก็ทะเลาะกันหนักมาก พี่เราเคนโดนจับเรื่องใบกระท่อมด้วยค่ะ100กว่าใบ แต่ประกันตัวออกมา ยิ่งช่วงตอนเราขี้นอยู่ม.3แล้วก็หนักขึ้นไปอีกถึงขั้นทำลายข้าวของ เลยโทรหาตำรวจแต่ทำไรไม่ได้ค่ะเพราะตรวจฉี่แล้วก็ไม่ม่วง แล้วก็วนอยู่แบบนี้เรื่อยๆค่ะ
จนกระทั่งไปเกณฑ์ทหาร 2ปี ครอบครัวคงคิดว่าไปทหารแบบนี้คงจะดีขึ้นก็ดีขึ้นจริงๆค่ะ แต่พอใกล้จะเสร็จ หนีทหารค่ะ เพราะพาใบกระท่อมเข้าค่ายทหาร
เป็นเรื่องใหญ่โตอีกค่ะ พยายามพูดจาไกล่เกลี่ยให้กลับไปค่ายเพื่อรับบทลงโทษอะไรให้เสร็จ พอจบระยะเวลา2ปี ก็ออกมาอยู่บ้านค่ะ ออกมาได้2-3เดือน เริ่มมีเพื่อนเข้ามาชักจูงอีก ไปอีกเช่นเคยค่ะ กลับไปติดน้ำกระท่อมอีกครั้งจนหนักขึ้นอีก พ่อแม่ตัดสินใจพาไปบำบัดค่ะ เราบอกได้เลยว่าเงินก้อนสุดท้ายเค้าก็ให้ลูกชายจนหมด บำบัดออกมาก็เป็นเหมือนเดิมอีก จนตอนนี้เค้ามีงานในบริษัทแปรรูปเนื้อที่หนึ่ง ก็ยังกินน้ำกระท่อมเหมือนเดิม ยังจ่ายไม่พอเลยค่ะ พ่อเราตอนนี้ก็เป็นแค่รปภ.เงินเดือนก็ได้แค่8-9พัน หมุนเวียนไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว เราเองก็ทำงานช่วยป้านะคะเเต่ไปได้แค่ช่วงปิดเทอม ทุกๆเดือนพี่ชายเรายังมาขอจากเราเลยค่ะ ขอแม่แล้วแม่ไม่มีให้ เค้าก็จะให้แม่มาคุยกับเราว่าให้เงินเค้าเดี๋ยวเค้าให้กลับเป็นแบบนี้ประจำ ทุกคนเชื่อมั้ยคะ เราไม่เคยได้เงินคืนเลยซักบาท เราเหนื่อยมากเลยค่ะ เราเองไม่ได้จะเก่งอะไร แต่เราเป็นคนที่อยากได้อะไรเราก็เก็บเงินซื้อเองตลอด แต่บางทีเราเองก็น้อยใจค่ะ เราไม่เคยได้อะไรเท่าพี่ชายเราเลย ไม่เคยเท่าเทียมกันสักที เราอดทนมามากพอแล้ว เราต้องให้ตลอดเลยค่ะเราใจดำไม่พอจริงๆ โดยแม่จะพูดตลอดว่ามันติดของแบบนั้นอย่าไปแลกให้มันทำลายข้าวของอะไรเลย เราโคตรจุกอกเลยค่ะ ทุกคนเชื่อมั้ยคะเวลาพี่ขอเงินไปกินของแบบนั้นเค้าได้ตลอดเลย เพราะถ้าเค้าไม่ได้เค้าก็จะด่าหมด นี่คือเหตุผลที่แม่ยอมให้เค้า แต่พอกับเราเวลาจะขอเฃินแม่จะพูดตลอด เดี๋ยวแม่ต้องจ่ายค่านั้น สิ้นเดือนต้องจ่ายค่านี้ มันทำให้เราไม่เคยอกทนกับคำพูดพวกนั้นได้สักที เราทะเลาะกับแม่ตลอดเลยค่ะ เราเข้าใจนะ แต่บางทีมันก็รู้สึกแย่เหมือนกัน มันคิดไปหมดทุกอย่างเลย พอเป็นแบบนี้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งอยู่คนเดียวตลอดเลยค่ะ พอเราใจร้อนขึ้นมาเค้าก็ปล่อยให้เราอยู่กับจุดนี้ตลอด เราอยู่สึกว่าเราโคตรว้าเหว่เลย เราไม่รู้จะคุยกับใคร พูดไปเค้าก็หาว่าเราไปเปรียบเทียบกับคนแบบนั้น ไม่มีใครเข้าใจเราหรอก แม้เวลาเราคุยกับเเม่เรื่องเข้าใจเราบ้างเค้าก็แว้งกลับไปหาเค้าเสมอว่าให้เข้าใจเค้า แล้วเราล่ะ เราไม่รู้ว่าต้องอยู่แบบนี้ไปนานแค่ไหน เราเคนคิดว่าเราเป็นซึมเศร้ารึป่าว เพราะเวลาเราโกรธมากๆเราโกรธจนน้ำตาไหล เราควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งพูดเรายิ่งโมโห จนเราหายเอง เราควรทำยังไงกับความไม่เท่าเทียมตรงนี้ดี…..
