ซึ่งเราจะแบ่งแผลเป็นออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ 1.1 แผลเป็นแบบเนื้อแหว่งหายไปหรือแบบบุ๋ม สังเกตดูก็จะเห็นว่าผิวตรงนั้นจะยุบตัวมากกว่าผิวปกติ 1.2แผลเป็นแบบนูน จะเป็นแผลที่มีเนื้อแข็ง แต่ว่าจะนูนตามแนวแผลเดิมเท่านั้น 1.3แผลเป็นแบบคีลอยด์ จะเป็นแผลคล้ายๆ แบบนูน แต่ขอบเขตการปูดของแผลเป็นจะลุกลามออกมามากกว่ารอยแผลเดิม เช่น ไปเจาะหูมา รูแค่นิดเดียวแต่มีแผลคีลอยด์ขนานเท่ากับเม็ดชานมไข่มุกอยู่ที่ติ่งหูแทน ซึ่งจุดที่มักจะเกิดแผลเป็นแบบคีลอยด์ได้ง่ายได้แก่ ใบหู สันกราม หัวไหล่ กลางหน้าอก กลางหลัง หรือใครที่มีการซ่อมแซมที่ผิดปกติก็จะเกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่ายด้วย ใครที่รู้ตัวว่าเป็นแผลคีลอยด์ง่าย ก็ต้องระวังไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บ © โรงพยาบาลรามคำแหง
2. การรักษาแผลเป็น การรักษาแผลเป็นแต่ละชนิดก็มีขั้นตอนการรักษาแตกต่างกัน ถ้าแผลเป็นแบบมีรอยดำรอยแดง ก็สามารถใช้ยาลดรอยดำรอยแดงได้ รวมถึงหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทำเลเซอร์ลดรอยก็ช่วยได้แล้ว ส่วนแผลเป็นแบบยุบตัว ต้องทายากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนพวกกรดวิตามินเอ หรือกระตุ้นเนื้อเยื่อด้วยการผ่าตัดหรือเลเซอร์ก็ช่วยได้ ส่วนแผลเป็นแบบนูนและคีลอยด์ ต้องฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแผลเป็น บางคนอาจต้องรักษาแผลเป็นด้วยความเย็นและเลเซอร์ รวมไปจนถึงการฉายรังสีร่วมด้วย
3.ยกตัวอย่าง รอยแผลเป็นที่จากสิว รอยแผลเป็นที่จากสิว ในทุกครั้งที่เกิดสิว หนังแท้และหนังกำพร้าของคุณจะถูกทำลายไปพร้อม ๆ กัน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลังจากที่สิวหายไปและอาจทิ้งรอยดำหรือทิ้งสัมผัสอันไม่พึงประสงค์ไว้บนใบหน้า การหักห้ามใจไม่แกะสิว คือ ขั้นตอนแรกของการปกป้องผิวจากรอยแผลเป็น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นมักจะมาจากการแกะ การเกา นอกจากนี้อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ เพื่อป้องกันรอยดำจากการผลิตเม็ดสีมากเกินไป
4. ผลกระทบของแผลเป็น การมีรอยแผลเป็นนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและทางจิตใจ ในส่วนของร่างกาย อาจมีอาการคันหรือเจ็บแผลโดยเฉพาะแผลเป็นที่เกิดบริเวณข้อต่อ จะจำกัดการเคลื่อนไหวของร่างกายบางส่วน แต่ในส่วนของจิตใจนั้น แผลเป็นมักทำให้บางคนเสียความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า 65% ของผู้หญิง และ 35% ของผู้ชายที่มีแผลเป็นนั้น มีความไม่มั่นใจในแผลเป็นของตนเอง ขึ้นอยู่กับลักษณะและตำแหน่งของแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีแผลเป็นบนใบหน้า จะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลได้ และอาจจะเลวร้ายมากขึ้นหากคุณรู้สึกว่าถูกจ้องมอง หากคุณหลีกเลี่ยงที่จะ พบปะผู้คนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ก็จะทำให้คุณแยกตัวออกจากสังคม ซึ่งนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากแผลเป็นทำให้คุณเกิดความหดหู่ หรือส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ
