Danuri : ยานสำรวจดวงจันทร์ลำแรกของเกาหลีใต้ที่เตรียมสู่ดวงจันทร์ในปี 2022




(Danuri เป็นภารกิจสำรวจอวกาศแห่งแรกของสาธารณรัฐเกาหลีที่เดินทางเกินวงโคจรของโลก)
 
Danuri รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ Korea Pathfinder Lunar Orbiter (KPLO) เป็นภารกิจสำรวจอวกาศไร้คนขับครั้งแรกของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งเกาหลีใต้ (KARI) นอกวงโคจรของโลก รวมถึงหุ่นยนต์ลงจอดบนดวงจันทร์ภายในปี 2030 และภารกิจส่งคืนตัวอย่างดาวเคราะห์น้อย ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 2 ส.ค. 2022 ที่จะถึงนี้บนจรวด SpaceX Falcon 9 จากสถานี Cape Canaveral Space Force รัฐฟลอริดา การเปิดตัวมีกำหนดการประมาณ 19:30 น. EDT (2330 GMT) ทุกคนจะสามารถเพลิดเพลินกับการเปิดตัวทั้งหมดได้บน Space.com และรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการรับชมการเปิดตัวทางออนไลน์จะได้รับการเผยแพร่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้น 

Danuri เป็นภารกิจร่วมกันระหว่าง KARI และ NASA โดย KARI จัดการการผลิตและการดำเนินงานของยานอวกาศ ขณะที่ NASA สนับสนุนภารกิจด้วยการพัฒนาหนึ่งในข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนช่วยเหลือด้านการสื่อสารและการนำทางของยานอวกาศตามข้อตกลงที่ลงนามในปี 2016 คำอธิบายทางเว็บไซต์ NASA Spaceflight ชื่อ Danuri เป็นการรวมของคำภาษาเกาหลีสองคำคือ "dal" หมายถึงดวงจันทร์ และ "nuri" หมายถึงความเพลิดเพลิน
ยานอวกาศคาดว่าจะถึงดวงจันทร์ในช่วงกลางเดือนธันวาคม จากนั้นมันจะโคจรรอบเพื่อนที่เป็นหินของเราเป็นเวลาประมาณหนึ่งปี โดยจะทำการตรวจวัดพื้นผิวดวงจันทร์และระบุจุดลงจอดที่เป็นไปได้สำหรับภารกิจในอนาคต

ยานใช้เวลามากกว่า 6 ปีในการสร้างและมีราคา 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (237 พันล้านวอน) มีความกระตือรือร้นที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับบริเวณที่เป็นแม่เหล็กโบราณของดวงจันทร์และ fairy castles ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นบนพื้นผิว นอกจากนักวิจัยหวังว่า KPLO จะค้นพบแหล่งน้ำและน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เช่น บริเวณที่มืดและเย็นอย่างถาวรใกล้กับขั้วโลกแล้ว ตามรายงานของ NASA ข้อมูลที่รวบรวมจาก Danuri จะช่วยสนับสนุนการวางแผนโครงการ Artemis ของ NASA ด้วย


Korea Pathfinder Lunar Orbiter หรือ Danuri จะทำการวัดพื้นผิวดวงจันทร์อันมีค่า
(Cr. Korean Aerospace Research Institute (KARI))
มวลการเปิดตัวโดยรวมของ KPLO spscecraft คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 678 กก.โดยจะบรรทุกสัมภาระ 6 รายการ  5 รายการพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยและองค์กรวิจัยของเกาหลี อีก 1 รายการจาก NASA ประกอบด้วยกล้องโทรทรรศน์ Lunar Terrain Imager(LUTI), กล้อง Polarimetric มุมกว้าง (PolCam), เครื่องวัดสนามแม่เหล็ก Magnetometer(KMAG), เครื่องวัดรังสีแกมมา Gamma-Ray Spectrometer(KGRS), ข้อมูลการทดสอบเครือข่าย Disruption Tolerant Network Experiment Payload (DTNPL) และกล้องที่มีความไวสูงที่พัฒนาโดย NASA ที่เรียกว่า Shadow Cam

Shadow Cam ของ NASA นั้นเป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาและ Malin Space Science Systems เพื่อสนับ สนุนสหรัฐฯ ในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกของ KARI โดยเฉพาะ ที่จะใช้ทำแผนที่การสะท้อนแสงภายในบริเวณที่มีเงามืดถาวรที่ขั้วดวงจันทร์ เพื่อค้นหาหลักฐานการเกิดน้ำค้างแข็งหรือน้ำแข็งที่เกาะบนพื้นผิวของดวงจันทร์ และกำหนดว่ายานสำรวจในอนาคตจะสำรวจหลุมอุกกาบาตและส่วนที่ยุบตัวลงบนพื้นผิวได้อย่างไร

