เรื่องสั้น เอ็นวายกู NYKU: New York Kitchen University ตอนที่ 40: วันแรงงาน, Ezoo และศักดิ์ศรีของชายไทย (updated)

          วันแรงงานหรือ  Labor Day เป็นวันหยุดราชการของอเมริกา จำง่าย ๆ คือ วันจันทร์แรกของเดือนกันยายน ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราพี่น้องคนไทย เหล่ามนุษย์ Labor แห่งห้องครัวอย่างเราซักกะหน่อย ร้านอาหารก็ยังคงเปิดเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมมาก็เห็นจะเป็นความยุ่ง ความ Busy ของร้านที่เพิ่มขึ้น ก็วันจันทร์มันเป็นวันหยุดมันเพิ่มขึ้นมา คนก็ออกมา Hang out มากขึ้นน่ะซิ 

          แต่ เอ็น.วาย.กู. ตอนนี้เราไม่ได้จะมาเล่าถึงวันแรงงาน เราจะมาเล่าให้ฟังถึงเทศกาลตนตรีที่เด็กเมกัน และเด็กไทยทั้งหลายต่างจับตามอง รอให้มันเวียนบรรจบมาครบได้ทุกปี เรียกได้ว่า ถ้ามาฝังตัวที่นิวยอร์กแล้วล่ะก็ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาโดนงานเทศกาลดนตรีนี้ให้ได้ล่ะ เทศกาลดนตรีนี้ มีชื่อว่า Electric Zoo Festival หรือเรียกันแบบหยาบๆว่า อีซู Ezoo ถ้าจะสุภาพต้องเรียกคุณซู ตึ่งโป๊ะ!

          Electric Zoo Festival เป็นเทศกาลดนตรี EDM พวกเสียงสังเคราะห์ สายตื๊ดๆ นั่นแหละครับ โดยที่ EDM นั้นเริ่มเป็นที่นิยมทางฝั่งยุโรปตั้งแต่ช่วงปี 2000 ก่อนจะคลื่นความนิยมจะค่อย ๆ ซัดเข้ามาที่อเมริกา โดยเฉพาะฝั่ง Los Angeles, และ New York มีดีเจมากมายผลัดกันมาเล่นสดที่นี่ จนสุดท้ายเขาก็เลยจัดเป็นงานเทศกาลดนตรีกันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์แบบสามวันติด ใครสายถึก ก็จัดแบบสามวันไปกันยาวๆ เอาให้ตาตั้งกันไปเลยก็มี งานเริ่มตั้งแต่ 10 โมงเช้า ยัน 10 โมงเย็น วันจัดงานก็คือ สุดสัปดาห์ก่อนวันแรงงานนี่แหละ จะได้เมาปลิ้น เผื่อวันจันทร์เอาไว้ถอนได้ 

          งาน Ezoo ก็เรียกว่าใหญ่ขึ้นทุกปีๆ ดีเจดังๆ แวะเวียนมาไม่ขาดสาย มีเวทีใหญ่ที่เล่นกันแบบจัดเต็ม ทั้งภาพทั้งเสียงก็หลายเวทีอยู่ แถมยังเหลือเวทีเล็กให้ดีเจที่ยังไม่ดังมากเล่นก็เยอะ แต่บอกก่อนเลยว่าราคาบัตรไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ ตั๋วเข้ามา Ezoo วันนึงนี่ก็ร้อยกว่าเหรียญนะ บัตรแบบสามวัน นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ $400-$500 ได้ เทียบเงินไทยก็เกือบ 15,000 บาท ขุ่นแม่ รวยอย่างเดียวไม่ได้นะเนี่ย ต้องชอบดนตรีด้วยซินะ เอิ๊กๆ 

