แม้หลายคนจะไม่ชอบทรัมป์ และมองว่าเขามีวงสวิงที่น่าเกลียด แต่กอล์ฟจะเป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาทวงทำเนียบขาวอีกสมัย

กระทู้สนทนา

เช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดนัลด์ เจย์ ทรัมป์ ปรากฏตัวที่ Trump National Golf Club ใน เบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซี สังเวียนการแข่งขันกอล์ฟ Invitational Bedminster ทัวร์นาเมนต์ที่สามของ Liv Golf Series ทรัมป์ ได้รับเกียรติให้เล่นโปร-แอม ร่วมก๊วนกับสองนักกอล์ฟชื่อดัง ดัสติน จอห์นสัน และ ไบรซ์สัน ดีแชมโบ และลูกชายคนสุดท้อง เอริค ทรัมป์ พร้อมคนติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึง อีเวงก้า ลูกสาวและสามี จาเร็ด คุชเนอร์ อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว แน่นอนว่า การปรากฏตัวของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ ย่อมมีความหมายมากกว่าการเป็นแขกคนสำคัญ และในฐานะเจ้าของสนามแห่งนี้ 

หลังทักทายกับบรรดานักกอล์ฟ และพูดคุยกับสื่อในบริเวณสนามไดรฟ ทรัมป์ 
ที่วันนี้มาในชุดกางเกงสีเข้ม เสื้อโปโลสีขาว และหมวกสีแดงสด สีที่เป็นสัญลักษณ์
ของค่ายรีพับลิกัน ซึ่งมีข้อความ Make America Great Again ที่มองเห็นได้แต่ไกล 
เขาไม่รอช้า คว้าไม้กอล์ฟออกมาสวิงอย่างมั่นใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเล่น
โปร-แอม โดยไม่มีความกังวลสักนิดว่า วงสวิงของตนจะดูดีหรือไม่ แม้ว่าเลนข้างหน้า
และข้างหลังของเขา จะมีนักกอล์ฟระดับโลกกำลังซ้อมไดรฟอยู่ก็ตาม
 
ทรัมป์ เป็นหนึ่งในผู้นำโลก ที่ได้ชื่อว่าหลงใหลการเล่นกอล์ฟ ตอนยังทำหน้าที่ในทำเนียบขาว 
นอกจากจะมีกรีนซ้อมพัตต์ในที่ทำงานแล้ว เขาก็มักจะหาโอกาสไปออกรอบอยู่เสมอ ทำให้เขา
มักถูกโจมตีทางการเมืองอยู่บ่อยๆว่า ใช้เวลาอยู่ในสนามกอล์ฟมากกว่าทำเนียบขาว และมักมี
การเปรียบเทียบระหว่างเขากับ บารัค โอบาม่า ซึ่งก็เป็นอดีตประธานาธิบดีอีกคน ที่ชอบกอล์ฟ
เป็นชีวิตจิตใจ

ทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธคำครหาดังกล่าว ว่า “การเล่นกอล์ฟของผมมันก็คือการออกกำลังกาย
เท่านั้นเอง ผมแทบไม่เคยไปเล่นในวันทำงานเลย และการเล่นก็จบในเวลาที่รวดเร็ว โอบาม่า
ต่างหากที่เล่นมากกว่า แถมแต่ละครั้งยังเล่นครบ 18 หลุมอีกด้วย” 

...
 
ครั้งหนึ่ง CNN ได้นำเสนอการรวบรวมข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยเปรียบเทียบการออกรอบตีกอล์ฟ 
ในช่วงสี่ปีเท่ากันของการดำรงตำแหน่ง โดยข้อมูลปรากฏออกมาว่า ทรัมป์ออกรอบตีกอล์ฟทั้งหมด 
266 ครั้ง ขณะที่ โอบาม่าออกรอบจำนวน 98 ครั้ง แต่ CNN ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า 
เป็นการตีกอล์ฟในวันธรรมดา หรือวันหยุด
 
