สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
PE ที่คุณเห็นคือ PE ของอดีต(เพราะคิดมาจาก eps ของสี่ไตรมาสย้อนหลัง
และปันผลที่คุณเห็นก็คือปันผลในอดีตครับ
ราคาหุ้นมักจะสะท้อนจากกระจกหน้ารถเสมอ
ภาพข้างหน้าคือภาพที่ใหญ่สุด
แต่กระจกหลัง(อดีต) กระจกมองข้างซ้ายขวา(ปัจจุบัน) ก็ล้วนแต่สำคัญทั้งหมด
แต่ความสำคัญก็มักจะตามขนาดของภาพที่เราเห็น(ในกระจกหลัง กระจกข้าง ภาพย่อมเล็กกว่ากระจกด้านหน้าเสมอ) ราคาหุ้นจึงมักจะสะท้อนภาพจากกระจกหน้าเสมอครับ
หากขยายความเพิ่มเติมก็คือ
กระจกมองหลังคือภาพของเส้นทางที่รถได้วิ่งผ่านมาแล้ว(ภาพอดีตที่เราได้ผ่านมาแล้ว)
กระจกมองข้างซ้ายขวาคือภาพของตำแหน่งที่รถได้แล่นมาถึง(ภาพปัจจุบันของตำแหน่งที่รถเราอยู่ ภาพในกระจกบางส่วนจึงมองเห็นตำแหน่งของตัวถังรถด้านข้างฝั่งคนขับและคนนั่งนั่นเอง)
ส่วนกระจกด้านหน้ารถคือภาพของหนทางข้างหน้าที่รถของเรานั้นยังขับไปไม่ถึง(ภาพอนาคตที่เรากำลังจะขับไป)
แม้แต่งบกำไรขาดทุนที่พึ่งจะออกมาในไตรมาสล่าสุดนั้น ก็เป็นอดีตไปแล้วอย่างน้อย 30-45วัน (กว่าจะรายงานจริงก็ล่าช้าไปกว่าวันสุดท้ายของไตรมาสล่าสุดไปแล้ว 30-45วัน)
จึงมักจะมีคำถามตามมาว่า งบดีทำไมหุ้นลง งบยังทรงตัว(YoY)ทำไมหุ้นถึงตกหนักได้?
เพราะตลาดหุ้นนั้นคือการมองไปข้างหน้าผ่านกระจกหน้านั่นเอง คือตลาดมองว่าปัจจุบันงบอาจจะยังพอทรงตัว แต่ในอนาคตอาจจะไม่สามารถรักษาผลงานได้ดีเหมือนเช่นในอดีตหรือปัจจุบัน
แบบนี้ก็อาจทำให้ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนผลงานของไตรมาสล่าสุดหรือไม่ได้สะท้อนจาก EPS ของสี่ไตรมาสล่าสุด
แต่จะเลือกสะท้อนไปยังแนวโน้มของอนาคตของกิจการในอีกหนึ่งปีข้างหน้า(ที่ยังไม่เกิดขึ้น)
#ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญสุดที่เราจะต้องคาดการณ์กันให้ได้นั่นเองครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
Mr.China
และปันผลที่คุณเห็นก็คือปันผลในอดีตครับ
ราคาหุ้นมักจะสะท้อนจากกระจกหน้ารถเสมอ
ภาพข้างหน้าคือภาพที่ใหญ่สุด
แต่กระจกหลัง(อดีต) กระจกมองข้างซ้ายขวา(ปัจจุบัน) ก็ล้วนแต่สำคัญทั้งหมด
แต่ความสำคัญก็มักจะตามขนาดของภาพที่เราเห็น(ในกระจกหลัง กระจกข้าง ภาพย่อมเล็กกว่ากระจกด้านหน้าเสมอ) ราคาหุ้นจึงมักจะสะท้อนภาพจากกระจกหน้าเสมอครับ
หากขยายความเพิ่มเติมก็คือ
กระจกมองหลังคือภาพของเส้นทางที่รถได้วิ่งผ่านมาแล้ว(ภาพอดีตที่เราได้ผ่านมาแล้ว)
กระจกมองข้างซ้ายขวาคือภาพของตำแหน่งที่รถได้แล่นมาถึง(ภาพปัจจุบันของตำแหน่งที่รถเราอยู่ ภาพในกระจกบางส่วนจึงมองเห็นตำแหน่งของตัวถังรถด้านข้างฝั่งคนขับและคนนั่งนั่นเอง)
ส่วนกระจกด้านหน้ารถคือภาพของหนทางข้างหน้าที่รถของเรานั้นยังขับไปไม่ถึง(ภาพอนาคตที่เรากำลังจะขับไป)
แม้แต่งบกำไรขาดทุนที่พึ่งจะออกมาในไตรมาสล่าสุดนั้น ก็เป็นอดีตไปแล้วอย่างน้อย 30-45วัน (กว่าจะรายงานจริงก็ล่าช้าไปกว่าวันสุดท้ายของไตรมาสล่าสุดไปแล้ว 30-45วัน)
จึงมักจะมีคำถามตามมาว่า งบดีทำไมหุ้นลง งบยังทรงตัว(YoY)ทำไมหุ้นถึงตกหนักได้?
เพราะตลาดหุ้นนั้นคือการมองไปข้างหน้าผ่านกระจกหน้านั่นเอง คือตลาดมองว่าปัจจุบันงบอาจจะยังพอทรงตัว แต่ในอนาคตอาจจะไม่สามารถรักษาผลงานได้ดีเหมือนเช่นในอดีตหรือปัจจุบัน
แบบนี้ก็อาจทำให้ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนผลงานของไตรมาสล่าสุดหรือไม่ได้สะท้อนจาก EPS ของสี่ไตรมาสล่าสุด
แต่จะเลือกสะท้อนไปยังแนวโน้มของอนาคตของกิจการในอีกหนึ่งปีข้างหน้า(ที่ยังไม่เกิดขึ้น)
#ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญสุดที่เราจะต้องคาดการณ์กันให้ได้นั่นเองครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
Mr.China
แสดงความคิดเห็น
หุ้น STGT ทำไมบริษัท ถึงไม่กล้าซิ้อหุ้นตัวเองคืนครับ?
ถ้าเราเป็นนักลงทุนทั่วไป เห็นหุ้นตัวนี้ PE ต่ำ ปันผลสูง ก็คงต้องกระโดดเข้าซื้อ
แต่ทำไม แม้แต่ บริษัทของตัวเอง มีงบ 3,600 ล้านบาท ก็ยังไม่กล้า ซื้อหุ้นตัวเองคืนครับ
เหมือนโครงการถูกอนุมัติมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหุ้น แต่สุดท้ายก็ No action