👿👿👿
เดินทางมาถึง season ที่ 4 แล้วสำหรับซีรี่ส์สุดฮ็อตจาก Netflix ที่ชื่อว่า Stranger Things ซึ่งใน Season ที่ 3 เหมือนจะจบ แต่ก็ไม่จบ มี season ที่ 4 ต่อมาให้ดูอีก โดย ss นี้แบ่งเป็น 2 Volume ใน part แรก จะมี 7 ตอน และใน part ที่ 2 จะมีอีก 2 ตอน ซึ่งแต่ละตอนมีความยาวเพิ่มมากขึ้นจากที่เคยยาวประมาณ 45 นาทีต่อ 1 ตอน กลายมาเป็นประมาณชั่วโมงนึงต่อหนึ่งตอน 


👿👿👿
ใน ss นี้ เล่าเรื่องราวหลังจากการต่อสู้ที่สตาร์คอร์ตมอลล์ แก๊งเด็กประจำฮอว์กินส์ต่างก็แยกย้ากันไป แอล ย้ายไปอยู่กับจอยซ์ แม่ของวิลและโจนาธานที่เมืองแคลิฟอร์เนีย ทำให้เธอต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วง โดยที่เธอไร้พลังพิเศษโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันแก๊งฮอว์กินส์ นำโดยดัสติน สตีฟ แนนซี โรบิน ลูคัส และแม็กซ์ จะต้องช่วยกันไขปริศนาฆาตรกรต่อเนื่อง ที่ตำรวจมุ่งเป้าที่เอ็ดดี้ ซึ่งแท้จริงแล้ว การฆาตรกรรมที่โหดเหี้ยมเหนือธรรมชาตินั้นเป็นฝีมือของอสูรร้ายตัวใหม่ที่ชื่อว่า “เวคน่า” ส่วนจิม ฮอปเปอร์ที่ถูกขังอยู่ในคุกรัสเซียตั้งแต่ซีซั่น 3 ก็พยายามแหกคุกอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องมาปะทะกับปีศาจตัวเดิมอีกครั้ง ในขณะที่จอยซ์และเมอร์เรย์ ก็กำลังหาทางไปช่วยจิม ให้รอดพ้นจากคุกโหด และแอลได้ถูกดร. โอเวนส์ จับไปที่ห้องแล็บฮอว์กินส์อีกครั้ง เพื่อทำการทดลอง รื้อฟื้นพลังอันแข็งแกร่งของเธอให้กลับมา ซึ่งแอลได้พบกับความจริงที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน


👿👿👿
เรื่องย่อค่อนข้างยาวใช่ไหมครับ เป็นเพราะว่าใน ss 4 นี้ เหล่าตัวละครของเรื่องได้ถูกจับแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แต่ก็มีส่วนที่เข้ามาเกี่ยวโยงกันอยู่ ทำให้การเดินเรื่องต้องถูกแบ่งสรรปันส่วนให้กับทุกกลุ่ม เพราะเรื่องราวของแต่ละกลุ่ม สุดท้ายแล้วก็จะถูกจับขมวดรวมมาสรุปที่จุดเดียวกัน ซึ่งด้วยการที่เรื่องราวมันถูกแบ่งไปเป็นหลักๆ 3 ทาง มันเลยทำให้การปูเรื่องเพื่อจะพาเราไปถึงสิ่งที่ซี่รี่ส์ต้องการในช่วงแรกมันนานพอสมควร กว่าจะจุดติดก็เหมือนรถเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้เวลาในการเร่งเครื่องพอสมควร


👿👿👿
แต่ก็ใช่ว่าการปูเรื่องยาวๆ ของ ss นี้จะเป็นผลเสีย เพราะว่าพอดูไปเรื่อยๆ เราจะรู้ว่าทำไมเนื้อเรื่องถึงต้องพูดไปถึงสิ่งต่างๆ มากมายขนาดนั้น เพราะสุดท้ายแล้วเนื้อหาที่เยอะนั่นแหละ กลายเป็นดีเทลที่มาขมวดปมให้กับบทสรุปของ ss นี้ได้อย่างละเอียดครบถ้วน แถมยังปูทางไปสู่ ss ต่อไปได้อย่างไม่น่าเกลียด ซึ่งต่างจากบางเรื่องที่ ss หลังๆ จะเริ่มเหมือนยัดเยียดเรื่องราวเข้ามาให้คนดูเพื่อที่จะสร้างภาคต่อให้ได้ แต่กับ Stranger Things นี่ไม่ใช่


👿👿👿
ใน ss นี่เราจะได้เห็นการเจริญเติบโตของตัวละครในเรื่องทุกตัวละคร โดยเฉพาะแก๊งเด็กน้อยแห่ง Hawkins ที่เคยเป็นเด็กวิ่งเล่นซนแก่น เราจะเห็นความเป็นผู้ใหญ่ที่โตไปกับเนื้อหาของเรื่องราว พัฒนาการทางด้านอารมณ์และความคิดที่ดูเป็นหนังผู้ใหญ่มากขึ้น ตัวละครแต่ละคนจะเริ่มมีคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดมากขึ้น และมีบทบาทในเรื่องมากขึ้นไม่เว้นแม้แต่บทบาทที่จะออกแนวทางด้านของซีนดราม่าแสดงอารมณ์


👿👿👿
ใน ss นี้ ตัวละครที่ผมยกให้เป็น MVP เลยคือ ตัว เวคน่า สัตว์ประหลาดของเรื่องที่ดูจะแข็งแกร่งไปทุกส่วน เหตุและผลของความแค้นที่ เวคน่า กลับมาถล่ม Hawkins จนยับเยินมันมีเหตุและผลมีมาสนับสนุนในการกระทำนั้นอยู่ในตัวมันเอง และ เวคน่า ก็คือปมที่ก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ ss แรก จนถึง ss นี้ด้วย แต่อีกคนที่ต้องยกให้เป็น MVP แต่เป็นช่วงท้าย คือตัวละคร เอ็ดดี้ มันสัน ที่ต้องบอกว่า บทสรุปของ เอ็ดดี้ นี่โคตรเท่ไม่ต่างจากพระเอกของ season นี้เลยทีเดียว


👿👿👿
สำหรับ ss นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีตัวสัตว์ประหลาดออกมาให้เห็นเยอะเหมือน ss ก่อนๆ แต่แค่การออกมาของ เวคน่า ตัวเดียวในแต่ละครั้ง ก็โหดและสยองขวัญอย่างเต็มที่สุดๆ ซึ่งคนดูก็ต้องลุ้นตามไปด้วยว่าทีมงานคุณภาพของเหล่าเด็กน้อย จะจัดการได้ยังไง ไหนจะยังต้องลุ้นให้ทุกคนกลับมาเจอรวมตัวกันที่ Hawkins ให้ได้อีก ซึ่งเรื่องราวของทั้ง 3 กลุ่มที่ถูกแบ่งบทบาทกันไป มันก็กลับมาพบเจอกันในตอนท้ายได้อย่างสวยงาม รอดู ss5 ซึ่งตามข่าวว่าจะเป็น ss สุดท้ายปิดจบแล้วครับ 

ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai