ชีวิตหนึ่งชีวิต ชีวิตที่ได้ใช้กรรมไปมากแล้ว จะหมดกรรมเมื่อไหร่ ใช้เท่าไหร่ถึงจะหมด?

การที่เราเกิดมามีกรรม ได้เจอผู้คน + เหตุการณ์ (ที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำร้ายเราทั้งความรู้สึกและชีวิตคนๆนึงทั้งที่เราไม่ได้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหรือใจคน หรือถึงรู้แต่ไม่มีสิทธิที่จะเลือกอะไรก็ตาม มาอย่างยาวนาน ยิ่งเกลียดยิ่งร้องขอว่าอย่ายิ่งเป็นยิ่งเจอยิ่งได้รับ) ที่เลือกไม่ได้ ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดมาแล้ว แล้วเราอดทนจนเก็บกดเอามาระเบิดกับตัวเองกลายเป็นว่าทำร้ายตัวเองไม่ว่าจะทางไหน คือ ถ้าเราซึมซับกับบุคคล เหตุการณ์ เราจะกลายเป็นมันมั้ย ? เราจะต้องติดกรรมแบบนี้มั้ยถ้าเราไม่ทนแล้วเรายังใช้กรรมตัวนี้ไม่หมดเราคงหนีไปไหนไม่ได้หรือไม่มีที่ให้ไปดีกว่าเดิมใช่มั้ย?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ถ้าเราเป็นยุง เราจะเห็นชีวิตแบบยุง วุ่นวายแบบยุง และเห็นว่าตัวเองมีเวลาไม่กี่วัน แต่ก็นานสำหรับยุง

ถ้าเราเป็นแมว เราจะเห็นชีวิตแบบแมว วุ่นวายแบบแมว และเห็นว่าตัวเองมีเวลาไม่กี่ปี แต่ก็นานสำหรับแมว

เราเป็นมนุษย์ เราก็เห็นชีวิตแบบมนุษย์ วุ่นวายแบบมนุษย์ และเห็นว่าตัวเองมีเวลาไม่กี่สิบปี และคิดว่ามันนานแล้ว

แต่ถ้าเรามองในมุมของจักรวาล มนุษย์มีเวลาน้อยมาก ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มันแป๊บเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับเวลาอนันต์ของจักรวาล

กรรมก็เช่นกัน กรรมเป็นกฎของจักรวาล ไม่ใช่แค่กฎของมนุษย์ เวลาส่งผลของกรรมจึงยาวนานมาก ไม่ใช่จะหมดกันง่าย ๆ

เช่น ขโมยของครั้งเดียว ส่งผลให้เราต้องถูกขโมยอีกหลายร้อยหลายพันชาติ เหมือนต้นไม้ที่ปลูกเมล็ดไปแค่เมล็ดเดียว แต่มันออกดอกออกผลมาอีกมากมาย แต่การกระทำของเราทุกการกระทำมีผลเสมอ กรรมของคนเราจึงเหมือนป่าดงดิบ มีต้นไม้หลากหลาย ทั้งไม้ยืนต้นและวัชพืช ที่ไม่ว่ามันจะล้มตายไปมากแค่ไหน แต่มันไม่มีวันหมดสิ้นไปได้ เว้นแต่คุณจะออกจากป่า กรรมก็เช่นกัน มันไม่มีวันหมด กรรมนึงหมด แต่กรรมอีกหลากหลายก็ส่งผลต่อเนื่องไม่มีวันจบ บางกรรมส่งผลแล้วหมดไปทันที บางกรรมส่งผลแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต แล้วก็ตามไปส่งผลต่อในชาติถัด ๆ ไป บางกรรมส่งผลต่อเนื่องตลอดชีวิตแต่ถึงเวลาก็หมดไป บางกรรมส่งผลไม่ยอมหยุดกันเลยทีเดียว แต่มีผลไม่มาก