          จะว่าไปผมนี่ก็จัดเป็นรุ่นปู่เลยก็ว่าได้ เพราะไปมาตั้งแต่ ปีแรก ๆ ดีเจดัง ๆ ไม่ว่าจะ เป็น Hardwell, Martin Garrix, Skrillex, DJ Snake, David Guetta, Armin หรือจะเป็น สตีฟ อาโออิ เอ๊ย! สตีฟ อาโอกิ 555 พวกรุ่นเซียน เบอร์ตองพวกนี้ล้วนแต่ต้องเคยผ่านหูผ่านตาผมมาก่อน จะขาดก็แค่ DJ Soda เท่านั้นแหละ ^^


          ว่าแล้วก็นึกถึงเรื่องวันวานสมัยยังเป็นวัยรุ่น พอเข้าวัน Labor Day ก็เอาล่ะ พรรคพวกมาชวนไปตั้งวงแด๊นซ์กันล่ะ เตรียมของจำเป็นก็พร้อมมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกล้ามสีเจ็บๆ, กางเกงขาสั้น, Sneaker ที่ใส่สบายที่สุดและต้องไม่กลัวที่จะเละ, แว่นกันแดด, ยาดม และของที่สำคัญที่สุด ที่ห้ามลืมเลย คือ ธงชาติไทย! มันถึงเวลาต้องประกาศศักดิ์ดาความเป็นไทยหน่อยหล๊าว! 
 
          “เฮ้ย จะไป Ezoo ยังวะ!” ไอ้โจ้ Roommate เพื่อนสนิทผม โพล่งเข้ามาในห้องแบบไม่เคยเคาะประตูตามสไตล์มัน โจ้เขาเกิดอาการกระสันอยากไปใจจะขาด หลังจากที่เห็นผมไปสุดเหวี่ยงมาเมื่อปีก่อน แล้วดันไปเล่าให้มันฟังว่า สาวๆ ในงานนี้ เขาแต่งตัวมาแบบเปรี้ยวจี๊ด เข็ดฟัน เหมือนใส่ชุดชั้นในมาเต้นกัน อะไรๆ มันก็เด้งดึ๋งไปหมด เล่นเอาหนุ่มรุ่นกระทง วัยกลัดมันอย่างไอ้โจ้เกิดอาการหื่นขึ้น ขอตามติดไปด้วยในปีนี้
          “รอก่อน จะรีบไปไหนวะ เพิ่งจะบ่ายโมงเอง กว่าดีเจดังๆ จะมาก็โน่น ห้าโมง จะรีบไปเปิดฟลอร์ขนาดนั้นเลย?” ผมบิดขี้เกียจพลางตอบไปแบบผู้ชำนาญการ อารมณ์เหมือนทหารเจนสมรภูมิ รบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จริงๆ ไม่ใช่ไรนะ ไปบ่ายๆ ไม่ไหว ร้อน เดี๋ยวหมดแรงก่อนงานเลิกพอดี
          “ป่ะ ไปหาข้าวกลางวัน-กันก่อนื ท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วกูนัดน้องๆ ไว้ ล้อหมุน 3 โมง” ผมบอกโจ้ให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ สาวๆ ไม่หนีไปไหนหรอก เตรียมตัวให้พร้อมก่อนดีกว่า 

          ผม, ไอ้โจ้กับน้องๆ ก็นั่งกินข้าว เติมพลังงานใส่ท้องให้พร้อม ก่อนจะเริ่มเดินทางกัน งาน Ezoo เขาจัดกันที่ Randall's Island Park แถวๆ Bronx นั่นแหละ ถึงหน้างานกันตอน 4 โมง ซึ่งเรียกว่าเป็น Prme Time เลยทีเดียว พวกเราเตรียมตัวกันอย่างดี จากนี้พวกเราจะเต้นกันยาว ๆ ไปอีก 7 ชั่วโมง ยันงานเลิกเลยน่ะแหละ พวกผมมากันเป็นกลุ่ม 7 คน ชาย 3 หญิง 4 ขนาดกำลังดี เหมาะในการเคลื่อนทัพ หรือจะปักหลักเต้นกันเองก็สนุกได้อยู่ หนึ่งในกฏเหล็กของงานก็คือ เวลาเดินนี่จับมือกันไว้ รวมกันเป็นกลุ่ม ห้ามหลง เพราะถ้าหลงนี่บอกเลยว่าหาลำบาก คนเกือบแสนมารวมตัวกันอยู่ในงานนี้