5. รักษาแผลเป็นที่หน้า ที่ไวที่สุด แผลเป็นบนใบหน้าเป็นหนึ่งในอุปสรรคของความสวยงามที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นแผลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ซึ่งวิธีการรักษานั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ทายารักษาแผล ใช้แผ่นซิลิโคน ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ฉีดยาสเตียรอยด์ หรือศัลยกรรมผ่าตัด เป็นต้น
5ข้อน่ารู้ รักษาแผลเป็น ที่ใบหน้า ยังไงให้กลับมาเหมือนเดิมไวที่สุด
2. การรักษาแผลเป็น การรักษาแผลเป็นแต่ละชนิดก็มีขั้นตอนการรักษาแตกต่างกัน ถ้าแผลเป็นแบบมีรอยดำรอยแดง ก็สามารถใช้ยาลดรอยดำรอยแดงได้ รวมถึงหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทำเลเซอร์ลดรอยก็ช่วยได้แล้ว ส่วนแผลเป็นแบบยุบตัว ต้องทายากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนพวกกรดวิตามินเอ หรือกระตุ้นเนื้อเยื่อด้วยการผ่าตัดหรือเลเซอร์ก็ช่วยได้ ส่วนแผลเป็นแบบนูนและคีลอยด์ ต้องฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแผลเป็น บางคนอาจต้องรักษาแผลเป็นด้วยความเย็นและเลเซอร์ รวมไปจนถึงการฉายรังสีร่วมด้วย
3.ยกตัวอย่าง รอยแผลเป็นที่จากสิว รอยแผลเป็นที่จากสิว ในทุกครั้งที่เกิดสิว หนังแท้และหนังกำพร้าของคุณจะถูกทำลายไปพร้อม ๆ กัน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลังจากที่สิวหายไปและอาจทิ้งรอยดำหรือทิ้งสัมผัสอันไม่พึงประสงค์ไว้บนใบหน้า การหักห้ามใจไม่แกะสิว คือ ขั้นตอนแรกของการปกป้องผิวจากรอยแผลเป็น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นมักจะมาจากการแกะ การเกา นอกจากนี้อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ เพื่อป้องกันรอยดำจากการผลิตเม็ดสีมากเกินไป
4. ผลกระทบของแผลเป็น การมีรอยแผลเป็นนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและทางจิตใจ ในส่วนของร่างกาย อาจมีอาการคันหรือเจ็บแผลโดยเฉพาะแผลเป็นที่เกิดบริเวณข้อต่อ จะจำกัดการเคลื่อนไหวของร่างกายบางส่วน แต่ในส่วนของจิตใจนั้น แผลเป็นมักทำให้บางคนเสียความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า 65% ของผู้หญิง และ 35% ของผู้ชายที่มีแผลเป็นนั้น มีความไม่มั่นใจในแผลเป็นของตนเอง ขึ้นอยู่กับลักษณะและตำแหน่งของแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีแผลเป็นบนใบหน้า จะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลได้ และอาจจะเลวร้ายมากขึ้นหากคุณรู้สึกว่าถูกจ้องมอง หากคุณหลีกเลี่ยงที่จะ พบปะผู้คนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ก็จะทำให้คุณแยกตัวออกจากสังคม ซึ่งนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากแผลเป็นทำให้คุณเกิดความหดหู่ หรือส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ
5. รักษาแผลเป็นที่หน้า ที่ไวที่สุด แผลเป็นบนใบหน้าเป็นหนึ่งในอุปสรรคของความสวยงามที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นแผลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ซึ่งวิธีการรักษานั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ทายารักษาแผล ใช้แผ่นซิลิโคน ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ฉีดยาสเตียรอยด์ หรือศัลยกรรมผ่าตัด เป็นต้น