สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากแชร์ประสบการณ์ที่เราจำไม่เคยลืม
ตอนนี้เราอายุ 23 เพิ่งจบมหาวิทยาลัยค่ะ
เราโตมากับยายและน้าๆ
พออายุ 4 ขวบ เราเพิ่งได้รู้จักหน้าพ่อ-แม่ พวกเขาไม่เคยมาหาเราเลย วันที่เขามาคือวันที่เราเจ็บปวดที่สุด เพราะเราต้องห่างยายและน้าๆ และเป็นวันแรกที่เราโดนพวกเขาตี เพราะเราเอาแต่ร้องหายายกับน้าๆ หลังจากวันนั้นเราก็กลายเป็นคนไม่พูดกับใคร เก็บตัวมากขึ้น วันดีคืนดีพ่อพาเราไปสถานบันเทิง สิ่งที่เราเห็นคือมีผู้กญิงมากมายล้อมรอบตัวพ่อ เราก็ทำได้แค่รออยู่หน้าประตูกระจก แล้วมันก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง
พอเอาเรื่องที่ได้เห็นไปบอกแม่ เราก็โดนแม่ตี แล้วหาว่าเราโกหก เราอยู่กับคำว่าเป็นเด็กขี้โกหกมาตลอด เราก็กลายเป็นคนเงียบมากขึ้น ไม่พูดกับใคร เจ็บก็ทำแผลเอง เราทนเพื่อรอเวลาที่จะได้ไปอยู่กับยายอีกครั้ง
จนเราได้ขึ้นม.1 เราพอจะมีเงินเก็บมากพอและมีความกล้าพอที่จะหนีไปอยู่บ้านยาย ทุกสิ่งเหมือนจะดีขึ้น แต่พ่อแม่ก็ตามมาดุด่า แล้วประจานเราให้ชาวบ้านฟังว่าเราเป็นเด็กอกตัญญู แต่พอได้อยู่กับยายกับน้าๆ เราก็สบายใจกว่าจริงๆ เราใช้ชีวิตอยู่บ้านยาย พ่อแม่ไม่เคยส่งเสียงเลี้ยงดู ไม่เคยแม้แต่จะแวะมาหา
วันหนึ่ง แม่จับได้ว่าพ่อนอกใจ ตอนนั้นเราอยู่ม.3 แม่ก็ฟ้องหย่าพ่อ เป็นเรื่องเป็นราว เวลาผ่านไป 2 ปี กว่าพ่อจะยอมเซ็นใบหย่า แต่ในระยะเวลา 2 ปีนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับเรามากๆ เราต้องเจอเหตุการณ์ที่เรามองว่าเด็กคนหนึ่งไม่ควรจะต้องมาเจออะไรแบบนั้น เราโดนพ่อเอาปืนขู่เพื่อให้เป็นพยานในชั้นศาล เราและยายโดนลอบยิงในสวนยางพารา พ่อพาเมียน้อยมาเหยียบที่บ้าน พ่อทำร้ายร่างกายเรา ทุกวันมันผ่านไปด้วยน้ำตา ความกลัว และความเจ็บปวด
เราเอาแต่ถามตัวเองว่าเราผิดอะไร เราทำเวรกรรมอะไรไว้เหรอ ทำไมมันรุนแรงเหลือเกิน มันแทบจะยืนไม่ไหว เราร้องไห้และเก็บตัวมากขึ้น เราใช้ความพยายามมากที่จะออกมาจากตรงนั้นเราอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อหนีไปเรียนไกลๆ เราเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ทั้งหมด เพื่อหนีจากพ่อ จนเพื่อนๆ ทักว่าแกควรไปหาหมอจิตเวชแล้วหล่ะ แล้วเราก็รู้ว่าเราเป็นซึมเศร้าหนักและเป็นแพนิคอีกด้วย ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตที่ขาดยาไม่ได้ เพราะเราจะร้องไห้ตลอดที่อยู่คนเดียว เราพยายามที่จะลืมเรื่องในอดีต แต่ดูเหมือนเราจะไม่เคยลืมมันได้เลย เรายังคงร้องไห้ แต่ก็ยังดีที่เรามียายและมีแฟน ทุกครั้งที่ร้องไห้พวกเขาจะคอยกอดเราเสมอ นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งของเรา
ตอนนี้พ่อกับเมียน้อยคนนั้นก็มีลูกด้วยกัน
เราก็หวังว่าโลกจะไม่ใจร้ายเหวี่ยงให้เรามาเจอกันอีก