          พอเข้างานปั๊ป พวกผมก็หาไรดื่มกินกันให้พอกึ่มๆ จะได้เต้นสนุกๆ ส่วน โจ้นี่เหมือนคนโดนของ นอกจากจะตื่นตาตื่นใจกับสาวๆ ที่เรียกได้ว่ามาแบบทุกเชื้อชาติ แต่ละคนก็แต่งองค์ ทรงเครื่องกันมาแบบแข่งกันโป๊ นับชิ้นแล้วไม่เกินสาม! เรียกว่า ถูกใจโจ้เขาล่ะ! พี่แกก็กระโดดเหมือนม้าดีดซะตั้งแต่เข้างาน ฝรั่งเข้าเต้น Shuffle อะไร โจ้ไม่สน บอกเต้นไม่เป็น เป็นแต่หมอลำซิ่ง มือไม้ไปหมด โอ๊ยยย…ม่วนขนาด ฝรั่งยังต้องหลบ กึ่งงงกึ่งกลัวว่า ไอ้เวรนี่มันเต้นอะไรของมัน ไปโดนตัวไหนมา!

          พวกเราก็เต้นไป ดื่มไป สนุกสนานกันตามประสา ธงชาติไทยก็โบกสะบัดไปเรื่อยๆ  มีเพื่อนๆ ทั้งฝรั่งทั้งคนไทย เห็นธงชาติไทยก็แวะเวียนมาเซย์ Hello กันเรื่อยๆ บอกเลยว่าธงชาติทั่วโลกเต็มไปหมดครับ สมกับเป็นนิวยอร์กเมืองที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากที่สุดในโลก เวลาก็ล่วงเลยไป ผมเต้นจนเหนื่อยก็ออกมาพักบ้าง ไปหาอะไรดื่มบ้าง มีแต่ไอ้โจ้นี่แหละครับ ที่ยังเต้นไม่เซิ้งไปไม่หยุด พอซื้อเบียร์กลับมาเท่านั้นแหละ เฮ้ย ใครไปนั่งอยู่บนหัวไหล่เอ็งวะ ไอ้โจ้! 

          คือ ไอ้โจ้มันเต้นมันส์มาก จนแก๊งค์สาวเกาหลีข้างๆ เขาหันมามอง ก็ด้วยความที่เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ก็เลยมารวมกลุ่มเต้นกันไป ถูกันมา ไอ้โจ้คึก เห็นสาวแดนกิมจิ ตัวเท่าหัวไหล่ก็เลยบอก
          “ยูๆ มาชั้นแบกเธอเต้นเอง” โจ้ย่อตัวลง พลางชวนสาวแดนโสมตัวน้อย น่ารักๆ คนนึงที่มาเต้นอยู่ข้างๆ ผมก็นึกว่าเอาแล้วเอ็ง จะมันส์เกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวเขาหาว่าเราไปแทะโลมหรือเปล่านะ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าเบรก แม่นางกิมจิก็กระโดดขึ้นขี่คร่อมโจ้ ที่แบกขึ้น ก่อนส่งธงชาติไทยให้นางไปโบก กลายร่างเป็นลูกสะใภ้แดนสยามไปซะอย่างนั้น โอ๊ย อิจฉามัน!
          เต้นกันไปอีกพักใหญ่ๆ สาวเจ้าคงรู้สึกเมื่อยง่ามก้น อยากจะลงมาเต้นเองบ้าง ก็ลงมาเต้นกันอีกยกนึง ก่อนที่สุดท้ายจะกอดลาแยกจากกันไป เรียกว่า เล่นเอาโจ้ซึมไปเลยที่นางขอแยกไป เพราะนางไปได้ไปมือเปล่า แต่ได้ พรากเอาพรหมจรรย์ตรองซอกคอของหนุ่มไทยติดตัวไปด้วย
          “เธอไม่ได้จากไปมือเปล่า แต่เอาหัวใจของกูไปด้วย” ไอ้โจ้บอก 
          “ถุ๋ย เพิ่งเจอเขาไม่ถึงนาที จะรัก จะหลงอะไรขนาดนั้นมีง” ผมอยากจะอ๊วกให้กับความเว่อร์ของมัน แต่ผ่านไปแป๊ปเดียว โจ้ก็ลืม กลับไปเต้นสนุกสนานของมันตามเดิม 

