วันที่เข้าไปเปลี่ยนฟิล์ม ขอบอกเลยว่า ตาหูแหก เพราะกลัวไม่ทัน ทั้งไกล ทั้งติด ทั้งไม่ชินทาง
และก็เป็นไปตามความคาดหมาย
หลงที่ปลายทาง
จนได้...
แต่ในที่สุด เราก็ถึงที่หมาย
ศูนย์ติดฟิล์มนี้ ซ่อนตัวอยู่หลังสำนักงานใหญ่ของบริษัทเจ้าของฟิล์มลามมิน่าในประเทศไทย
เป็นโรงกระจก มีห้องรับรองใหพักคอยอยู่ชั้นบน
ไปถึงเรากจอดรถไว้ด้านหน้าโรงกระจก รอให้ช่างติดฟิล์มมานำรถเข้าไปเอง
ส่วนตัวเราก็ไปที่ห้องพักคอยที่ีสิ่งดำนวยความสะดวกครบ ทั้งห้องน้ำ ชา กาแฟ
สักแป๊บนึง น้องพนักงานคนสวยก็มาชวนไปเลือกสีฟิล์ม ที่ด้านหน้าห้องพักคอย
ตรงนี้ มีให้ดู ทุกสี ทุกระดับ ทุกซีรี่ส์
ใหดูเป็นแผ่นใหญ่ๆ บนแผงไฟเบ้อเริ่มเทิ่ม ทำให้พอจะมองออกว่า ติดแล้ว รถจะมืด จะสว่างประมาณไหน เวลามองจากด้านนอกรถ
ชั้นแรก ก็ต้องเลือกว่า จะใช้ฟิล์มเกรดไหน เขาจะมีตั้งแต่เกรดอีโคโนมี หรือ รุ่นเรือธง ที่บุกตลาด ไปจนถึงรุ่นพรีเมี่ยมค่ะ
รุ่นอีโคโนมีก็จะมีคุณสมบัติที่จำเป็นครบ เช่น กันยูวี กันความร้อนจากแสง ส่วนรุ่นพรีเมี่ยม ก็จะเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น การยอมให้สัญญาณจีพีเอสผ่าน มีการเคลือบโลหะเพื่อให้กันยูวี กันความร้อนได้มากขึ้น โดยที่ไม่เสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของคนขับ หรือ มองออกมาแล้วไม่มืดนั่นหละค่ะ ไม่งั้น มีเปิดประตูหรือ เปิดกระจกถอยหลังในที่มืดแน่นอนถ้าติดฟิล์มเข้มมากๆ
อันนี้เป็นเทคนิคของเรานะ รถเราเป็นสีบรอนซ์ เลือกสีโทนไหนก็ได้ แต่ที่ชอบคือโทนเขียวน้ำทะเล อันนี้คิดเองเออเอง เขามีชื่อเป็นทางการ เดี๋ยวไปค้นเอกสารให้ แต่ตอนนี้ ยืดอกพูดได้เลยว่า "จำไม่ได้" ค่ะ
เลือกโทนสีได้แล้ว ก็มาเลือกความเข้มของฟิล์ม
จริงๆ เขามีตัวเลขกำกับให้ตรงฟิล์มที่โชว์อยู่นะคะ
แต่เราขอเลือกตามหลักเกิน แล้วก็ที่ตาเห็นละกัน
เราเลือกฟิล์มรุ่นอีโคโนมี สีโทนเขียว ตัวเลขที่เขียนบนฟิล์ม 50
น้องคนสวยมาสรุปให้ฟัง เพื่อเขียนใบสั่งซื้อ ว่า
"ลูกค้าเลือกรุ่น POP Series สีโทนเขียว เบอร์ ...... นะคะ "
แล้วน้องเขาก็ชี้ที่ฟิล์มตามที่เลือก
หลังจากนั้น ก็เซ็นชื่อในใบสั่งซื้อ
แล้วน้องก็ลงไปส่งงานต่อให้ทีมช่าง
ทีมช่างก็ไปเลื่อนรถเราเข้ามาในอาคาร
เห็นเขาบอกว่า ที่ต้องติดในอาคารเพราะว่าจะได้ไม่มีฝุ่นที่ลอยในอากาศมาทำให้ฟิล์มเป็นฟองอากาศ
ช่างบอกว่า มีแค่นิดเดียวก็ทำให้เกิดฟองได้
ห้องที่ช่างใช้เป็นห้องกระจก ไม่ได้ติดแอร์ สงสารช่าง แต่ไม่รู้ว่า ถ้าติดแอร์แล้วจะมีผลกับการติดฟิล์มหรือเปล่านะคะ
