เรื่องมีอยู่ว่า เราได้แยกทางกับแฟนที่เคยอยู่ด้วยกันเมื่อ21มกราคม2564 มีใบแจ้งความเป้นหลักฐานในการที่เเยกกันอยู่ แล้วมีคนเข้ามาจีบเมื่อเดือนมีนาคม2564 เราก้อคุย เพราะเราไม่มีแฟน คุยกันไปเรื่อยๆ โทรคุย วีดีโอคอลคุยปกติ เค้าบอกจะคอยซัพพอร์ตเราทุกเรื่อง แล้วคอยช่วยเหลือเรามาตลอด
คุยกันถึงเดือน พ.ค เราทักหาเค้าไม่ค่อยจะตอบ ไม่ค่อยโทรหา เราก็คิดแล้วว่าเค้ามีคนใหม่ หรือมีคนคุยอื่น เราไม่ได้คุยกันอีกเลย พอจนมาถึงเดือนตุลาคม2564 แฟนคนที่เราเคยแยกทางกลับมาขอคืนดี เราก้อกลับไปคืนดีกัน หลังจากนั้นเราเลยตัดการติดต่อกับคนที่จีบเรามา เพราะเค้าไม่ทักมาหรือคุยกันอีก จนมาถึงวันที่25กรกฎาคม2565 เค้าหาเบอติดต่อเเฟนเรา ให้ไปเจอที่โรงพักที่เราอยู่ เราก้อไป เค้าไปแจ้งว่าเราไปฉ้อโกงเค้ามา แต่ที่โรงพักสอบสวนได้เรื่องว่า เค้าให้เราโดยเสน่ห์หา แล้วต่างคนต่างกลับ อยู่ๆเค้าไปแจ้งความอีกโรงพัก เมื่อ22สิงหาคม2565 ว่าเราฉ้อโกงเค้า มีหมายเรียกจากโรงพัก เค้าก้อไปตามหมายเรียก ขับรถไป100กว่าโล เพื่อไป รับทราบข้อกล่าวหา แต่ตำรวจแจ้งความเราฉ้อโกง สั่งไปพบอัยการวันที่23กันยายน2565ที่จะถึงนี้ เราไม่มีทนายความ เราควรทำใงดีค่ะ
เคยคบกันเป็นแฟน แล้วเคยให้เงินใช้มาตลอด อยู่เลิกกันไปแจ้งความว่าเราฉ้อโกง
คุยกันถึงเดือน พ.ค เราทักหาเค้าไม่ค่อยจะตอบ ไม่ค่อยโทรหา เราก็คิดแล้วว่าเค้ามีคนใหม่ หรือมีคนคุยอื่น เราไม่ได้คุยกันอีกเลย พอจนมาถึงเดือนตุลาคม2564 แฟนคนที่เราเคยแยกทางกลับมาขอคืนดี เราก้อกลับไปคืนดีกัน หลังจากนั้นเราเลยตัดการติดต่อกับคนที่จีบเรามา เพราะเค้าไม่ทักมาหรือคุยกันอีก จนมาถึงวันที่25กรกฎาคม2565 เค้าหาเบอติดต่อเเฟนเรา ให้ไปเจอที่โรงพักที่เราอยู่ เราก้อไป เค้าไปแจ้งว่าเราไปฉ้อโกงเค้ามา แต่ที่โรงพักสอบสวนได้เรื่องว่า เค้าให้เราโดยเสน่ห์หา แล้วต่างคนต่างกลับ อยู่ๆเค้าไปแจ้งความอีกโรงพัก เมื่อ22สิงหาคม2565 ว่าเราฉ้อโกงเค้า มีหมายเรียกจากโรงพัก เค้าก้อไปตามหมายเรียก ขับรถไป100กว่าโล เพื่อไป รับทราบข้อกล่าวหา แต่ตำรวจแจ้งความเราฉ้อโกง สั่งไปพบอัยการวันที่23กันยายน2565ที่จะถึงนี้ เราไม่มีทนายความ เราควรทำใงดีค่ะ