แม้ว่าทรัมป์จะมีวงสวิงที่ไม่ค่อยจะสวยงามนัก เมื่อเทียบจากประสบการณ์การเล่นกอล์ฟมานาน แต่หลายคน
ที่ได้ร่วมเล่นกับเขา ต่างก็บอกเหมือนกันว่า มันเป็นวงสวิงที่ได้ผล แม้ว่าในการเล่นโปร-แอมครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวจาก
บางสื่อ จะค่อนขอดทำนองว่า การเล่นกอล์ฟของทรัทป์ ก็ไม่แตกต่างจากการบริหารประเทศของเขา 
นั่นคือ เร็วแต่หละหลวม 
 
ที่แท่นทีหลุมแรก ทรัมป์ทีออฟเป็นคนที่สุดท้ายของก๊วน หลังจากทีออฟที่หลุมหนึ่งผ่านไปได้อย่าง
เรียบร้อย ทรัมป์หันกลับมาเอ๋ยกับคนติดตามว่า “โล่งอกมากที่ตีออกไปในแฟร์เวย์ได้สำเร็จ” ในหลุมต่อมา 
ซึ่งเป็นหลุมพาร์ 4 หลังจากเขาตีช็อตขึ้นกรีนไปแล้ว แต่ลูกยังไม่ออน เขาก็รีบขับรถกอล์ฟไปยังข้างกรีน
ตรงที่ลูกอยู่ โดยไม่ได้ดูว่าเพื่อนร่วมก๊วนอีกสองคนยังไม่ได้แอพโพรชเลย จนดัสติน จอห์นสัน 
ต้องตะโกนบอกพร้อมโบกมือ เขาจึงถอยรถออกมา นอกจากนั้น สื่อคนเดิมยังรายงานอีกว่า 
ครั้งหนึ่งที่ลูกเขาตกบังเกอร์ แทนที่เจ้าตัวจะตีขึ้นมา แต่เขากลับใช้มือหยิบลูกขึ้นมาวางบนแฟร์เวย์ดื้อๆ 

.......
 
สำหรับคนที่ไม่ชอบทรัมป์เป็นทุนอยู่แล้ว ก็จะบอกได้ว่า นี่ไง นิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร ก็จะเห็นได้จาก
ในสนามกอล์ฟ แต่สำหรับอีกหลายๆคน ก็สามารถเข้าใจได้ว่า นี่คือชายวัย 76 ปี การที่เขายังสามารถ
เล่นกอล์ฟได้อย่างคล่องแคล่ว ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ถึงวงสวิงจะน่าเกลียดบ้าง ก็สามารถมองข้ามไปได้ 
และการที่เขาหยิบลูกออกจากบังเกอร์ ก็มองได้ว่า เขาไม่อยากให้ก๊วนต้องเสียเวลามาก เพราะการเล่น
ลูกจากบังเกอร์ในสนามที่เซ็ตไว้สำหรับการแข่งขันของมืออาชีพนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนสำหรับ
นักกอล์ฟสมัครเล่น นับประสาอะไรกับทรัมป์ ที่วันนี้อายุอานามล่วงเลยมามากแล้ว
 
หลังเสร็จสิ้นการเล่น ไบรซ์สัน ดีแชมโบ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “วันนี้เราไม่คุยการเมืองกัน ที่นี่มันมีแต่เรื่องกอล์ฟเท่านั้น” 
และเขายังกล่าวถึงทรัมป์ต่ออีกว่า
 
“ที่จริงเขาเป็นนักกอล์ฟที่ดีคนหนึ่งเลย ไดรฟลูกเข้ากลางแฟร์เวร์ รวมถึงยังตีเหล็กดีและพัตต์ดีอีกด้วย 
เขามีวงสวิงที่ค่อนข้างรวดเร็ว มันทำให้เขาสามารถทำซ้ำได้ดี ส่วนการวางไลน์พัตต์ของเขานั้น 
ผมก็ไม่อาจเข้าใจได้ แต่มันก็ได้ผลสำหรับเขา” 
 
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไบรซ์สัน มีโอกาสออกรอบกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เขาเคยเล่นด้วยกันมาหลายครั้ง
ที่เซาธ์ ฟลอริดา สนามที่ทรัมป์ออกรอบประจำ ไบรซ์สันยังเล่าให้ฟังว่า ทรัมป์เคยพูดให้เขาฟังว่า 
ไม่มีประธานาธิบดีคนไหนเล่นกอล์ฟเก่งเท่าเขา

...............
 
