(ระบาย) โขนไม่ใช่ของคนไทยทั้งประเทศ แต่เป็นของคนไทยเพียงบางกลุ่มเท่านั้น

1. โขนไม่ใช่ของคนไทยทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น คนกัมพูชาอยากได้ ก็เอาไปเลย

จากดราม่า ททท. เอาโขนทศกัณฐ์ไปโปรโมตการท่องเที่ยว แล้วย่ำเท้าผิดแบบ และเป็นการไม่เคารพเจ้าอสูรทศกัณฐ์ เป็นที่ขัดหูขัดตาของกระทรวงวัฒนธรรม

ต่อมา เพื่อนสมาชิกพันทิพ ซึ่งเป็นผู้พิการ ดำริอยากสร้างโขนคนพิการ แต่ไม่ได้

ต่อมา คนทำเกมไทย จะเอาท่ารำไทยไปใส่เกมสยองขวัญแต่ไม่ได้

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนเพียงบางกลุ่ม ในกระทรวงวัฒนธรรมเท่านั้น โขนจึงไม่ใช่สมบัติของคนไทยทั้งประเทศ ไม่สามารถนำไปต่อยอดเป็น pop-culture ได้ เพื่อหาเงิน และเป็นการอนุรักษ์

โขนถูกฟรีซ ถูกดองไว้ให้เป็น high culture ซึ่งแทบจะไม่มีใครสนใจ บางคนไปตบตีกับคนกัมพูชาเรื่องโขน แต่ถามว่าเคยดูโขนกี่เรื่อง กี่ตอน ก็คงจะยังไม่เคย มีแต่ภาพถ่ายขาวดำเก่า ๆ เอาไปบลัฟฟ์

pop-culture VS high culture ไปดูในยูทิวบ์เถอะ ว่าคนไทยสนใจดูโขนกันกี่มากน้อย ยอดวิวต่ำเตี้ย อันไหนยอดวิวสูง ๆ คลิกเข้าไปดู ไล่อ่านคอมเมนต์ ก็เป็นไปตามคาด อาจารย์สั่งงานให้นักเรียนนักศึกษามาดู

พระสงฆ์ ถูกมอบหมายให้สืบทอดพระศาสนา แต่กลับประพฤติตนตั้งแต่โลกวัชชะ ยันอาบัติปาราชิก

ชอบโพสต์สเตตัสหรือแคปชันลงโซเชียลว่า "กินอยู่อย่างต่ำ มุ่งกระทำอย่างสูง" แต่ต่ำสุดของพระสงฆ์คืออะไร เดินบิณฑบาต เหรอ สมัยนี้พระหลายรูปหลายตน แทบจะไม่เดินกันแล้ว บางรูป นักบิณฑ์บิณฑ์ทับเส้นทางกัน เอาฝาบาตรตบกัน ชาวบ้านถ่ายคลิปไว้ได้ เป็นที่ตลกขบขัน

อยากจะบอกพระที่เอารัดเอาเปรียบฆราวาสว่า แน่จริงสึกมา จะได้รู้ว่ากินอยู่อย่างต่ำของจริงมันเป็นอย่างไร

กระทรวงวัฒนธรรม จึงเป็นกระทรวงที่เดี๊ยนเกลียดที่สุดในบรรดาแล้ว ยุบไปก็ไม่เสียดาย

จะให้เดี๊ยนไปตบตีแย่งโขนกับคนกัมพูชา เดี๊ยนกำลังทำไปเพื่อใครเหรอ

2. เร่งผลิตวัฒนธรรมไทย ในรูปแบบของ pop-culture

นอกเหนือจากการถกเถียง ตบตีกับชาวกัมพูชาเป็นรายบุคคล สิ่งที่ควรจะทำ คือผลิตวัฒนธรรมเหล่านั้น ในรูปแบบของ pop-culture หรือ mass จะส่งผลเป็นรูปธรรมกว่าการปะทะกันเป็นจุด ๆ ในโซเชียล และตราตรึง เข้าถึงจิตใจคนมากกว่า

ราว 10 ปีก่อน เดี๊ยนตบตีกับชาว สปป.ลาว ในเน็ต 10 ปีให้หลัง ยังคงเจอคน สปป.ลาว ที่เนียนเป็นคนไทย แล้วหลอกด่าประเทศไทยเหมือนเดิม แม้จำนวนจะลดลง นิสัยนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คิดว่ากับคนกัมพูชาก็เหมือนกัน

การปะทะกันเป็นรายบุคคล อาจเสียเวลาเปล่า เราใช้วิธีเร่งสาวเท้าไปข้างหน้า พัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ

3. Soft Power จะเกิดได้ ต้องมี Hard Power สนับสนุน เศรษฐกิจต้องเข้มแข็ง

เงินเป็น hard power แต่ก็จำเป็นต่อการผลิต soft power ไทยต้องมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง จนต้องมีคนชาติอื่นมาเรียนรู้วัฒนธรรมไทย (ด้วยความจำเป็น)

อีกอย่าง soft power สร้างได้เป็นรายบุคคล เราไม่จำเป็นต้องแข็งใส่ แรงใส่ ถกเถียง ในทุกเรื่อง ถ้อยทีถ้อยอาศัย อัธยาศัย น้ำใจไมตรีกันไป

