คือตอนเซลส์ขายประกันโทรมาเสนอขาย ตอนแรกบอกว่า ยังไม่สนใจ แต่เค้าขอโอกาสให้ฟังเค้าพูด 5 นาที
ผมก็ใจอ่อน คิดว่าฟังแป๊บเดียว ก็จะตัดบทว่า ยังไม่สนใจจะทำ
แต่ฟังๆ ไปแล้ว ก็ดูน่าสนใจดี แล้วผมก็ยังไม่เคยทำประกันชีวิตมาก่อน
คือเค้าบอกว่า ถ้าทำทุนประกัน 5 แสน ก็จะจ่ายเบี้ยแค่เพียง 45,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 10 ปี แต่ได้รับเงินคืนปีละ 5,000 บาท ไปทุกปี จนครบ 19 ปี
ตรงนี้ ระหว่างฟัง ผมลองเอาเครื่องคิดเลขมากดดู ก็เห็นว่า จ่ายแค่ปีละ 45,000 บาท แต่ได้รับเงินปันผล = 5,000 บาท ก็เข้าใจ (พลาดแล้ว) ว่า เหมือนกับได้ดอกเบี้ยในอัตรา 11.11% แหน่ะ
แถมยังเอาเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตั้ง 25% (ผมเสียภาษีในอัตราสูงสุดที่ 25%) ก็เท่ากับว่า ผมจะได้เงินภาษีคืนอีกปีละ 11,250 บาท เมื่อเอาไปรวมกับเงินปันผล 5 พันบาท ก็เท่ากับว่า ผมจะได้ผลตอบแทนปีละ 36.11% (อันนี้คิดพลาดไปมากๆ)
แล้วพอปีที่ 10 ก็หยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังคงรับเงินปันผลปีละ 5,000 บาทต่อเนื่องไปอีก 9 ปี แล้วมารับเงินออมในปีที่ 20 = 420,000 บาท
พอตอบตกลงทางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมลองมาคำนวณใน Excel ดูอีกที ปรากฏว่า ผมจะได้รับผลตอบแทนทั้งสิ้นจากประกันชีวิต ดังนี้
1. เงินปันผล ปีละ 5,000 บ. เป็นเวลา 19 ปี = 95,000 บ.
2. เงินคืนภาษี ปีละ 11,250 บ. เป็นเวลา 10 ปี = 112,500 บ.
3. เงินออม รับคืนในปีที่ 20 = 420,000 บ.
รวมได้รับเงินทั้งหมดจากการทำประกัน คือ 627,500 บ. แต่จ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10 ปี ปีละ 45,000 บ. รวมจ่ายเบี้ยทั้งหมด = 450,000 บ. เท่ากับได้ผลตอบแทนรวม เพียง 177,500 บ. (เท่ากับว่า ได้ผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยทบต้น 2.5% ต่อปีเอง)
แล้วผมก็เลยลองทำการคำนวณว่า ถ้าผมเอาเงินปีละ 45,000 บ. ไปลงทุนแบบ DCA เอง เป็นเวลา 10 ปี แล้วก็หยุดใส่เงินเพิ่ม แล้วรอให้เงินงอกเงยไปอีก 9 ปี ถ้าผมสามารถลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5% ผมจะได้เงินสะสมรวมทั้งสิ้นในปีที่ 19 = 921,963 บ. ซึ่งจะได้มากกว่าการทำประกันชีวิต = 294,463 บ.