เราลงไปขอถ่ายรูป รู้สึกทั้งร้อน ทั้งอบ เพราะเปิดประตูให้อากาศถ่ายเทไม่ได้ ด้วยเรื่องฝุ่น อย่างที่บอกค่ะ
เราปล่อยให้ช่างทำงานแป็บนึง แล้วก็ลงไปกวนเขา ขอเขาถ่ายรูป
แอบถามว่า รถเราติดยากไหม
ช่างบอกว่า "ตอนติดน่ะ ไม่ยากหรอกครับ เพราะว่า ติดจนชำนาญ แต่ตอนลอกฟิล์มเก่าออกนี่ แล้วแต่ฟิล์มเก่าเลยว่า ติดอะไรมา"
ใช่ค่ะ เราถามต่อ "หมายถึงฟิล์มเก่าเหรอคะ?"
ช่างบอกว่า "ใช่ครับ ฟิล์มมางยี่ห้อลอกออกยากมาก แล้วบางครั้งต้องออกแรงขูดจนทำให้เส้นตัดหมอกของรถขาดด้วย"
แล้วช่างก็ชี้ไปที่รถที่จอดคู่กับรถเรา
รถคันนี้มาก่อน แต่ตอนเราลงไปถ่ายรูป รถคันนี้ยังลอกฟิล์มเก่าไม่เสร็จ ส่วนของเราลอกออกไปหมดแล้ว เหลือแต่กระจกใสๆ
ก็เลยถามช่างว่า "รถเราลอกยากไหมคะ"
ช่างบอกว่า "คันนี้ลอกไม่ยากครับ แป็บเดียว"
ฟิล์มเก่าเราก็ลามิน่าเนี่ยแหละ ต้องยกเครดิตให้พ่อใช่ปะ
หลังจากเราถ่ายรูปเสร็จ ช่างก็เริ่มติดฟิล์มใหม่ หลังจากทำความสะอาดกระจกเรียบร้อย
ส่วนเรา หนีขึ้นห้องรับรองแอร์เย็นๆ เพื่อทำงานรอ
พร้อมกาแฟหอมๆ
ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ก็ลงไปขอถ่ายรูปรถอีกครั้ง ช่างติดตรงที่เป็นประตูเสร็จแล้ว กำลังติดด้านหลังค่ะ
เห็นช่างวางฟิล์มแล้วก็เอาไดร์เป่าผมเป่า เหมือนจะง่าย แต่ไม่น่าใช่
เพราะเราเคยรีดฟิล์มที่เอาไว้หุ้มกระดาษ A4 เพื่อทำเป็นป้ายไว้ติดหน้าตู้หยอดเหรียญของที่บ้าน
ปรากฎว่า..ฟองอากาศขึ้น เต็มมมม ค่ะ
แล้วอันนี้ ใช้ไดร์เป่าผม ที่ลงน้ำหนักมือไปรีดให้เรียบไม่ได้อะ
คุณคิดดู
อึดอัดนะ
แต่เอาเถอะ รถอยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญแล้ว
ไปทำงานต่อดีกว่า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะวันนั้น งานก็ยุ๊ง ยุ่ง
ตามอคติของเรา
"งานยุ่งจังแต่ตังไม่เยอะ"
น้องคนสวยก็มาแจ้งว่า รถเสร็จเรียบร้อย
พร้อมกับ แจ้งว่า
1.ฟิล์มอาจจะมีฟองอากาศเล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายใน 1 อาทิตย์
2.ห้ามลดกระจกลงนับจากวันนี้ ติดต่อกัน 7 วัน
3.เก็บใบรับประกันไว้ในรถ หากเลย 1 อาทิตย์แล้วฟองอากาศไม่หายไปภายใน 7 วัน หรือ ในระยะ 7 ปี นับจากวันที่ติดฟิล์ม ถ้าฟิล์มมีปัญหาจากการติด สามารถแจ้งเคลมประกันได้ทันทีกับคอลล์เซ็นเตอร์
ไม่แน่ใจว่าน้องเขาแจ้งมากกว่านี้ไหม แต่จำได้ประมาณนี้แหละ ใครอยากรู้ก็ตามรอยไปติดเอาละกันค่ะ
เก็บของเสร็จก็ลงมาดูรถ
ถึงรถจะเก่า แต่ก็สวยขึ้นมากมายค่ะ
แต่ว่า....
