สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วงเวลาที่ควรนำคำว่า "กระตุ้นเศรษฐกิจ" มาใช้จริงๆ มีเพียงช่วงหลังวิกฤต 1997(วิกฤตต้มยำกุ้ง)เท่านั้น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่จะใช้ Keynesian economics เพื่อกระตุ้น expenditure ให้เพิ่มขึ้นให้ทันกับ potential output
แต่หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังยุคทักษิณ1 ก็ไม่มีเหตุปัจจัยที่ควรพึ่งพิงแนวคิด Keynesian economics อีกเลย แต่ควรมามุ่งเน้นการพัฒนาด้าน supply side เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต ลดต้นทุน ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีคุณภาพเอาไว้รองรับวิกฤตในอนาคต
แต่รัฐบาลของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะไทย ทุกๆรัฐบาล ไม่เคยสนใจตรงนี้ พอเศรษฐกิจฟื้นตัวจากต้มยำกุ้งก็เร่งกระตุ้นเรื่อยๆจนสินค้าราคาแพงไปทั่วแผ่นดิน พอหลังเกิดวิกฤต subprime 2008 ก็อ้างว่าเศรษฐกิจแย่ต้องกระตุ้นอีก (ทั้งที่จริงแล้วมันเกิดจากความชั่วในภาค financial sector ล้วนๆและความชั่วนั้นก็ย้อนมาทำลายพวกคนบางกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องเข้าทรัพยากรส่วนรวมเข้าไปอุ้มพวกมันอย่างผิดๆ)
ต่อมา พอยิ่งใช้นโยบายการเงิน(ลดดอกเบี้ย,ทำ QE),ใช้นโยบายการคลัง(ก่อหนี้เอามาทำโครงการต่างๆ) เพื่อหวังจะกระตุ้นให้พวกที่ล้มเพราะ subprime ลืมตาอ้าปาก ก็ยิ่งทำให้ฟองสบู่ใหญ่ขึ้น เงินมากมายไหลไปยังตลาดเก็งกำไร productivityตกต่ำลงเรื่อยๆ รายได้จาก free money เพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น การผูกขาดโดนคนที่มีทุนมากก็หนักขึ้น ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
นโยบายทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจต่างหันมามุ่งที่การทำกำไรระยะสั้น ไม่ใส่ใจการพัฒนา productivity เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว เพราะพวกมันหวังเพียงแค่จะกอบโกยแบบน้ำขึ้นให้รีบตัก ส่วนระยะยาวจะชิไหยังไงก็ช่างมัน พวกกุรวยแล้ว สบายแล้ว!!!
นี่คือความชั่วร้ายที่สะสมในระบบเศรษฐกิจโลก ที่จะทำลายทุกสิ่งให้พินาศในเร็ววันนี้ น่าสมเพชจริงๆ ไม่รู้จะมี policy maker ไว้ทำสากกะเบืออัลไร!!!
แต่หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังยุคทักษิณ1 ก็ไม่มีเหตุปัจจัยที่ควรพึ่งพิงแนวคิด Keynesian economics อีกเลย แต่ควรมามุ่งเน้นการพัฒนาด้าน supply side เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต ลดต้นทุน ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีคุณภาพเอาไว้รองรับวิกฤตในอนาคต
แต่รัฐบาลของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะไทย ทุกๆรัฐบาล ไม่เคยสนใจตรงนี้ พอเศรษฐกิจฟื้นตัวจากต้มยำกุ้งก็เร่งกระตุ้นเรื่อยๆจนสินค้าราคาแพงไปทั่วแผ่นดิน พอหลังเกิดวิกฤต subprime 2008 ก็อ้างว่าเศรษฐกิจแย่ต้องกระตุ้นอีก (ทั้งที่จริงแล้วมันเกิดจากความชั่วในภาค financial sector ล้วนๆและความชั่วนั้นก็ย้อนมาทำลายพวกคนบางกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องเข้าทรัพยากรส่วนรวมเข้าไปอุ้มพวกมันอย่างผิดๆ)
ต่อมา พอยิ่งใช้นโยบายการเงิน(ลดดอกเบี้ย,ทำ QE),ใช้นโยบายการคลัง(ก่อหนี้เอามาทำโครงการต่างๆ) เพื่อหวังจะกระตุ้นให้พวกที่ล้มเพราะ subprime ลืมตาอ้าปาก ก็ยิ่งทำให้ฟองสบู่ใหญ่ขึ้น เงินมากมายไหลไปยังตลาดเก็งกำไร productivityตกต่ำลงเรื่อยๆ รายได้จาก free money เพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น การผูกขาดโดนคนที่มีทุนมากก็หนักขึ้น ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
นโยบายทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจต่างหันมามุ่งที่การทำกำไรระยะสั้น ไม่ใส่ใจการพัฒนา productivity เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว เพราะพวกมันหวังเพียงแค่จะกอบโกยแบบน้ำขึ้นให้รีบตัก ส่วนระยะยาวจะชิไหยังไงก็ช่างมัน พวกกุรวยแล้ว สบายแล้ว!!!
นี่คือความชั่วร้ายที่สะสมในระบบเศรษฐกิจโลก ที่จะทำลายทุกสิ่งให้พินาศในเร็ววันนี้ น่าสมเพชจริงๆ ไม่รู้จะมี policy maker ไว้ทำสากกะเบืออัลไร!!!
แสดงความคิดเห็น
การกระตุ้นเศรษฐกิจ ยิ่งทำยิ่งจนรึเปล่า
- กระตุ้นคนไปเที่ยว - น้ำมันนำเข้ามากลั่นในประเทศ ชุดว่ายน้ำ อุปกรณ์ตั้งแคมป์ผลิตที่จีน
- ช่วยเหลือเกษตรกร - ปุ๋ย ยา นำเข้าจากตปท แรงงานต้องใช้แรงงานต่างด้าวทำ
- คนละครึ่ง บัตรคนจน - เสื้อผ้า ผลิตที่เวียดนาม ของเล่นเด็ก ผลิตที่จีน ขนม ผลิตที่มาเลย์ ชุดตรวจโควิดผลิตที่จีน ของร้าน 20 บาทผลิตที่จีน มีแค่เบียร์กับข้าวสารที่ยังผลิตในประเทศ
How to ยิ่งกระตุ้น ยิ่งทำให้ประเทศคู่ค้ายิ่งรวย