JJNY : ราคาผักหลายชนิดแพงขึ้น│'พท.'จี้ช่วยเกษตรกร│ก.ก.เปิดแคมเปญรีเซ็ตประเทศ│ปูตินขู่แก้ข้อตกลงส่งออกอาหาร-ธัญพืชยูเครน

ราคาผักหลายชนิดแพงขึ้นกว่า 10% ส่วนเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ราคาคงที่
https://news.ch7.com/detail/593356

 
วันนี้ (8 ก.ย.65)  กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  รายงานาคาสินค้าขายปลีก/ส่งสินค้าประจำวัน พบว่า  ราคาสินค้าประเภทผัก ปรับขึ้นหลายรายการ และเป็นการปรับขึ้นมากกว่า 10%
 
โดยผักคะน้า กิโลกรัมละ 55-60 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท ผักบุ้งจีน กิโลกรัมละ 30-35 บาทเพิ่มขึ้น 5 บาท มะเขือเทศผลใหญ่ กิโลกรัมละ 40-45 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท  ถั่วฝักยาวกิโลกรัมละ 45-50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท  พริกขี้หนูจินดา (แดง) กิโลกรัมละ 80-90 บาท เพิ่มขึ้นถึง 10 บาท
 
ผักที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ได้แก่กวางตุ้ง ราคากิโลกรัมละ 25-30 บาท กะหล่ำปลี ราคากิโลกรัมละ 35-40 บาท แตงกวา ผักกาดขาว ราคากิโลกรัมละ 30-35 บาท มะนาว เบอร์ 1-2 ราคาผลละ 2.50-3.00 บาท มะนาว เบอร์ 3-4 ราคาผลละ 1.50-2.00 บาท ต้นหอม ราคากิโลกรัมละ 105-110 บาท ผักชี ราคากิโลกรัมละ 170-180 บาท
 
ส่วนราคาสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ และไข่ไก่ ราคาคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาก่อนหน้านี้ โดยเนื้อหมู (เนื้อแดงส่วนสะโพก) ราคากิโลกรัมละ 190-195 บาท หมูสามชั้น ราคากิโลกรัมละ 230-250 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคาฟองละ 4.30-4.50 บาท ไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาฟองละ 4.00-4.20 บาท ไก่สดทั้งตัว(ไม่รวมเครื่องใน) ราคากิโลกรัมละ 75-85 บาท
 


'เพื่อไทย' จี้ 'ประวิตร' ช่วยเกษตรกร ฟื้นฟูตลาดส่งออก
https://voicetv.co.th/read/f01mFLEWP

เพื่อไทย จี้ “ประวิตร” เร่งช่วยเกษตรกรผู้ปลูกขิง หลังสินค้าไม่มีผู้รับซื้อเลย เผยรัฐบาลทอดทิ้งเกษตรกร ชี้ตลาดส่งออกขิงไทยดับสนิทผู้ค้าต่างชาติเมินสินค้าไทย
 
วิกรม เตชะธีราวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงราย เขตพื้นที่ อ.แม่สรวย-อ.เวียงป่าเป้า ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า เกษตรกรผู้ปลูกขิงเดือดร้อนหนักมาก ไร้พ่อค้ารับซื้อผลผลิตทางการเกษตร โดนเฉพาะขิงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จากปีก่อนหน้านี้ราคาที่เคยขายได้ 20-30บาท ต่อกิโลกรัม ล่าสุดขิง 1 บาท ก็ไม่มีคนรับซื้อ ตกต่ำมากจนเกษตรกรนำขิงมาเททิ้งกลางถนนประชด เพราะรัฐบาลไม่เหลียวแล
 
วิกรม กล่าวด้วยว่า น่าประหลาดใจก่อนหน้านี้ ขิงถือว่าเป็นสินค้าส่งออกที่มีความต้องการสูงและมีราคาดี พ่อค้าจากต่างประเทศ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง ต่างมีความต้องการขิงของไทยมาก แต่จากการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไร้การวางแผนและต่อยอด ส่งผลให้ตลาดส่งออกขิงหายไป 
 
“ฝากไปยังพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ควรเร่งหามาตการที่จะช่วยเหลือเกษตรกร หรือฟื้นฟูตลาดส่งออก หากทำไม่ได้ก็ควรคืนอำนาจให้ประชาชน อย่ายึดติดอำนาจ ให้คนที่มีความรู้ความสามารถและความพร้อมเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพราะลำพังท่านจะเดินเองยังลำบากต้องให้คนช่วยพยุง แล้วแบบนี้ใครจะมาเชื่อมั่นกับประเทศไทยได้ อย่าต้องให้ประชาชนลำบากกันไปมากกว่านี้ ถึงเวลาลงอย่างสวยงามด้วยการ ประกาศยุบสภาได้แล้ว” วิกรม กล่าว



ก้าวไกล เปิดแคมเปญ รีเซ็ตประเทศ ล่า 5 หมื่นชื่อ ชงทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7254378
 
“ก้าวไกล” เปิดแคมเปญ “รีเซ็ตประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ล่า 5 หมื่นรายชื่อ ชง “นายกฯ” จัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง เดินหน้าร่างรธน.ฉบับใหม่
 
เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 8 ก.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพียง 23 เสียง จาก 250 เสียง ว่า ผลการลงมติของรัฐสภาเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) น่าผิดหวังเป็นพิเศษ ถึงแม้รัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหาเยอะมาก แต่ข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นข้อเรียกร้องพื้นฐานที่สุด และเป็นมาตราที่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยมากที่สุดเช่นกัน
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า แต่ในเมื่อไม่สามารถตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ ส.ว. ไม่นำตัวเองเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่ควรเคารพและยึดตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่จะถูกสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
 
นายพิธา กล่าวว่า จุดยืนที่พรรคก้าวไกลประกาศมาตลอด คือการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้ต้องไม่ใช่แค่ปะผุ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแล้วจะเพียงพอ แต่ต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ผ่านมาการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างฉบับใหม่ผ่านช่องทางรัฐสภาเจอทางตันทุกครั้ง
 
พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องหาไพ่ใบใหม่ ที่ยังไม่มีใครเคยใช้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญชื่อ “RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ที่จะอาศัยช่องทางตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 มาตรา 9(5) โดยใช้เสียงประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ร่วมลงชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการจัดทำประชามติ โดยจะเริ่มรณรงค์ทันทีจนกว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
 
ทั้งนี้ เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพ.ค. 2566
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมั่นใจว่าวิธีนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ถูกคัดค้าน เพราะเป็นหนทางที่จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตทางการเมือง นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้จริง โดยไม่ต้องง้อเสียงเห็นชอบจาก ส.ว. ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลปฏิเสธยาก เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. เป็นสิ่งที่ ส.ส.รัฐบาล และส.ว.เคยสนับสนุน อีกทั้งการจัดทำประชามติก็เป็นไปตามความเห็นของ ส.ส.รัฐบาล และส.ว. ที่เคยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความว่าต้องจัดทำประชามติก่อนเสนอเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภาในขั้นรับหลักการ
 
นอกจากนี้ ยังเป็นการทวงถามและเรียกความรับผิดชอบโดยตรงจาก นายกฯ และครม. ว่าจริงใจแค่ไหนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากที่เคยประกาศว่าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนโดยตรง เพราะหากมีการจัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง และประชาชนเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะมาจากขั้วไหน ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของประชาชนที่แสดงออกผ่านผลประชามติ อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณและทรัพยากรของประเทศ เพราะจัดการเลือกตั้งและจัดประชามติในวันเดียวกันได้เลย
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
 
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องขอแรงสนับสนุนจากประชาชน ขออย่าเพิ่งถอดใจ มาลงชื่อกับเรา เพื่อส่งแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้จัดทำประชามติ  และคืนประเทศให้ประชาชน เพื่อให้ปลายทางในปีหน้า เรามีความหวังได้ว่า มีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ คือคนไทยจะได้เลือกตั้งใหม่ ได้เริ่มนับหนึ่งสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ และมีโอกาสร่วมสร้างอนาคตใหม่ของประเทศไทยอีกครั้ง โดยประชาชนที่สนใจสามารถลงชื่อได้ที่
https://www.resetthailand.org ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการลงชื่อครบ 50,000 คน ไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งวันนี้เปิดลงชื่อเป็นวันแรกมีประชาชนลงชื่อกว่า 3,000 คนแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่