มองจากนอกรถ ฟิล์มมืด จนแอบคิดว่า จะมืดไปป่าวว้า
แต่ก็มาถึงตรงนี้กลับลำไม่ได้แล้วแหละ
น้องที่เป็นช่างมายืนดูแลความเรียบร้อย จนเราถอยรถออกมาจากโรงติดฟิล์มกันเลยทีเดียวค่ะ
อ้อ! สิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะนำรถไปติดฟิล์มนะคะ
-ล้างรถ
-เก็บของในรถที่ใกล้กระจกทุกบาน ทั้งที่หน้า่ที่นั่งและหลังที่นั่ง และในกระเป๋าที่ประตู เพราะเขาต้องรื้อประตูออกมา ของเราขนาดว่าเก็บไปแล้ว ช่างยังต้องใช้เวลาสักพักในการเก็บของเราเข้าที่ ่รู้สึกเกรงใจมากๆ
ช่างบอกว่า ใช้เวลารื้อประตูมากกว่าเวลาติดฟิล์มซะอีก เพราะเขาต้องติดฟิล์มให้ลึกลงไปในกระจกข้างเพื่อความสวยงามของตัวฟิล์มและกระจกรถด้วยค่ะ
เราก็เพิ่งรู้ครั้งนี้แหละ
EP ต่อไปจะเป็นส่วนของการทดสอบการใช้งานค่ะ
[SR] รีวิวเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ Ep.2
วันที่เข้าไปเปลี่ยนฟิล์ม ขอบอกเลยว่า ตาหูแหก เพราะกลัวไม่ทัน ทั้งไกล ทั้งติด ทั้งไม่ชินทาง
และก็เป็นไปตามความคาดหมาย
หลงที่ปลายทาง
จนได้...
แต่ในที่สุด เราก็ถึงที่หมาย
ศูนย์ติดฟิล์มนี้ ซ่อนตัวอยู่หลังสำนักงานใหญ่ของบริษัทเจ้าของฟิล์มลามมิน่าในประเทศไทย
เป็นโรงกระจก มีห้องรับรองใหพักคอยอยู่ชั้นบน
ไปถึงเรากจอดรถไว้ด้านหน้าโรงกระจก รอให้ช่างติดฟิล์มมานำรถเข้าไปเอง
ส่วนตัวเราก็ไปที่ห้องพักคอยที่ีสิ่งดำนวยความสะดวกครบ ทั้งห้องน้ำ ชา กาแฟ
สักแป๊บนึง น้องพนักงานคนสวยก็มาชวนไปเลือกสีฟิล์ม ที่ด้านหน้าห้องพักคอย
ตรงนี้ มีให้ดู ทุกสี ทุกระดับ ทุกซีรี่ส์
ใหดูเป็นแผ่นใหญ่ๆ บนแผงไฟเบ้อเริ่มเทิ่ม ทำให้พอจะมองออกว่า ติดแล้ว รถจะมืด จะสว่างประมาณไหน เวลามองจากด้านนอกรถ
ชั้นแรก ก็ต้องเลือกว่า จะใช้ฟิล์มเกรดไหน เขาจะมีตั้งแต่เกรดอีโคโนมี หรือ รุ่นเรือธง ที่บุกตลาด ไปจนถึงรุ่นพรีเมี่ยมค่ะ
