มิตรรัก นักแฟนตาซี : SS4 EP1 เปิดซีซันใหม่ ด้วยข้อควรทราบก่อนจัดทีมชุดแรก

อาจจะต้องสวัสดีทักทาย และเกริ่นที่มาก่อน กับ “มิตรรัก นักแฟนตาซี” ที่ปกติผมจะเขียนเกี่ยวกับแฟนตาซีฟุตบอล โดยเน้นหนักไปที่ Fantasy Premier League หรือ FPL ทางเว็บไซต์ The Macho ตลอด 3 ซีซัน โดยจะมีมาแปะลงใน Pantip ด้วย เพิ่งจะมาไม่ลงที่นี่ราวๆ ครึ่งซีซันหลังที่ผ่านมา เพราะภาระหน้าที่การงานรัดตัว

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทาง The Macho ปรับเปลี่ยนรูปแบบคอนเทนท์ ทำให้ผมต้องหาที่ลงบทความ “มิตรรัก นักแฟนตาซี” นี้ให้เป็นหลักแหล่งใหม่ จึงกลับมายึด Pantip ที่น่าจะเหมาะกับบทความยาวประกอบรูปมากที่สุด เป็นหัวหาด ขอมาเริ่ม EP1 สำหรับ Season 4 กันตรงนี้

เมื่อซีซันพรีเมียร์ลีกกำลังจะเริ่ม FPL ก็กลับมาให้ร่วมสนุกเช่นเคย

เนื้อหาของบทความจะยังคงมี แนะนำนักเตะทีเด็ดแต่ละ Gameweek, สรุปผลงานและจัดทีมของผมให้ดู รวมถึงอัปเดตความเป็นไปของ The.Macho League มินิลีกที่ผมดูแล ก้าวเข้าสู่ซีซันที่ 4 ซึ่งปีนี้ ผมจัดแจงมอบรางวัลเอง โดยขอยืมแค่ชื่อเดิมจาก The Macho มาใช้เท่านั้น

สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับ FPL หรือไม่ได้เล่นนานจนลืม ผมเคยอัปเดตวิธีการเล่น และรูปแบบหลักของเกมไว้เมื่อซีซันที่แล้ว ถึง UI ของ FPL จะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไอเดียหลักต่างๆ ยังเหมือนเดิม ย้อนไปอ่านกันได้ >> คลิกที่นี่เลย <<

** สิ่งควรทราบก่อนเลือกตัวซีซันใหม่ **

แม้กติกาหลัก และการคิดคะแนนของ FPL จะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่ก็มีปัจจัยที่น่าสนใจ และน่าจะส่งผลต่อการจัดตัวชุดแรกของกุนซือแฟนตาซีอยู่หลายอย่างที่ควรทราบ ซึ่งเราจะไปไล่เรียงกันเต็มๆ ใน EP นี้

เปลี่ยนตัวฟรี ช่วงบอลโลก

อย่างแรกที่ต้องทราบเลยสำหรับซีซัน 2022/23 นั่นคือทาง FPL ประกาศชัดเจนในกฎ (ดูใน Help >> Rules >> Transfer) ว่าช่วงที่พรีเมียร์ลีกต้องพักเพื่อหลีกทางให้ฟุตบอลโลก ช่วงประมาณ 12 พ.ย. (หลังเดดไลน์ GW16) ถึง 26 ธ.ค. (ก่อนเดดไลน์ GW17) คุณสามารถเปลี่ยนตัวได้ฟรีแบบไม่จำกัด เปรียบเสมือนมี Wildcard งอกเพิ่มมาอีกใบ

ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ผ่ามาแข่งกลางซีซัน และ FPL ก็มอบ Unlimited Transfer มารองรับด้วย

ที่สำคัญ Wildcard ใบแรก จะใช้ได้จนถึงก่อนเดดไลน์ GW16 พอดิบดีด้วยเช่นกัน นั่นจึงหมายความว่า คุณควรวางแผนใช้ Wildcard ใบแรกก่อนหน้านั้น เพราะยิ่งใช้ช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะใกล้กับสิทธิ์เปลี่ยนตัวไม่จำกัดช่วงฟุตบอลโลก ซึ่งอาจทำให้คุณเสียเปรียบ หากอยากจะปรับทีมตามโปรแกรมที่เปลี่ยน หรือเรียกกันว่าช่วงโปรแกรมเทิร์น (ทีมมีช่วงโปรแกรมโหดมาเป็นง่าย หรือง่ายมาเป็นโหด) บางที GW8-10 ก็อาจจะใช้ได้แล้ว

สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากในการวางแผนครึ่งซีซันแรก เพราะมันยืดหยุ่นให้คุณใช้ Wildcard ใบแรกได้เร็วกว่าที่ควรเป็น การวางแผนระยะสั้น-กลาง ย่อมทำได้ชัดเจนขึ้น และส่งผลต่อการเล่นเสี่ยง หรือเพลย์เซฟ ตั้งแต่แรกด้วยเช่นกัน ทดข้อนี้ไว้ในใจ เพื่อลองประกอบกับปัจจัยในข้อต่อๆ ไป

ซีซันเริ่มเร็ว และตลาดยังไม่ปิด

ต่อเนื่องจากหัวข้อแรก ฟุตบอลโลกที่ผ่ามากลางซีซัน ก็ส่งผลกระทบในแง่เสียเหมือนกัน นั่นคือพรีเมียร์ลีกต้องเริ่มซีซันเร็วกว่าที่เคย โม่แข้งกันตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. ซึ่งส่งผลกระทบชัดเจนต่อการเตรียมทีม และความฟิตของนักเตะ ยังไม่รวมกับโปรแกรมที่จะเตะถี่ขึ้น เพื่อรองรับการเว้นแข่งในเดือน พ.ย. - ธ.ค. อีก

เชลซี ตัวอย่างทีมที่ยังง่วนอยู่กับการเสริมทีม แม้ซีซันกำลังจะเริ่มอยู่ไม่กี่วันแล้ว

นอกจากนั้น ตลาดซื้อขายนักเตะรอบซัมเมอร์ปีนี้ จะไปปิดลง 1 ก.ย. หรือหลังจากซีซันเริ่มเตะไปเกือบ 1 เดือน (ผ่านไปแล้ว 5GW ใน FPL) ความเปลี่ยนแปลงในการจัดทีม และการเรียกความฟิตของนักเตะที่ย้ายมาร่วมทีมทีหลัง จึงมีผลด้วยเช่นกัน อย่างเชลซี ที่ปัจจุบันยังคงควานหาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมาเสริมทีม แม้ซีซันกำลังจะเปิดอยู่ไม่กี่วัน กว่าจะตกลงค่าตัว เซ็นสัญญา และเริ่มมาซ้อม อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ถึงจะพร้อมปรับลงเล่นจริง

ช่วงต้นซีซัน 3-5 นัดแรก จึงค่อนข้างมีความสำคัญในการดูเชิง และความพร้อมของแต่ละทีม ปัจจัยนี้จึงมีผลต่อการเลือกทีม และการวางแผนใช้ Wildcard ใบแรก ที่พูดถึงในหัวข้อด้านบนอีกด้วย

ความฟิตจากพรีซีซัน

นอกเหนือจากเรื่องซีซันเปิดเร็ว และตลาดซื้อขายปิดช้า ความพร้อมจากพรีซีซันก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเราเพิ่มเติมข้อมูลแต่ละทีมได้ แต่ก็มีข้อควรระวัง โฟกัสให้ถูกจุด อย่าโดนภาพลวงตาของฟอร์มที่เปรี้ยงปร้างชั่วคราวของนักเตะหลอกลวงเอา

ดไวท์ แม็คนีลล์ ปีกตัวใหม่ ลงเล่นให้เอฟเวอร์ตัน 30 นาที ยิง 2 ประตูทันที

ยกตัวอย่างซัก 2-3 เคส เช่น แม็คนีลล์ที่เพิ่งย้ายจากเบิร์นลีย์ซบเอฟเวอร์ตัน ผลงานเด่นมากในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย ยิง 2 ประตู แต่ถ้ามองภาพรวม เจ้าตัวเพิ่งลงแค่ 30 นาทีเท่านั้น เพราะย้ายมาช้า มันจึงไม่ได้การันตีว่าเขาจะถูกเลือกสตาร์ทใน 1-2 เกมแรกทันทีทันใด

เคสต่อไปขอพูดถึงแมนฯ ซิตี้ ที่หลายคนแอบมอง โดยเรือใบสีฟ้า อุ่นเครื่องน้อยมากแค่ 2 นัด ก่อนมาแพ้ลิเวอร์พูลในคอมมูนิตี้ ชิลด์ เมื่อวันเสาร์ แนวรุกเลือกใช้ กรีลิช-ฮาลันด์-มาห์เรซ เล่นร่วมกัน ซึ่งทำผลงานไม่เด่นเท่าไหร่ กลับกลายเป็นโฟเด้น-อัลวาเรซ ที่ลงมาเป็นสำรองทำผลงานดูดีกว่า แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืม คืออัลวาเรซลงพรีซีซันสำรองซะเยอะ แถมเพิ่งย้ายมา ส่วนโฟเด้น ไม่ได้เดินทางไปพรีซีซันที่อเมริกาด้วย เพิ่งจะลงเล่นกับทีมก็ในคอมมูนิตี้ ชิลด์ นี่เอง ใครฟอร์มดี ฟอร์มแย่ในนัดล่าสุด จึงไม่อาจการันตีว่าเป๊บจะเลือกตัวตามนั้น

ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงตัวใหม่ที่คึกคักของหงส์แดง ก็ใช่ว่าจะการันตีตำแหน่งตัวจริงแต่แรก