หลายคนอาจแปลกใจว่า ทำไมทรัมป์ถึงอ้าแขนรับ Liv Golf ยินดีให้ใช้สนามในเครือของเขาจัดการแข่งขัน
ของทัวร์เกิดใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของ PGA Tour ที่เปรียบเหมือนสมบัติประจำชาติของคนอเมริกัน
 
ย้อนไปเมื่อต้นปี 2021 โดย PGA of America ได้ประกาศย้ายสนามจัดการแช่งขันรายการ 2022 PGA Championship 
จากสนาม Trump National Golf Club Bedminston แห่งนี้ ย้ายไปที่ Southern Hills Country Club เมืองทัลซา 
รัฐโอคลาโฮม่า ทั้งที่สนามของทรัมป์ได้ถูกคัดเลือก และเตรียมการล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2014 สร้างความไม่พอใจให้กับทรัมป์มาก 
ซึ่งบริษัทของเขาได้ลงทุนเป็นเงินจำนวนมากและวางแผนที่จะให้สนามของเขา ได้แจ้งเกิดกับรายการกอล์ฟระดับเมเจอร์ 
แต่ทุกอย่างกลับพังทะลายโดยสมาคมกอล์ฟแห่งอเมริกา ซึ่งใช้เหตุผลที่ยึดโยงกับการเมือง
 
........

ในวันที่ 11 มกราคม ปี 2021 องค์กร PGA of America โดยประธาน จิม ริเชอร์สัน ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า 
“เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ ที่ประชุมบอร์ดผู้บริหารของสมาคม ได้มีมติ(ไม่เป็นเอกฉันท์) ยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ รายการ 
2022 PGA Championship ของสนาม ทรัมป์ เบดมินสเตอร์” โดยสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้รายงานเบื้องหลังการตัดสินใจ
ดังกล่าวว่า มีการนัดพบกันระหว่าง เซธ วอห์ ซีอีโอ ของ PGA of America และผู้บริหารระดับสูงบางคนในวันที่ 7 มกราคม 
หลังเกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ประท้วงการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2020 ซึ่งผู้ประท้วงเป็นฝ่าย
ที่สนับสนุนทรัมป์ ได้ทำการบุกยึดรัฐสภา (Capitol Hill) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
 
 
 
ทำไม PGA of America ถึงกล้าตัดสินใจหักดิบเช่นนี้ โดยที่คณะกรรมการสภา ที่ถูกแต่งตั้งเพื่อทำการไต่สวน
และพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ Jan 6 ยังไม่มีการสรุปผลแต่อย่างใดว่า ทรัมป์เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
การบุกรุกรัฐสภาดังกล่าวหรือไม่
 
ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาปี 2020 นอกจากกระบวนการเลือกตั้งจะดำเนินไปอย่างเข้มข้น 
แต่ที่เข้มข้นไม่แพ้กันหรือจะมากกว่า คือการรายงานข่าว ที่แข่งขันกันระหว่างทีวีเน็ตเวิร์คที่สนับสนุนเดโมเครต 
อย่าง CNN MSNBC NBC ABC กับฝ่ายที่เชียร์ทรัมป์ ซึ่งมีเพียงช่อง Fox news นอกจากนี้ สื่อที่สนับสนุน 
โจ ไบเดน ยังได้เปรียบในการสื่อข่าวสารไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งทีวีหรือสื่อท้องถิ่น มักหยิบฉวยข่าวจาก
ช่องเหล่านี้มานำเสนอต่อ โดยเฉพาะ CNN ที่มีเครือข่ายระหว่างประเทศมากที่สุด ซึ่งรวมถึงบ้านเราด้วย 
 
การรายงานผลการเลือกตั้งเป็นที่จับตาอย่างมาก เพราะว่ามีความสูสีมาก สามารถพลิกแพ้ชนะกันได้ตลอดเวลา 
เมื่อนับคะแนนไปราว 70-80 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าทรัมป์มีคะแนนนำเล็กน้อย แม้แต่ในรัฐที่เป็นสวิงสเตท ทรัมป์
ก็ยังคงนำเมื่อการนับผ่านไปราว 80 เปอร์เซ็นต์ จนฝ่ายทรัมป์มีความมั่นใจ ถึงกับออกมาประกาศชัยชนะอย่าง
ไม่เป็นทางการ แต่เมื่อการนับเสร็จสิ้นในอีกหลายวันต่อมา ปรากฏว่าไบเดนเป็นผู้คว้าชัยชนะ ทั้งที่มีข้อครหา
หลายอย่างเกี่ยวกับขั้นตอนการนับ และการปิดกั้นไม่ให้สื่อ หรือคณะสังเกตุการณ์เข้าไปสังเกตในบางรัฐ จนทำให้
ผู้สนับสนุนทรัมป์ทั่วประเทศไม่พอใจและมองว่ามีการโกง จึงรวมตัวไปประท้วงที่บริเวณรอบๆ รัฐสภา 
จนนำไปสู่ เหตุการณ์ “6 มกรา” ดังกล่าว
 