4. เด็กไทยเป็น World Citizen มากขึ้น Nationalist, Patriot ลดลง

เพราะฉะนั้น ใครที่ยังชาตินิยมอยู่ ก็ต้องปฏิบัติตัวสนองอุดมการณ์กันเอาเอง หากจะด้วยปริมาณกองทัพวัฒนธรรม เราต้องคงจำนวนประชากรไทยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทุกคนสามารถเป็นผู้อนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยได้ เป็นหูเป็นตาได้

เราอาจจะลดการผลิตแรงงานสำหรับป้อนบางอาชีพลง แล้วผันจำนวนแรงงาน มาสู่อาชีพที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับวัฒนธรรมมากขึ้น ถ้าเป็นอาชีพสร้างรายได้ คนทำแล้วอยู่ได้ ก็เป็นการอนุรักษ์ในตัว

5. ใช้วิธีผลิตวัฒนธรรมตามอย่างของญี่ปุ่น

ก่อนจะพบว่าดอกซะกุระ ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติ ญี่ปุ่นเคยชมดอกบ๊วย ดอกท้อ ตามอย่างจีนมาก่อน และรู้สึกว่าดอกซะกุระ ร่วงรก ต้องเก็บกวาด

แต่ลองดูสมัยนี้ เพลง เกม การ์ตูน อาหาร ขนม เครื่องสำอาง ฯลฯ เกี่ยวกับดอกซะกุระ เต็มไปหมด

ถ้าจะดราม่าดอกลำดวน ยุคนี้สมัยนี้ เราไม่ต้องดอกลำดวนก็ได้ มีดอกไม้อีกเยอะแยะ และพืชตระกูลลำดวน คงมีญาติอีกเยอะ เราก็หาเอา หรืออาจจะเป็นดอกมังคุด แทน ถ้าไม่ใช้ดอกกระดังงา เราก็ยังมีดอกสายหยุด ดอกน้อยหน่า น้อยโหน่ง ฯลฯ

หรือไม่เราก็ประชดไปเลย ด้วยการผลิตซ้ำเกี่ยวกับดอกลำดวน เฉกเช่น ขนมกลีบลำดวน หรือ Thai Cookie ที่เรากิน ๆ กัน

ดอกคูนไทย หลัก ๆ ขายฝักทำยา (ยาระบาย?) ถ้าเอามาดอง มายำได้ แก่นคูน ใช้ทำไม้มงคล พวกเสาหลักเมือง

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อนุรักษ์วัฒนธรรมจีน วัฒนธรรมฝรั่ง ไว้ได้เยอะ เพราะถือเป็นประเทศห่างไกลจากทวีป จึงรอดจากการถูกแทนที่ หรือลบล้าง ทำลาย

ความรู้จากฝรั่ง มีการนำมาแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจึงมีวัตถุดิบมาผลิตผลงาน software, hardware ได้ก่อน และได้มากกว่าชาติอื่นในเอเชีย แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถรับความรู้จากฝรั่งโดยตรงได้เลย

หลายอย่างของญี่ปุ่น แรงบันดาลใจ แนวคิด มาจากของฝรั่ง ของยิว แต่ญี่ปุ่นแค่เอามาชุบวะซะบิ เท่านั้น หนังสือบางเล่ม หัวเรื่องพูดถึงญี่ปุ่น แต่พอเข้าไปอ่านข้างใน คือฝรั่งคิดไว้แล้ว สมัยนี้ความรู้ส่งตรง มาทางอินเทอร์เน็ต หรือเราบินไปเรียนกับประเทศตะวันตกได้โดยตรง อยู่ที่คนไทยจะตักตวงมาผลิตได้แค่ไหน

หลายอย่าง คนไทยรับจากญี่ปุ่น ทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่น แต่มีศัพท์ฝรั่ง หรือภาษาอังกฤษมาก่อนหน้านั้นแล้ว อาหารหลายอย่าง ญี่ปุ่นรับจากอังกฤษ ประเทศที่โดนดูแคลนเรื่องควิซิน ว่ามีแต่ fish and chips การวาดการ์ตูน เป็นแบบอังกฤษ อเมริกา ศัพท์พวก comic, animation, bromance

ก็เหมือนที่อังกฤษกับฝรั่งเศส ก็รับของจีน ของญี่ปุ่น กลับไป เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

เราน่าจะหยิบยืมจากอินเดียและจีน มาได้อีก เพื่อผลิตวัฒนธรรมใหม่

สรุป ญี่ปุ่น ยังมีการปะทะ แย่งวัฒนธรรมกับเกาหลี(ใต้) อยู่ ของไทยเรากับประเทศรอบ ๆ โดยเฉพาะกับกัมพูชา น่าจะไม่จบง่าย ๆ

(น่าจะครบทุกข้อที่อยากพูดแล้ว เรียบเรียงตามที่นึกออกนะคะ ที่จินตนาการไว้ มี 6 ข้อ พิมพ์ไป ๆ เหลือ 5 ข้อ ใครมีอะไรก็มาพูดคุยกันค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่