ทำยังไง?
เราแค่อยากมาระบายรวามอึดอัดในใจของเราแค่นั้น
เรื่องของครอบครัวเราไม่สิ เราไม่แน่ใจเหมือนกันครอบครัวของเรามีกันอยู่4 คน พ่อแม่ พี่ชายและเราค่ะ เราจำได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก อยากกินไรก็ได้กิน ความสุขเล็กๆ
หลักจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ตอนเราอายุ9ขวบเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชายเราอยู่ม.2 เรียกว่าวัยรุ่นเลยค่ะ สมัยนั้นพ่อแม่เราขายอาหารตามสั่งเป็นร้านเล็กๆ แต่ช่วงนั้นของถูกขายได้กำไรค่อยข้างดีเลย แล้วก็เป็นช่วงที่รถเวฟอะไรสักอย่างกำลังฮิตเลยค่ะ ด้วยความที่พี่ชายเป็นวัยรุ่นก็อยากได้ตามประสา พ่อแม่เราก็ตกลงกันแล้วก็ดาวน์ให้พี่ชายเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชายเราเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เทียบกับเราแล้วคนละเรื่องกันเลย ผ่านไปไม่นานมากรถฟีโน่ตามมาก็ดาวน์ไปอีกคัน ก็ยังไปดีมาดีอยู่ จนเวลาเริ่มผ่านไปพี่เราก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ เริ่มขอเงินมากขึ้น เริ่มงัดแงะมากขึ้น จนทำให้พ่อแม่สงสัย
แต่ยังไม่คิดอะไรมากคงจะนึกว่าพาไปทำรายงาน แต่มาวันนึงได้รับโทรศัพท์จากรร.ว่าสูบบุหรี่ในห้องน้ำ แต่พกน้ำกระท่อมมาในเขตของรร. ตอนนั้นใบกระท่อมยังผิดกฎหมายอยู่ พ่อแม่ก็โกรธมากแต่ทำไรไม่ได้ คงผิดหวังมากค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาครอบครัว หลังจากที่รู้ความจริงก็ทะเลาะกันหนักมาก พี่เราเคนโดนจับเรื่องใบกระท่อมด้วยค่ะ100กว่าใบ แต่ประกันตัวออกมา ยิ่งช่วงตอนเราขี้นอยู่ม.3แล้วก็หนักขึ้นไปอีกถึงขั้นทำลายข้าวของ เลยโทรหาตำรวจแต่ทำไรไม่ได้ค่ะเพราะตรวจฉี่แล้วก็ไม่ม่วง แล้วก็วนอยู่แบบนี้เรื่อยๆค่ะ
จนกระทั่งไปเกณฑ์ทหาร 2ปี ครอบครัวคงคิดว่าไปทหารแบบนี้คงจะดีขึ้นก็ดีขึ้นจริงๆค่ะ แต่พอใกล้จะเสร็จ หนีทหารค่ะ เพราะพาใบกระท่อมเข้าค่ายทหาร