          พอบรรยากาศเริ่มมืด เข้าช่วง สองสามทุ่ม ซึ่งเป็นช่วง Final ของงานล่ะ ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันที่เวทีใหญ่ เพราะ DJ คนสุดท้าย คือ David Guetta ที่ดังมากนี่แหละ ผมซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน รู้ดีว่าตอน 7 โมง เราต้องมารวมตัวกันที่ ตรงหน้าเวทีใหญ่ ไม่ต้องไปใกล้มาก เสียงดัง คนแน่นเกินไป เต้นไม่ได้ แต่ก็ต้องไม่ไกลเกินไปจากลำโพง ไม่งั้นเต้นไม่สนุก ก็เรียกว่า ได้ทำเลทองมาเลยล่ะ ก็กางมุ้ง เซิ้ง-เต้น-โดดไปจนผ่านไปหลายเพลง

 
          จนถึงสามทุ่มที่เรียกว่าเป็นช่วงพีคของงาน ขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกันอย่างออกอรรถรสอยู่นั้น ก็มีกลุ่มฝรั่ง ประกอบด้วยหญิง 3 คน ชาย 2 คน โผล่มาแจมกับพวกเรา คุยกันพอรู้ว่า พวกเขามาจากยุโรป เป็นขาประจำงาน EDM นี่มางาน Ezoo โดยเฉพาะเลย เห็นพวกผมเต้นกันสนุกมาก ก็เลยมารวมกลุ่มเต้นด้วย พวกผมซึ่งเมากันได้ที่แล้ว เฮมาก็เฮไป เอาวะไม่รู้ล่ะ เต้นกันพักใหญ่ เลือดลมมันก็คงพลุ่งพล่านตามประสา เพื่อนฝรั่งชาย 2 คนของพวกนางก็แบกพวกนางขึ้นบ่าครับ แล้วเหลืออยู่นางนึงที่ไร้คู่ บอกก่อนว่า พวกนางนี่ตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น ๆ นะ สูงน่าจะ 170 กว่าเลยเชียว คือ ไซส์ฝรั่งยุโรป เนื้อ นม ไข่ แล้วหวยจะไปออกที่ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้โจ้!

          “มาๆ กูเอง C'mon!” โจ้เสียงดังเสนอตัวเข้ามา พลางตบหน้าอกตัวเอง เสียงดังป๊าป แหกปากเรียกพลัง สัญญาณพร้อม บอกนางให้มาได้เลย พวกผมก็แบบ เฮ้ย เอาจริงหรือวะ? คือ โจ้น่ะตัวสูงพอๆ กับนาง แต่ดูจากความหนาแน่นของมวลกระดูกแล้ว โจ้น่าจะแพ้คะแนนนะ 555 แต่ผมเห็นเพื่อนอยากจะสัมผัสประสบการณ์ลองกลิ่นฝรั่ง เอ๊ย ลองแบกฝรั่ง ก็ได้แต่ส่งเสริมเพื่อนรัก
          “โอกาสมาแล้ว เต็มที่นะ” ผมตบไหล่เพื่อนรัก โจ้กระดี้กระด้า กับโอกาสที่จะได้สัมผัสฝรั่งสาวตัวเป็นๆ ซึ่งโจ้มั่นใจในพละกำลังของตัวเองพอตัวครับ แหม่ หนึ่งในจตุรเทพ Bus Boy คนไทยของร้านทะเล แบกจานชาม ของหนักมานักต่อนักแล้ว แค่แบกแหม่มฝรั่งหัวทอง มันจะหนักเท่าไรกันเชียว โจ้ย่อตัวลง นางคร่อมทันทีแบบไม่เกรงใจ โจ้ตัวยุบไปเลยเหมือนกัน เมื่อน้ำหนักของแหม่มสาวกดลงบนไหล่สองข้าง
          “ไหวนะ” ผมถามโจ้
          “สู้โว้ย!” โจ้ตอบดัง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าคลีนแอนด์เจอร์ค สาวฝรั่งร้องกรี๊ด สนุกสนาน ตบมือ High Five กับเพื่อนนางอีกสองคนอย่างมีความสุข
          “โอ๊ย ๆ” โจ้ร้อง ผมตกใจนึกว่าเพื่อนเป็นอะไร
          “จิ๋มชนหัวว่ะ! 555” โจ้บอก หัวเราะร่า ว่าแล้วก็กระโดดตี๊ดๆ โยกไปกับเพลงแบบเหมือนไม่หนักครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ พลังของหนุ่ม ตจว.อันล้นเหลือจริงๆ ส่วนแหม่มสาวก็มันส์ซะเหลือเกิน โยกซ้าย บี้ขวา โบกธงชาติซะอย่างกับเป็นคนไทย เดี๋ยวแจกสัญชาติไทยให้ซะเลย!

