จากที่ตามๆหาๆดูในโซเชียล รู้สึกว่าองค์กรการกุศลที่เน้นจัดกิจกรรมสาธารณะโดยตรง
เช่น บ้านเด็กกำพร้า บ้านคนพิการ กลุ่มดูแลคนเร่ร่อน โรงทาน กลุ่มดูแลผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มช่วยเหลืออุบัติภัยในชุมชน ฯลฯ
รู้สึกว่าที่ทำในนามวัดพุทธหรือองค์กรพุทธเถรวาทถือว่ามีน้อยหรือเปล่าครับ เมื่อเทียบกับศาสนาอื่น
วัดทั่วประเทศไทยมี 40,000 กว่าแห่ง แต่ทำไมหาดูชื่อบ้านเด็กกำพร้าแล้วมีพอๆกับศาสนาอื่นเลย ถือว่าสัดส่วนน้อยไปหรือเปล่าครับ
คือเหมือนจะโปรโมทสู้ศาสนาคริสต์ อิสลาม หรือแม้กระทั่งศาลเจ้าไม่ได้
ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะบอกว่าพระสงฆ์ที่ฝักใฝ่ในการงานทางโลกจะทำให้เนิ่นช้าในการปฏิบัติ
แต่โลกก็เปลี่ยนแปลงไปมาก พระท่านสามารถหาแนวร่วมที่เป็นฆราวาสมาช่วยบริหารจัดการได้โดยใช้เวลาไม่ต้องมาก มีเทคโนโลยีช่วย
จริงๆพระที่ท่านทำงานการกุศลเพื่อสังคมจริงๆก็คงมีเยอะแต่รูปแบบก็ไม่ชัดเจน ไม่มีพลังรวมเป็นองค์กรที่จะดึงดูดคนจำนวนมากได้
(คงต้องรอเป็นเจ้าอาวาสมั้ง ซึ่งพอได้เป็นก็แก่หมดแรงแล้ว หรือไม่ก็ต้องหาเงินได้มากๆซึ่งก็ยากสำรับพระหนุ่มที่ไม่อวดอิทธิปาฏิหาริย์)
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพระสงฆ์จะเข้าถึงจิตใจคนทั่วไปได้ลำบากขึ้นหรือเปล่าครับ
ไปอ่านดูคอมเมนต์เวลาที่มีคลิปพระสงฆ์ทำเรื่องฉาวโฉ่ก็มีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่บอกว่าดีใจที่ไม่เคยทำบุญกับพระเลย
แต่ดีใจที่ไปทำบุญกับองค์กรการกุศลที่เห็นผลงานเป็นเนื้อเป็นหนังแทน
ในขณะที่ทำบุญกับวัด ภาพจำมันกลายเป็นว่าเงินทำบุญงอกเป็นโบสถ์เจดีย์ งอกเป็นรูปหลวงปู่ งอกเป็นรูปจิตรกรรม งอกเป็นท้าวเวสสุวรรณแทน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนที่ยังเป็นคนอยู่ในโลกจะได้ใช้ประโยชน์อะไร
แบบนี้ชักจูงใจคนลำบากครับ เทียบกับศาสนาอื่นแล้ว จะสู้เค้าได้ยังไง
องค์กรสาธารณกุศลในนามวัดพุทธ มีน้อยเกินไปหรือเปล่าครับ
เช่น บ้านเด็กกำพร้า บ้านคนพิการ กลุ่มดูแลคนเร่ร่อน โรงทาน กลุ่มดูแลผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มช่วยเหลืออุบัติภัยในชุมชน ฯลฯ
รู้สึกว่าที่ทำในนามวัดพุทธหรือองค์กรพุทธเถรวาทถือว่ามีน้อยหรือเปล่าครับ เมื่อเทียบกับศาสนาอื่น
วัดทั่วประเทศไทยมี 40,000 กว่าแห่ง แต่ทำไมหาดูชื่อบ้านเด็กกำพร้าแล้วมีพอๆกับศาสนาอื่นเลย ถือว่าสัดส่วนน้อยไปหรือเปล่าครับ
คือเหมือนจะโปรโมทสู้ศาสนาคริสต์ อิสลาม หรือแม้กระทั่งศาลเจ้าไม่ได้
ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะบอกว่าพระสงฆ์ที่ฝักใฝ่ในการงานทางโลกจะทำให้เนิ่นช้าในการปฏิบัติ
แต่โลกก็เปลี่ยนแปลงไปมาก พระท่านสามารถหาแนวร่วมที่เป็นฆราวาสมาช่วยบริหารจัดการได้โดยใช้เวลาไม่ต้องมาก มีเทคโนโลยีช่วย
จริงๆพระที่ท่านทำงานการกุศลเพื่อสังคมจริงๆก็คงมีเยอะแต่รูปแบบก็ไม่ชัดเจน ไม่มีพลังรวมเป็นองค์กรที่จะดึงดูดคนจำนวนมากได้
(คงต้องรอเป็นเจ้าอาวาสมั้ง ซึ่งพอได้เป็นก็แก่หมดแรงแล้ว หรือไม่ก็ต้องหาเงินได้มากๆซึ่งก็ยากสำรับพระหนุ่มที่ไม่อวดอิทธิปาฏิหาริย์)
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพระสงฆ์จะเข้าถึงจิตใจคนทั่วไปได้ลำบากขึ้นหรือเปล่าครับ
ไปอ่านดูคอมเมนต์เวลาที่มีคลิปพระสงฆ์ทำเรื่องฉาวโฉ่ก็มีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่บอกว่าดีใจที่ไม่เคยทำบุญกับพระเลย
แต่ดีใจที่ไปทำบุญกับองค์กรการกุศลที่เห็นผลงานเป็นเนื้อเป็นหนังแทน
ในขณะที่ทำบุญกับวัด ภาพจำมันกลายเป็นว่าเงินทำบุญงอกเป็นโบสถ์เจดีย์ งอกเป็นรูปหลวงปู่ งอกเป็นรูปจิตรกรรม งอกเป็นท้าวเวสสุวรรณแทน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนที่ยังเป็นคนอยู่ในโลกจะได้ใช้ประโยชน์อะไร
แบบนี้ชักจูงใจคนลำบากครับ เทียบกับศาสนาอื่นแล้ว จะสู้เค้าได้ยังไง