รุ่นอีโคโนมีก็จะมีคุณสมบัติที่จำเป็นครบ เช่น กันยูวี กันความร้อนจากแสง ส่วนรุ่นพรีเมี่ยม ก็จะเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น การยอมให้สัญญาณจีพีเอสผ่าน มีการเคลือบโลหะเพื่อให้กันยูวี กันความร้อนได้มากขึ้น โดยที่ไม่เสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของคนขับ หรือ มองออกมาแล้วไม่มืดนั่นหละค่ะ ไม่งั้น มีเปิดประตูหรือ เปิดกระจกถอยหลังในที่มืดแน่นอนถ้าติดฟิล์มเข้มมากๆ
อันนี้เป็นเทคนิคของเรานะ รถเราเป็นสีบรอนซ์ เลือกสีโทนไหนก็ได้ แต่ที่ชอบคือโทนเขียวน้ำทะเล อันนี้คิดเองเออเอง เขามีชื่อเป็นทางการ เดี๋ยวไปค้นเอกสารให้ แต่ตอนนี้ ยืดอกพูดได้เลยว่า "จำไม่ได้" ค่ะ
เลือกโทนสีได้แล้ว ก็มาเลือกความเข้มของฟิล์ม
จริงๆ เขามีตัวเลขกำกับให้ตรงฟิล์มที่โชว์อยู่นะคะ
แต่เราขอเลือกตามหลักเกิน แล้วก็ที่ตาเห็นละกัน
เราเลือกฟิล์มรุ่นอีโคโนมี สีโทนเขียว ตัวเลขที่เขียนบนฟิล์ม 50
น้องคนสวยมาสรุปให้ฟัง เพื่อเขียนใบสั่งซื้อ ว่า
"ลูกค้าเลือกรุ่น POP Series สีโทนเขียว เบอร์ ...... นะคะ "
แล้วน้องเขาก็ชี้ที่ฟิล์มตามที่เลือก
หลังจากนั้น ก็เซ็นชื่อในใบสั่งซื้อ
แล้วน้องก็ลงไปส่งงานต่อให้ทีมช่าง
ทีมช่างก็ไปเลื่อนรถเราเข้ามาในอาคาร
เห็นเขาบอกว่า ที่ต้องติดในอาคารเพราะว่าจะได้ไม่มีฝุ่นที่ลอยในอากาศมาทำให้ฟิล์มเป็นฟองอากาศ
ช่างบอกว่า มีแค่นิดเดียวก็ทำให้เกิดฟองได้
ห้องที่ช่างใช้เป็นห้องกระจก ไม่ได้ติดแอร์ สงสารช่าง แต่ไม่รู้ว่า ถ้าติดแอร์แล้วจะมีผลกับการติดฟิล์มหรือเปล่านะคะ
เราลงไปขอถ่ายรูป รู้สึกทั้งร้อน ทั้งอบ เพราะเปิดประตูให้อากาศถ่ายเทไม่ได้ ด้วยเรื่องฝุ่น อย่างที่บอกค่ะ
เราปล่อยให้ช่างทำงานแป็บนึง แล้วก็ลงไปกวนเขา ขอเขาถ่ายรูป
แอบถามว่า รถเราติดยากไหม
ช่างบอกว่า "ตอนติดน่ะ ไม่ยากหรอกครับ เพราะว่า ติดจนชำนาญ แต่ตอนลอกฟิล์มเก่าออกนี่ แล้วแต่ฟิล์มเก่าเลยว่า ติดอะไรมา"
ใช่ค่ะ เราถามต่อ "หมายถึงฟิล์มเก่าเหรอคะ?"
ช่างบอกว่า "ใช่ครับ ฟิล์มมางยี่ห้อลอกออกยากมาก แล้วบางครั้งต้องออกแรงขูดจนทำให้เส้นตัดหมอกของรถขาดด้วย"
แล้วช่างก็ชี้ไปที่รถที่จอดคู่กับรถเรา
รถคันนี้มาก่อน แต่ตอนเราลงไปถ่ายรูป รถคันนี้ยังลอกฟิล์มเก่าไม่เสร็จ ส่วนของเราลอกออกไปหมดแล้ว เหลือแต่กระจกใสๆ
ก็เลยถามช่างว่า "รถเราลอกยากไหมคะ"
ช่างบอกว่า "คันนี้ลอกไม่ยากครับ แป็บเดียว"
ฟิล์มเก่าเราก็ลามิน่าเนี่ยแหละ ต้องยกเครดิตให้พ่อใช่ปะ
หลังจากเราถ่ายรูปเสร็จ ช่างก็เริ่มติดฟิล์มใหม่ หลังจากทำความสะอาดกระจกเรียบร้อย
ส่วนเรา หนีขึ้นห้องรับรองแอร์เย็นๆ เพื่อทำงานรอ
พร้อมกาแฟหอมๆ
ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ก็ลงไปขอถ่ายรูปรถอีกครั้ง ช่างติดตรงที่เป็นประตูเสร็จแล้ว กำลังติดด้านหลังค่ะ
เห็นช่างวางฟิล์มแล้วก็เอาไดร์เป่าผมเป่า เหมือนจะง่าย แต่ไม่น่าใช่
เพราะเราเคยรีดฟิล์มที่เอาไว้หุ้มกระดาษ A4 เพื่อทำเป็นป้ายไว้ติดหน้าตู้หยอดเหรียญของที่บ้าน
ปรากฎว่า..ฟองอากาศขึ้น เต็มมมม ค่ะ
แล้วอันนี้ ใช้ไดร์เป่าผม ที่ลงน้ำหนักมือไปรีดให้เรียบไม่ได้อะ
คุณคิดดู
อึดอัดนะ
แต่เอาเถอะ รถอยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญแล้ว
ไปทำงานต่อดีกว่า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะวันนั้น งานก็ยุ๊ง ยุ่ง
ตามอคติของเรา
"งานยุ่งจังแต่ตังไม่เยอะ"
น้องคนสวยก็มาแจ้งว่า รถเสร็จเรียบร้อย
พร้อมกับ แจ้งว่า
1.ฟิล์มอาจจะมีฟองอากาศเล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายใน 1 อาทิตย์
2.ห้ามลดกระจกลงนับจากวันนี้ ติดต่อกัน 7 วัน
3.เก็บใบรับประกันไว้ในรถ หากเลย 1 อาทิตย์แล้วฟองอากาศไม่หายไปภายใน 7 วัน หรือ ในระยะ 7 ปี นับจากวันที่ติดฟิล์ม ถ้าฟิล์มมีปัญหาจากการติด สามารถแจ้งเคลมประกันได้ทันทีกับคอลล์เซ็นเตอร์
ไม่แน่ใจว่าน้องเขาแจ้งมากกว่านี้ไหม แต่จำได้ประมาณนี้แหละ ใครอยากรู้ก็ตามรอยไปติดเอาละกันค่ะ
เก็บของเสร็จก็ลงมาดูรถ
ถึงรถจะเก่า แต่ก็สวยขึ้นมากมายค่ะ
แต่ว่า....
มองจากนอกรถ ฟิล์มมืด จนแอบคิดว่า จะมืดไปป่าวว้า
แต่ก็มาถึงตรงนี้กลับลำไม่ได้แล้วแหละ
น้องที่เป็นช่างมายืนดูแลความเรียบร้อย จนเราถอยรถออกมาจากโรงติดฟิล์มกันเลยทีเดียวค่ะ
อ้อ! สิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะนำรถไปติดฟิล์มนะคะ
-ล้างรถ
-เก็บของในรถที่ใกล้กระจกทุกบาน ทั้งที่หน้า่ที่นั่งและหลังที่นั่ง และในกระเป๋าที่ประตู เพราะเขาต้องรื้อประตูออกมา ของเราขนาดว่าเก็บไปแล้ว ช่างยังต้องใช้เวลาสักพักในการเก็บของเราเข้าที่ ่รู้สึกเกรงใจมากๆ
ช่างบอกว่า ใช้เวลารื้อประตูมากกว่าเวลาติดฟิล์มซะอีก เพราะเขาต้องติดฟิล์มให้ลึกลงไปในกระจกข้างเพื่อความสวยงามของตัวฟิล์มและกระจกรถด้วยค่ะ
เราก็เพิ่งรู้ครั้งนี้แหละ
EP ต่อไปจะเป็นส่วนของการทดสอบการใช้งานค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น