อยากมาเล่าประสบการณ์ชีวิต และถามทุกคนว่าผิดมากไหม ถ้าเราไม่อยากติดต่อกับพ่ออีก
ตอนนี้เราอายุ 23 เพิ่งจบมหาวิทยาลัยค่ะ
เราโตมากับยายและน้าๆ
พออายุ 4 ขวบ เราเพิ่งได้รู้จักหน้าพ่อ-แม่ พวกเขาไม่เคยมาหาเราเลย วันที่เขามาคือวันที่เราเจ็บปวดที่สุด เพราะเราต้องห่างยายและน้าๆ และเป็นวันแรกที่เราโดนพวกเขาตี เพราะเราเอาแต่ร้องหายายกับน้าๆ หลังจากวันนั้นเราก็กลายเป็นคนไม่พูดกับใคร เก็บตัวมากขึ้น วันดีคืนดีพ่อพาเราไปสถานบันเทิง สิ่งที่เราเห็นคือมีผู้กญิงมากมายล้อมรอบตัวพ่อ เราก็ทำได้แค่รออยู่หน้าประตูกระจก แล้วมันก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง
พอเอาเรื่องที่ได้เห็นไปบอกแม่ เราก็โดนแม่ตี แล้วหาว่าเราโกหก เราอยู่กับคำว่าเป็นเด็กขี้โกหกมาตลอด เราก็กลายเป็นคนเงียบมากขึ้น ไม่พูดกับใคร เจ็บก็ทำแผลเอง เราทนเพื่อรอเวลาที่จะได้ไปอยู่กับยายอีกครั้ง
จนเราได้ขึ้นม.1 เราพอจะมีเงินเก็บมากพอและมีความกล้าพอที่จะหนีไปอยู่บ้านยาย ทุกสิ่งเหมือนจะดีขึ้น แต่พ่อแม่ก็ตามมาดุด่า แล้วประจานเราให้ชาวบ้านฟังว่าเราเป็นเด็กอกตัญญู แต่พอได้อยู่กับยายกับน้าๆ เราก็สบายใจกว่าจริงๆ เราใช้ชีวิตอยู่บ้านยาย พ่อแม่ไม่เคยส่งเสียงเลี้ยงดู ไม่เคยแม้แต่จะแวะมาหา
วันหนึ่ง แม่จับได้ว่าพ่อนอกใจ ตอนนั้นเราอยู่ม.3 แม่ก็ฟ้องหย่าพ่อ เป็นเรื่องเป็นราว เวลาผ่านไป 2 ปี กว่าพ่อจะยอมเซ็นใบหย่า แต่ในระยะเวลา 2 ปีนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับเรามากๆ เราต้องเจอเหตุการณ์ที่เรามองว่าเด็กคนหนึ่งไม่ควรจะต้องมาเจออะไรแบบนั้น เราโดนพ่อเอาปืนขู่เพื่อให้เป็นพยานในชั้นศาล เราและยายโดนลอบยิงในสวนยางพารา พ่อพาเมียน้อยมาเหยียบที่บ้าน พ่อทำร้ายร่างกายเรา ทุกวันมันผ่านไปด้วยน้ำตา ความกลัว และความเจ็บปวด
เราเอาแต่ถามตัวเองว่าเราผิดอะไร เราทำเวรกรรมอะไรไว้เหรอ ทำไมมันรุนแรงเหลือเกิน มันแทบจะยืนไม่ไหว เราร้องไห้และเก็บตัวมากขึ้น เราใช้ความพยายามมากที่จะออกมาจากตรงนั้นเราอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อหนีไปเรียนไกลๆ เราเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ทั้งหมด เพื่อหนีจากพ่อ จนเพื่อนๆ ทักว่าแกควรไปหาหมอจิตเวชแล้วหล่ะ แล้วเราก็รู้ว่าเราเป็นซึมเศร้าหนักและเป็นแพนิคอีกด้วย ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตที่ขาดยาไม่ได้ เพราะเราจะร้องไห้ตลอดที่อยู่คนเดียว เราพยายามที่จะลืมเรื่องในอดีต แต่ดูเหมือนเราจะไม่เคยลืมมันได้เลย เรายังคงร้องไห้ แต่ก็ยังดีที่เรามียายและมีแฟน ทุกครั้งที่ร้องไห้พวกเขาจะคอยกอดเราเสมอ นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งของเรา
ตอนนี้พ่อกับเมียน้อยคนนั้นก็มีลูกด้วยกัน
เราก็หวังว่าโลกจะไม่ใจร้ายเหวี่ยงให้เรามาเจอกันอีก