แต่ถ้าเราได้มีโอกาสเป็นมนุษย์ ให้รู้ไว้เลยว่า มันเป็นโอกาสดีของเรา ที่จะกำหนดชะตาชีวิตตัวเองใหม่ แก้ไขสิ่งเดิม ๆ ที่ผิดพลาด เพราะมนุษยภูมิ เป็นภูมิที่มีไว้สร้างกรรมโดยตรง กรรมที่ทำตอนเป็นมนุษย์ จะส่งผลใหญ่โตและยาวนานเป็นพิเศษ เรียกว่าทำครั้งเดียวใช้ไปนาน ไม่เหมือนกับภูมิอื่น ๆ

สุขทุกข์ที่เราได้รับตอนเป็นมนุษย์ จัดว่าเป็นสุขทุกข์ที่เจือจางแล้ว เป็นแค่เศษเหลือของกรรม ทุกข์ที่สุดในโลกเทียบกับนรกไม่ได้ สุขที่สุดในโลกก็เทียบกับสวรรค์ไม่ได้ ฉะนั้น เราต้องตั้งสติให้ดี มองชีวิตในสังสารวัฎให้ออก หากเราประสบทุกข์แล้วทำชั่ว ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เรื่องมันหนักขึ้นไปอีก โลกนี้จึงมีคนอยู่ 4 ประเภท คือ

1. มืดมามืดไป กรรมชั่วในอดีตชาติมีเยอะ ทำให้ประสบทุกข์ในปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังทำชั่วเพิ่มอีก ชาติต่อ ๆ ไปก็ยังคงทุกข์และทุกข์มากขึ้นไปอีก
2. มืดมาสว่างไป กรรมชั่วในอดีตชาติมีเยอะ ทำให้ประสบทุกข์ในปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่ แต่แก้ไขด้วยการทำความดี ชาติต่อ ๆ ไปก็มีความสุขได้
3. สว่างมามืดไป กรรมดีในอดีตชาติมีเยอะ ทำให้ประสบสุขในปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่ แต่ประมาทไปทำความชั่ว ชาติต่อ ๆ ไปก็ประสบทุกข์
4. สว่างมาสว่างไป กรรมดีในอดีตชาติมีเยอะ ทำให้ประสบสุขในปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่ประมาท สั่งสมความดีเพิ่มอีก ย่อมมีสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

ฉะนั้น เราอยากให้ชีวิตต่อไปเราเป็นแบบไหน ก็อยู่ที่เราเลือกกระทำ ไม่ว่าเรากำลังประสบทุกข์หรือสุขอยู่ก็ตาม

กฎแห่งกรรมไม่ได้สนว่าเราจะลืมสิ่งที่เราทำไปแล้วหรือไม่ เปรียบเหมือนเราเคยฆ่าคนแล้วหนีไปจนตัวเราเองก็ลืมไปแล้ว คดีไม่มีอายุความ และพอเจ้าหน้าที่ตามเจอ เราก็ต้องชดใช้กรรมอยู่ดี แม้ว่าเราจะแก่เลอะเลือนจำอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจได้อยู่เสมอ ชีวิตในสังสารวัฎก็เช่นกัน เราอาจจะลืมไปหมดแล้วว่าชาติที่แล้วเราทำอะไรมา แต่กฎแห่งกรรมไม่เคยลืม และเมื่อกรรมส่งผล เราก็ประสบสุข ประสบทุกข์ ตามเหตุแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ชีวิตไม่ได้จบที่ความตาย ถ้าไม่รู้เรื่องนี้ อันตรายอย่างยิ่ง อย่าคิดแค่ว่าเราจำชาติเดิมไม่ได้ = มันไม่มี แม้เราจะไม่มีความจำของชาติที่แล้ว แต่ผลของมันยังส่งผลถึงตัวเราในปัจจุบันได้ เมื่อเราเกิดใหม่ เมื่อประสบทุกข์ เราจะรับรู้ได้แต่ทุกข์ โดยที่ไม่รู้สาเหตุของมัน นั่นคือความน่ากลัวของวัฎฎสงสาร ที่ ๆ เราควรหาทางหลุดพ้นออกไปให้ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่