โดยกล้องออปติคัลของเครื่องมือนี้ใช้กล้องมุมแคบของยาน Lunar Reconnaissance Orbiter แต่มีความไวมากกว่า800 เท่ามองเข้าไปในบริเวณเงามืดถาวรของดวงจันทร์ (PSR) ที่ข้อมูลระบบสุริยะอาจถูกขังอยู่ในชั้นของหลุมอุกกาบาตที่มีเงาถาวรนี้ ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงเป็นครั้งแรก จากนั้น Shadow Cam จะสังเกต PSR ทุกเดือนเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและวัดภูมิประเทศภายในหลุมอุกกาบาต รวมถึงการกระจายของก้อนหิน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้เชื่อว่า ภารกิจดังกล่าวจะช่วยปูทางให้ประเทศมีแผนที่จะลงจอดบนดวงจันทร์ตามที่ตั้งใจไว้มากขึ้นภายในปี 2030

เครื่องมือ ShadowCam ของ NASA จะตรวจสอบพื้นที่ที่ไม่มีดวงอาทิตย์ของดวงจันทร์ซึ่งเรียกว่าบริเวณที่มีเงาถาวร
ในภาพแสดงให้เห็นว่า ShadowCam ถูกยกขึ้นเพื่อติดตั้งกับดาวเทียม Korean Pathfinder Lunar Orbiter
ที่สถาบันวิจัยการบินและอวกาศของเกาหลีในเมือง Daejeon (Cr.Korean Aerospace Research Institute (KARI))
ขณะนี้ตามรายงาน Danuri ได้บินจากเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐอเมริกาและยานอยู่ที่ Cape Canaveral รัฐฟลอริดาแล้ว เพื่อเตรียมบรรจุลงจรวด Falcon 9 ในวันที่ 2 สิงหาคม เพื่อขึ้นบินเหนือวงโคจรของโลกต่อไป แต่เมื่อวันที่ 28 ที่ผ่านมา กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของสหรัฐได้เปิดเผยว่าการเปิดตัว Danuri ที่ทุกคนรอคอย อาจถูกเลื่อนออกไปอย่างน้อย 2 วันหรือมากกว่า เนื่องจาก SpaceX พบว่าจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติมในยานอวกาศก่อนการเปิดตัว
อย่างไรก็ตาม Kyeong-ja Kim นักธรณีวิทยาดาวเคราะห์ที่สถาบันธรณีศาสตร์และทรัพยากรแร่แห่งเกาหลีใต้ในเมือง Daejeon และผู้ตรวจสอบหลักหนึ่งในเครื่องมือของยานบอกกับ Nature News ว่าเกาหลีใต้จะกลายเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ส่งภารกิจไปยังดวงจันทร์ซึ่งทุกคนมีความสุขและตื่นเต้นมาก โดยนอกจากเกาหลีใต้แล้ว ในเร็ว ๆ นี้ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต่างก็มีภารกิจดวงจันทร์อย่างน้อยหนึ่งภารกิจที่กำหนดให้เปิดตัวก่อนสิ้นปี 2022 

สำหรับโครงการ KPLO ที่นำโดยสถาบันวิจัยการบินและอวกาศของเกาหลีใต้ (KARI) เริ่มต้นในปี 2016 โดยได้เปิดตัวดาวเทียมอเนกประสงค์ดวงแรกที่เรียกว่า Korea Multi-Purpose Satellite (KOMPSAT)-1 ในปี 1999 ซึ่งดำเนินการมากกว่า 15 KOMPSAT ที่โคจรรอบโลกในปัจจุบัน รวมถึงดาวเทียมโคจรรอบโลกต่ำ (LEO) และดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า (GEO) การเริ่มต้นของ KPLO ดังกล่าวทำให้กิจกรรมการสำรวจอวกาศของเกาหลีถูกคาดหวังว่า
จะเร็วขึ้น เนื่องจากเกาหลีวางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่การสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์โดยใช้การลงจอดและรถแลนด์โรเวอร์ภายในสิ้นปี 2030 และการลงจอดบนดาวเคราะห์น้อยอาจได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังภายในสิ้นปี 2035 รวมถึงการเริ่มพิจารณาโครงการห้วงอวกาศใหม่อีกรายการคือ ไปเยี่ยมดาวเคราะห์น้อย Apophis ที่จะเฉียดโลกในปี 2029 


กล้องออปติคัลของเครื่องมือนี้ใช้กล้องมุมแคบ (NAC) บนยาน Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO) ของ NASA NAC
ที่ทำการถ่ายภาพดวงจันทร์มานานกว่า 13 ปีแล้ว  แต่กล้องใหม่สำหรับ KPLO นั้นไวกว่ามาก

ข้อมูลจาก KARI ระบุว่า Danuri มี payloads อยู่ 6 รายการ โดย 5 ชิ้นจากเกาหลีใต้และอีก 1 ชิ้นจาก NASA 
บริเวณที่มืดมิดอย่างถาวรบนดวงจันทร์อาจมีแหล่งสำรองน้ำและน้ำแข็งสำหรับการแปรรูปเป็นน้ำดื่ม เชื้อเพลิงจรวด และทรัพย์สินอื่นๆ
ที่สามารถค้ำจุนนักบินอวกาศได้ /Cr.NASA
 

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่