          สาวฝรั่งก็มีเล่นหูเล่นตากับเพื่อนโจ้ ลูบหัวจับมือกันแบบใกล้ชิด โจ้ก็มีความสุข ท่าทางเหมือนไม่หนัก เอ๊ย เพื่อนเรามีความสุข ผมก็หมดห่วง ก็เต้นกันไปอีกพักใหญ่ๆ พอเพลงหยุดให้ได้หายใจหายคอกันนิดนึง ยังไม่ทันจะถามโจ้เลยว่าเป็นไง ก็ตกใจซะก่อน เพราะเหงื่อมันไหลอย่างกับเขื่อนแตก ท่าทางดูง่อยๆ ไม่สดเหมือนก่อน คล้ายๆ แบ็ตหมด
          “เฮ้ย ไหวเปล่าเนี่ย?” ผมถามพลางเอายาดมให้ โจ้คว้าไปสูดเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะเชิดอกขึ้นมาอีกครั้ง
          “สบายๆ ไหวอยู่ๆ ไม่ทำให้เสียชื่อชายไทยอยู่แล้ว” เพื่อนโจ้บอก ก่อนจะเล่าต่อ “ความภาคภูมิใจของหนุ่มไทย โจ้ 10 นิ้ว มันค้ำคออยู่!” โจ้บอก ตราบใดที่สองฝรั่งยังแบกเพื่อนนางได้อยู่นั้น โจ้จะยอมแพ้ ปล่อยนางลงก่อนได้อย่างไร ผ่านไปอีกสักเพลงสองเพลง พวกเพื่อนชายของนางก็วางพวกนางลง โจ้รีบเป่าปากบอกนางว่าลงได้แล้ว นางเองก็ทำท่าเสียดาย แหม่ โยกอยู่บนหัวของคนอื่นเป็นสิบนาทีนี่หว่า มันจะไปหนักตรงไหนล่ะคร๊าบบ 555
          “หนักสัส” เพื่อนโจ้ขอยาดมทันที ก่อนจะหน้าซีดยืนดมยา ค้ำไหล่ผมอยู่ 
          “โอเคเปล่า?” ผมถาม เห็นมันหน้าซีด อาศัยไหล่ผมช่วยประคองตัว 
          “เฮ้ย กูยังโอเคอยู่” โจ้ตอบ พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะเอามือแตะหลังหัวแล้วเอามาดม
          “หอมกลิ่นปูดองฝรั่ง  ชื่นจายๆ” โจ้บอก ก่อนจะกลับมาเต้นต่ออีกทียันจบงาน ก่อนจะบอกว่า ชอบมาก ปีหน้าขอมาใหม่ เดี๋ยวๆ งานเพิ่งจบนะ จะมานัดข้ามปีอะไรแบบนี้ไม่ได้! 555
 
(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่