 
  
 
ในที่สุด เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น จนทรัมป์ต้องออกมาประกาศเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมหยุดการประท้วง 
และออกจากบริเวณของรัฐสภา สื่อมวลชนส่วนใหญ่ของประเทศ รุมประณามว่าทรัมป์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง 
ทั้งที่การพิสูจน์ความจริงโดยคณะ January 6 Hearings ยังไม่ได้สรุปว่าทรัมป์ได้ทำการปลุกปั่นยุยง 
ให้ผู้ประท้วงบุกเข้าไปในรัฐสภาหรือไม่ แต่ในที่สุด ทรัมป์ ก็ประกาศว่าตนพร้อมจะย้ายออกจากทำเนียบขาว 
เพื่อให้โจ ไบเดน สามารถเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ ในวันที่ 20 มกราคม
 
ต่อมาทรัมป์ได้ออกมากล่าวถึงการยอมรับผลการเลือกตั้งว่า แม้เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้ง แต่ผู้ชนะไม่ใช่โจ ไบเดน 
ไม่ใช่เดโมเครต แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือ สื่อ ที่รวมกันเป็นกรณีพิเศษเพื่อโจมตีเขา อันประกอบด้วยสื่อกระแสหลัก 
คือเน็ตเวิร์คทีวีช่องต่างๆ ได้แก่ ABC, CBS, NBC, PBS, CNN และ MSNBC และ สื่อโซเชียลของบรรดา
บริษัทบิ๊กเทค ที่ประกาศอยู่ตรงข้ามกับทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็น Twitter Facebook Google Apple และ Amazon 
โดยเฉพาะเฟสบุ๊ค และ ทวิตเตอร์ ที่ออกมาท้าชนกับทรัมป์โดยตรง ซึ่งทรัมป์ออกมาตอบโต้ว่า “บริษัทเหล่านี้ 
ทำผิดพลาดมหันต์ เพราะเป็นการแบ่งแยกผู้คนในชาติ และทำลายประเทศ”
........
เหตุผลหลักที่สื่อทีวีต่างๆและบริษัทบิ๊กเทค พากันต่อต้านทรัมป์ ก็เนื่องจากว่า ทรัมป์มีนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับจีน 
โดยเฉพาะด้านการค้า ในขณะที่จีนที่มีประชากรนับพันล้าน มีเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆนั้น 
คือตลาดสำคัญที่สุดของธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ตั้งแต่ อุตสาหกรรมไฮเทค ไปจนถึงอุตสาหกรรมบันเทิง 
และกีฬา ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของทีวีและบริษัทบิ๊กเทคดังกล่าว
 
สองปีที่ผ่านมา แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้ทำตัวเป็นข่าวมากนัก แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งการเมืองไปเสียทีเดียว แม้เขาจะพยายาม
หลีกเลี่ยงคำถามถึงการตัดสินใจอนาคตทางการเมือง แต่หลายๆครั้งพบว่าเขายังเป็นบุคคลสำคัญสูงสุด ในการตัดสินใจ
ครั้งสำคัญๆของพรรครีพับลิกัน ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกตัวแทนลงชิงผู้ว่าการรัฐ หรือผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้งในสภาสูง
และสภาล่าง ยิ่งในปัจจุบัน การบริหารประเทศของไบเดนและคณะ ทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่พอใจ 
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ทรัมป์ กลับมาลงสมัครเลือกตั้งชิงประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง 
ในปลายปี 2024 ซึ่งตอนนั้น ทรัมป์ จะมีอายุถึง 78 ปี 

...............
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่