ผมก็เลยคิดว่า พอทางโน้นส่งกรมธรรม์ประกันชีวิตมาให้ ก็จะทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาประกันกลับไปภายใน 30 วัน เข้าใจว่า ยังคงสามารถยกเลิกได้ ถูกต้องหรือไม่ครับ
ปล. ผมอายุ 51 ปีแล้ว ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกเมีย แต่มีแม่ที่อายุ 90 ปีเพียง 1 คน ถ้าผมตายก่อนแม่ ก็ยังมีลูกชายอีก 2 คนช่วยกันเลี้ยงดูแม่ได้
เผลอตกลงตอบรับทำประกันชีวิตทางโทรศัพท์ไป ช่วยดูให้หน่อยว่า คุ้มค่าจริงหรือเปล่าครับ
ผมก็ใจอ่อน คิดว่าฟังแป๊บเดียว ก็จะตัดบทว่า ยังไม่สนใจจะทำ
แต่ฟังๆ ไปแล้ว ก็ดูน่าสนใจดี แล้วผมก็ยังไม่เคยทำประกันชีวิตมาก่อน
คือเค้าบอกว่า ถ้าทำทุนประกัน 5 แสน ก็จะจ่ายเบี้ยแค่เพียง 45,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 10 ปี แต่ได้รับเงินคืนปีละ 5,000 บาท ไปทุกปี จนครบ 19 ปี
ตรงนี้ ระหว่างฟัง ผมลองเอาเครื่องคิดเลขมากดดู ก็เห็นว่า จ่ายแค่ปีละ 45,000 บาท แต่ได้รับเงินปันผล = 5,000 บาท ก็เข้าใจ (พลาดแล้ว) ว่า เหมือนกับได้ดอกเบี้ยในอัตรา 11.11% แหน่ะ
แถมยังเอาเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตั้ง 25% (ผมเสียภาษีในอัตราสูงสุดที่ 25%) ก็เท่ากับว่า ผมจะได้เงินภาษีคืนอีกปีละ 11,250 บาท เมื่อเอาไปรวมกับเงินปันผล 5 พันบาท ก็เท่ากับว่า ผมจะได้ผลตอบแทนปีละ 36.11% (อันนี้คิดพลาดไปมากๆ)
แล้วพอปีที่ 10 ก็หยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังคงรับเงินปันผลปีละ 5,000 บาทต่อเนื่องไปอีก 9 ปี แล้วมารับเงินออมในปีที่ 20 = 420,000 บาท
พอตอบตกลงทางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมลองมาคำนวณใน Excel ดูอีกที ปรากฏว่า ผมจะได้รับผลตอบแทนทั้งสิ้นจากประกันชีวิต ดังนี้
1. เงินปันผล ปีละ 5,000 บ. เป็นเวลา 19 ปี = 95,000 บ.
2. เงินคืนภาษี ปีละ 11,250 บ. เป็นเวลา 10 ปี = 112,500 บ.
3. เงินออม รับคืนในปีที่ 20 = 420,000 บ.
รวมได้รับเงินทั้งหมดจากการทำประกัน คือ 627,500 บ. แต่จ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10 ปี ปีละ 45,000 บ. รวมจ่ายเบี้ยทั้งหมด = 450,000 บ. เท่ากับได้ผลตอบแทนรวม เพียง 177,500 บ. (เท่ากับว่า ได้ผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยทบต้น 2.5% ต่อปีเอง)
แล้วผมก็เลยลองทำการคำนวณว่า ถ้าผมเอาเงินปีละ 45,000 บ. ไปลงทุนแบบ DCA เอง เป็นเวลา 10 ปี แล้วก็หยุดใส่เงินเพิ่ม แล้วรอให้เงินงอกเงยไปอีก 9 ปี ถ้าผมสามารถลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5% ผมจะได้เงินสะสมรวมทั้งสิ้นในปีที่ 19 = 921,963 บ. ซึ่งจะได้มากกว่าการทำประกันชีวิต = 294,463 บ.
ผมก็เลยคิดว่า พอทางโน้นส่งกรมธรรม์ประกันชีวิตมาให้ ก็จะทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาประกันกลับไปภายใน 30 วัน เข้าใจว่า ยังคงสามารถยกเลิกได้ ถูกต้องหรือไม่ครับ
ปล. ผมอายุ 51 ปีแล้ว ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกเมีย แต่มีแม่ที่อายุ 90 ปีเพียง 1 คน ถ้าผมตายก่อนแม่ ก็ยังมีลูกชายอีก 2 คนช่วยกันเลี้ยงดูแม่ได้