หรือมาดูลิเวอร์พูล นูนเญซทำผลงานได้ยอดเยี่ยม พรีซีซันมียิง 4 ประตูกับไลป์ซิก และเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ก็เปลี่ยนลงมายิงประตูปิดกล่องได้ แต่ฟิร์มิโน่เองก็ฟิตสมบูรณ์ดี และได้โอกาสเล่นกับทีมชุดหลักในพรีซีซันมาก่อนนูนเญซตลอด ความเสี่ยงว่าคล็อปป์จะเลือกใช้ใคร ด้วยสไตล์ที่ต่างกัน จึงยังเป็นเครื่องหมายคำถาม ให้ฟันธงยังยาก

ดังนั้นจะเห็นว่า การส่องฟอร์มนักเตะที่เปรี้ยงปร้างในพรีซีซันแค่บางนัด อาจจะมีความสำคัญน้อยกว่า การดูภาพรวมเรื่องความฟิต และรูปแบบการจัดทีมของกุนซือแต่ละคน ถ้าเปรี้ยงปร้างด้วย ซ้อมกับทีมมาตลอดด้วย และลงพรีซีซันสม่ำเสมอด้วย อย่างเฆซุส ก็ว่าไปอย่าง ควรประเมินให้ดีว่าคุณแบกรับความเสี่ยงได้แค่ไหน

การเปลี่ยนตัวได้ 5 คน

ถึงจะมาช้ากว่าลีกชั้นนำยุโรปลีกอื่น (จนล่าสุดเค้าประกาศให้เป็นกฎใช้ทั่วโลกไปซะแล้ว) แต่การเปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน จะเริ่มถูกใช้ในพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการในซีซันนี้เสียที

ขนาดเปลี่ยนได้ 3 ตัว คอนเต้ยังถอดวิงแบ็คออกตลอด นี่เปลี่ยนได้ 5 แล้วจะเหลือหรอ?

การเปลี่ยนตัวได้เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้กุนซือแต่ละทีม ปรับกลยุทธ์ในเกมนั้น หรือหมุนเวียนโรเตชันนักเตะได้มากขึ้น โดยเฉพาะทีมใหญ่ที่มีสรรพกำลังครบครันทั้งตัวจริง และสำรอง นักเตะที่มักจะถูกถอดออก จึงอาจจะโดนหางเลขเร็วขึ้น หรือบ่อยขึ้น

นักเตะตัวจริงที่เราเลือก อาจจะสุ่มเสี่ยงเล่นไม่ถึง 60 นาที หรือมี game time น้อยกว่าเดิม (อย่างวิงแบ็คของสเปอร์) กลับกันตัวสำรองพวกโจ๊กเกอร์ หรือตัวที่ถูกใช้ประจำ ก็มีโอกาสมีแต้มติดไม้ติดมือมากขึ้น เป็นเหรียญ 2 ด้าน ที่เราควรเอาไปพิจารณาด้วย

โครงสร้างราคานักเตะเปลี่ยน

จุดนึงที่น่าสนใจของ FPL ในซีซันนี้ คือมีการปรับโครงสร้างราคาพอสมควรเลย ผู้รักษาประตูจากเดิมที่พรีเมียมจะราคา 6.0 ล้านปอนด์ ก็ขยับลงมาเหลือ 5.5, กองหลังที่น่าจะขยับราคาสูงขึ้น ก็ดูจะกดเพดานให้น้อยกว่าที่คาด (เช่น เทรนท์ 7.5, เจมส์ 6.0), แดนกลางก็เหมือนจะตั้งต้นกันที่ 5.0 หาตัว 4.5 แบบเดิมแทบไม่มีแล้ว เป็นต้น

โครงสร้างราคาที่เห็นชัดคือโกล์พรีเมียมอย่างเอแดร์สัน หรืออลิสซง ราคาแค่ 5.5 ล้านปอนด์

วัตถุประสงค์การปรับของ FPL ก็มีการคาดการณ์ต่างๆ นานา บ้างก็ว่าจะทำให้ผู้เล่นมือใหม่เล่นได้ง่ายขึ้น บ้างก็ว่ามีการปรับให้ราคาสมดุลขึ้น เล่นแผนได้หลากหลายมากขึ้น

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันค่อนข้างชัดเจนว่ามันดึงดูดให้เราเลือกตัวทีมใหญ่ หรือตัวพรีเมียมมากขึ้น ส่งผลถึงการเลือกตัวทิ้งที่อาจจะสูงขึ้น ซึ่งต้องเอามาประมวลผลรวมกับปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้ได้ส่วนผสมทีมที่ดีที่สุดในความคิดของเรา เสี่ยงมาก-น้อยก็ควรจะตัดสินใจให้แน่วแน่ และวางแผนล่วงหน้า

(ขออนุญาตต่อส่วนทีมดราฟท์ และ The.Macho League ในคอมเมนท์)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่