สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เราขอแสดงความเห็นจากมุมมองของสิงคโปร์อย่างเดียว เพราะเราไม่มีข้อมูลทางฮ่องกงค่ะ ใครมีข้อมูลฝั่งฮ่องกงมาแบ่งปันกันได้ค่ะ
1. การจัดสรรประเภทที่อยู่อาศัย
จากสถิติปี 2020 - 78.9% ของที่อยู่อาศัยคือ HDB (ตึกที่อยู่อาศัยที่สร้างโดยรัฐบาล), 20% คือคอนโดมิเนียม (ตึกที่สร้างโดยเอกชน ซึ่งหลายโครงการก็เช่าพื้นที่รัฐบาล 99 หรือ 999 ปี) และอีก 5% คือบ้านเป็นหลังติดพื้นดิน (คนมีที่ดินเก่า) จากตัวเลขพวกนี้เห็นได้ว่าที่อยู่อาศัยหลักของประเทศเป็นของรัฐบาล รัฐบาลเป็นคนสร้าง ออกแบบ บริหาร และจัดการดูแล อะไรใดๆก็ตามที่สร้างด้วยรัฐบาลสิงคโปร์มาตรฐานคือสูงมากอยู่แล้ว เป็นไปยากมากที่ที่อยู่อาศัยแบบห้องโลงศพที่ฮ่องกงจะมีอยู่ในสิงคโปร์ แค่มาตรฐานความสะอาดก็ไม่ผ่านแล้ว
2. ประเภทห้องของที่อยู่อาศัย
โดยปกติแล้ว HDB หรือคอนโดหนึ่งยูนิตจะมีห้องนอน 3 ห้องขึ้นไป เพื่อให้อยู่กับเป็นแบบครอบครัว มีพ่อ แม่ ลูกสองคน อาจจะมีปู่ย่าตายายด้วย ตึกทีเราอยู่ในหนึ่งยูนิตนี่มีตั้งแต่เด็กอนุบาล พ่อแม่วัยทำงาน และปู่ย่าคอยเลี้ยงดูหลาน สำหรับต่างชาติที่ย้ายมาทำงานคนเดียว ถ้าไม่เช่าห้องนอนใน HBD และแชร์ส่วนกลางร่วมกับคนอื่นก็ต้องไปเช่าคอนโดมิเนียมห้อง Studio ซึ่งคอนโดแบบห้องเดียวมีปริมาณน้อยมากและราคาแพง เริ่มต้นประมาณเดือนละ 75,000 บาทต่อเดือน เราวิเคราะห์ได้ว่าจากการที่หนึ่งยูนิตถูกออกแบบให้มีหลายห้อง มันเลยทำให้อัดจำนวนประชาชนต่อยูนิตได้มากขึ้น
3. กฎหมายการซื้อที่อยู่อาศัย
คนที่สามารถซื้อ HDB ได้มีเพียงแค่คนที่ถือสัญชาติสิงคโปร์กับต่างชาติที่ได้บัตรพำนักระยะยาว (PR) เท่านั้น คนไทยแต่งงานกับคนสิงคโปร์โดยที่ยังไม่ได้ PR ก็ใส่ชื่อเป็นเจ้าของห้องไม่ได้ ถ้าเป็นต่างชาติอยากซื้ออสังหาริมทรัย์ สามารถซื้อได้คอนโดมิเนียม หรือบ้านติดพื้นดินที่เกาะ Sentosa (ลองคำนวณเล่นๆบ้านหนึ่งหลังราคามากกว่า 450 ล้านบาท) การกำหนดกฎหมายเรื่องซื้อที่อยู่อาศัยแบบนี้เอื้อประโยชน์ให้กับคนสิงคโปร์และรัฐบาลมากๆ
4. บ้านพักคนงาน
รัฐบาลสิงคโปร์และบริษัทเอกชนจัดสรรที่พักอาศัยของแรงงานต่างชาติ เช่น แรงงานบังคลาเทศที่มาทำงานก่อสร้าง ในบริเวณที่ใกล้กับที่ทำงานในเขตอุตสาหกรรม หนึ่งห้องอัดกันอยู่หลายสิบคนก็จริง แต่ก็มีบริเวณให้ทำกิจกรรมได้ด้วย การที่กำหนดสถานที่พักอาศัยของแรงงานเป็นสัดส่วนทำให้แรงงานไม่ต้องออกไปหาที่พักด้านนอกเอง ลดปัญหาอาชญกรรมจากคนต่างชาติ และทำให้สภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยมีระเบียบไม่เละเทะเกินไป ซึ่งก็กลับไปยังข้อหนึ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์มาตรฐานสูงอยู่ดี
ในขณะที่ฮ่องกง... ซึ่งพูดตามตรงว่าเราไม่รู้ เพราะเราไม่ได้อยู่ที่นั่น เราหาข้อมูลคร่าวๆแล้วพบว่าประมาณ 50% ของที่อยู่อาศัยเป็นของเอกชน เราคาดว่าพอจำนวนของที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นของรัฐบาล พอรัฐบาลจะนำไปจัดการก็จะทำได้ยาก เอกชนแต่ละทีก็มีการจัดการที่แตกต่างกันอีกด้วย บวกกับภูมิประเทศของฮ่องกงที่เป็นภูเขา ในขณะที่สิงคโปร์เป็นพื้นที่ราบทำให้ง่ายต่อการสร้างที่อยูอาศัยได้มากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. การจัดสรรประเภทที่อยู่อาศัย