เป็นเรื่องใหญ่โตอีกค่ะ พยายามพูดจาไกล่เกลี่ยให้กลับไปค่ายเพื่อรับบทลงโทษอะไรให้เสร็จ พอจบระยะเวลา2ปี ก็ออกมาอยู่บ้านค่ะ ออกมาได้2-3เดือน เริ่มมีเพื่อนเข้ามาชักจูงอีก ไปอีกเช่นเคยค่ะ กลับไปติดน้ำกระท่อมอีกครั้งจนหนักขึ้นอีก พ่อแม่ตัดสินใจพาไปบำบัดค่ะ เราบอกได้เลยว่าเงินก้อนสุดท้ายเค้าก็ให้ลูกชายจนหมด บำบัดออกมาก็เป็นเหมือนเดิมอีก จนตอนนี้เค้ามีงานในบริษัทแปรรูปเนื้อที่หนึ่ง ก็ยังกินน้ำกระท่อมเหมือนเดิม ยังจ่ายไม่พอเลยค่ะ พ่อเราตอนนี้ก็เป็นแค่รปภ.เงินเดือนก็ได้แค่8-9พัน หมุนเวียนไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว เราเองก็ทำงานช่วยป้านะคะเเต่ไปได้แค่ช่วงปิดเทอม ทุกๆเดือนพี่ชายเรายังมาขอจากเราเลยค่ะ ขอแม่แล้วแม่ไม่มีให้ เค้าก็จะให้แม่มาคุยกับเราว่าให้เงินเค้าเดี๋ยวเค้าให้กลับเป็นแบบนี้ประจำ ทุกคนเชื่อมั้ยคะ เราไม่เคยได้เงินคืนเลยซักบาท เราเหนื่อยมากเลยค่ะ เราเองไม่ได้จะเก่งอะไร แต่เราเป็นคนที่อยากได้อะไรเราก็เก็บเงินซื้อเองตลอด แต่บางทีเราเองก็น้อยใจค่ะ เราไม่เคยได้อะไรเท่าพี่ชายเราเลย ไม่เคยเท่าเทียมกันสักที เราอดทนมามากพอแล้ว เราต้องให้ตลอดเลยค่ะเราใจดำไม่พอจริงๆ โดยแม่จะพูดตลอดว่ามันติดของแบบนั้นอย่าไปแลกให้มันทำลายข้าวของอะไรเลย เราโคตรจุกอกเลยค่ะ ทุกคนเชื่อมั้ยคะเวลาพี่ขอเงินไปกินของแบบนั้นเค้าได้ตลอดเลย เพราะถ้าเค้าไม่ได้เค้าก็จะด่าหมด นี่คือเหตุผลที่แม่ยอมให้เค้า แต่พอกับเราเวลาจะขอเฃินแม่จะพูดตลอด เดี๋ยวแม่ต้องจ่ายค่านั้น สิ้นเดือนต้องจ่ายค่านี้ มันทำให้เราไม่เคยอกทนกับคำพูดพวกนั้นได้สักที เราทะเลาะกับแม่ตลอดเลยค่ะ เราเข้าใจนะ แต่บางทีมันก็รู้สึกแย่เหมือนกัน มันคิดไปหมดทุกอย่างเลย พอเป็นแบบนี้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งอยู่คนเดียวตลอดเลยค่ะ พอเราใจร้อนขึ้นมาเค้าก็ปล่อยให้เราอยู่กับจุดนี้ตลอด เราอยู่สึกว่าเราโคตรว้าเหว่เลย เราไม่รู้จะคุยกับใคร พูดไปเค้าก็หาว่าเราไปเปรียบเทียบกับคนแบบนั้น ไม่มีใครเข้าใจเราหรอก แม้เวลาเราคุยกับเเม่เรื่องเข้าใจเราบ้างเค้าก็แว้งกลับไปหาเค้าเสมอว่าให้เข้าใจเค้า แล้วเราล่ะ เราไม่รู้ว่าต้องอยู่แบบนี้ไปนานแค่ไหน เราเคนคิดว่าเราเป็นซึมเศร้ารึป่าว เพราะเวลาเราโกรธมากๆเราโกรธจนน้ำตาไหล เราควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งพูดเรายิ่งโมโห จนเราหายเอง เราควรทำยังไงกับความไม่เท่าเทียมตรงนี้ดี…..