จากสถิติปี 2020 - 78.9% ของที่อยู่อาศัยคือ HDB (ตึกที่อยู่อาศัยที่สร้างโดยรัฐบาล), 20% คือคอนโดมิเนียม (ตึกที่สร้างโดยเอกชน ซึ่งหลายโครงการก็เช่าพื้นที่รัฐบาล 99 หรือ 999 ปี) และอีก 5% คือบ้านเป็นหลังติดพื้นดิน (คนมีที่ดินเก่า) จากตัวเลขพวกนี้เห็นได้ว่าที่อยู่อาศัยหลักของประเทศเป็นของรัฐบาล รัฐบาลเป็นคนสร้าง ออกแบบ บริหาร และจัดการดูแล อะไรใดๆก็ตามที่สร้างด้วยรัฐบาลสิงคโปร์มาตรฐานคือสูงมากอยู่แล้ว เป็นไปยากมากที่ที่อยู่อาศัยแบบห้องโลงศพที่ฮ่องกงจะมีอยู่ในสิงคโปร์ แค่มาตรฐานความสะอาดก็ไม่ผ่านแล้ว
2. ประเภทห้องของที่อยู่อาศัย
โดยปกติแล้ว HDB หรือคอนโดหนึ่งยูนิตจะมีห้องนอน 3 ห้องขึ้นไป เพื่อให้อยู่กับเป็นแบบครอบครัว มีพ่อ แม่ ลูกสองคน อาจจะมีปู่ย่าตายายด้วย ตึกทีเราอยู่ในหนึ่งยูนิตนี่มีตั้งแต่เด็กอนุบาล พ่อแม่วัยทำงาน และปู่ย่าคอยเลี้ยงดูหลาน สำหรับต่างชาติที่ย้ายมาทำงานคนเดียว ถ้าไม่เช่าห้องนอนใน HBD และแชร์ส่วนกลางร่วมกับคนอื่นก็ต้องไปเช่าคอนโดมิเนียมห้อง Studio ซึ่งคอนโดแบบห้องเดียวมีปริมาณน้อยมากและราคาแพง เริ่มต้นประมาณเดือนละ 75,000 บาทต่อเดือน เราวิเคราะห์ได้ว่าจากการที่หนึ่งยูนิตถูกออกแบบให้มีหลายห้อง มันเลยทำให้อัดจำนวนประชาชนต่อยูนิตได้มากขึ้น
3. กฎหมายการซื้อที่อยู่อาศัย
คนที่สามารถซื้อ HDB ได้มีเพียงแค่คนที่ถือสัญชาติสิงคโปร์กับต่างชาติที่ได้บัตรพำนักระยะยาว (PR) เท่านั้น คนไทยแต่งงานกับคนสิงคโปร์โดยที่ยังไม่ได้ PR ก็ใส่ชื่อเป็นเจ้าของห้องไม่ได้ ถ้าเป็นต่างชาติอยากซื้ออสังหาริมทรัย์ สามารถซื้อได้คอนโดมิเนียม หรือบ้านติดพื้นดินที่เกาะ Sentosa (ลองคำนวณเล่นๆบ้านหนึ่งหลังราคามากกว่า 450 ล้านบาท) การกำหนดกฎหมายเรื่องซื้อที่อยู่อาศัยแบบนี้เอื้อประโยชน์ให้กับคนสิงคโปร์และรัฐบาลมากๆ
4. บ้านพักคนงาน
รัฐบาลสิงคโปร์และบริษัทเอกชนจัดสรรที่พักอาศัยของแรงงานต่างชาติ เช่น แรงงานบังคลาเทศที่มาทำงานก่อสร้าง ในบริเวณที่ใกล้กับที่ทำงานในเขตอุตสาหกรรม หนึ่งห้องอัดกันอยู่หลายสิบคนก็จริง แต่ก็มีบริเวณให้ทำกิจกรรมได้ด้วย การที่กำหนดสถานที่พักอาศัยของแรงงานเป็นสัดส่วนทำให้แรงงานไม่ต้องออกไปหาที่พักด้านนอกเอง ลดปัญหาอาชญกรรมจากคนต่างชาติ และทำให้สภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยมีระเบียบไม่เละเทะเกินไป ซึ่งก็กลับไปยังข้อหนึ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์มาตรฐานสูงอยู่ดี
ในขณะที่ฮ่องกง... ซึ่งพูดตามตรงว่าเราไม่รู้ เพราะเราไม่ได้อยู่ที่นั่น เราหาข้อมูลคร่าวๆแล้วพบว่าประมาณ 50% ของที่อยู่อาศัยเป็นของเอกชน เราคาดว่าพอจำนวนของที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นของรัฐบาล พอรัฐบาลจะนำไปจัดการก็จะทำได้ยาก เอกชนแต่ละทีก็มีการจัดการที่แตกต่างกันอีกด้วย บวกกับภูมิประเทศของฮ่องกงที่เป็นภูเขา ในขณะที่สิงคโปร์เป็นพื้นที่ราบทำให้ง่ายต่อการสร้างที่อยูอาศัยได้มากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ทำไมสิงคโปร์ไม่มีปัญหาที่อยู่อาศัยแบบฮ่องกง
1,104 ตารางกิโลเมตร ปชก 7,234,800 ความหนาแน่น 6,544 ต่อตารางกิโลเมตร
คนสิงคโปร์จัดสรรยังไงถึฝมีคอนโดกว้างกว่าฮ่องกง ไม่ต้องไปอยู่บ้านโลงศพแบบคนฮ่องกง