ลาออกตอนอายุ 37 ปี เพื่อไปรับทุนเรียนต่อนอก เป็นความคิดที่ถูกจังหวะเวลาไหม

กำลังตัดสินใจอยู่พักใหญ่ เนื่องจาก ทำงานมาประมาณ 10 ปี ที่เดิมมาตลอด บริษัทมั่นคง และ เงินเดือน 85K อีกสองปี ถึง 100K 
แต่เคยมีความฝันอยากไปเรียนต่อเมืองนอก ก็แสวงหาทุนไปเรื่อยๆ จนเพิ่งมาได้ทุนล่าสุดไปต่อนอกที่ออสเตรเลีย (****เพิ่มเติมข้อมูล ทุนดังกล่าวเป็นทุนรัฐบาลออสเตรเลียครับ เป็นทุนให้เปล่า ครอบคลุมค่าใช้จ่ายครับ**** เห็นหลายท่านเข้าใจเป็นทุนรัฐบาลไทยครับ ซึ่งถ้าทุนรัฐบาลไทย ผมไม่ไปแน่นอนครับ) เวลา 2 ปี
คือ Background จบ วิศวะทางอุตสาหการและโลจิสติกส์ จบทั้งตรีและโทในไทย กำลังจะไปต่อโทด้าน data science อีก 1 ใบ

คือด้วยสถานการณ์โควิด และ คนรอบตัวหวังดี บอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจกำลังจะพัง การที่มีงานที่มั่นคงดีอยู่แล้ว และ อายุอยู่ในวัยที่ควรจะเก็บเงินและเน้นท่องเที่ยวแทน  อีกทั้ง เมื่อกลับมาอายุก็เกือบ 40 ปี จะหางานทำในไทยได้ยาก (เนื่องจากทุนที่ได้รับ อาจจะบังคับให้กลับไทยเลยทันที เหมือนห้ามอยู่ต่อที่ออสเตรเลีย อันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่า คงโดนส่งกลับไทยมาหางานทำที่นี่)

เบื้องต้นเราเป็นชนชั้นที่ไม่ได้ร่ำร่วย พอใช้ถึงปานกลาง (พอมีพอใช้)

ในใจก็คิดเป็นสองส่วนคือ ความฝันสูงสุดในชีวิตที่ได้ไปเรียนนอก  กับ  ความเป็นจริง ที่หน้าที่การงานและเงินทองก็มีความสำคัญต่อการดำรงชีพ 
1. เนื่องจากฝันมานานอยากเรียนนอก แต่จังหวะชิวิตมันยังไม่ถึงเวลาของมัน เหมือนเราเป็นเด็กไทยคนนึงที่ ที่ได้รับการปลูกฝังว่า รีบเรียนให้จบและหางานทำ ซึ่งเราไม่มี gap year อย่างเด็กเมืองนอกที่ได้ค้นหาตัวเองเลย  เราเรียนตรีเสร็จ เราก็ได้ทุนต่อที่ไทยเรียนโท และ เราก็หางานทำเลย มันต่อเนื่องกันเร็วมาก จนเราเหมือนหมดหวังเรื่องเรียนต่อแล้ว เพราะการไปเรียนนอกของเราได้คือการขอทุนเท่านั้น (เรียนเป็นล้านบาท ที่บ้านก็ซัพพอร์ตไม่ไหว)
2. ระหว่างอยู่ ป.โท พยายามขวนขวาย ไป work and travel ที่เมกา ก็ได้ประสบการ์ณ จากการทำงาน part time อะนะ ก็เหมือน เราเป็นคนเอเชียที่ไปรับจ้างแรงงานแหละ แต่เข้าใจว่า ทำงานแบบนี้ก็เลี้ยงชีพได้ แต่เราก็ต้องรีบกลับมา ต่อโทให้จบ เพราะเรามีสัญญาทุน แต่ระหว่างนั้น ก่อนถึงไทยก็ stop over ที่ เกาหลี 1 เดือน พอจบโทปุ๊บ
2. เราก็เริ่มหางาน จริงๆ ตอนสมัยเข้างานแรกๆ อายุ 26 ตอนนั้นก็หาทุนไปเรื่อยๆ ระหว่างทำงาน เพราะทำงานแล้วจะทำให้เรามีเงิน มีความคิดที่อิสระมากขึ้น เราก็เลยพยายามไปควบคู่ เช่น เราเคยสมัครทุนเรียนโทที่จีน  แต่เราก็มีโอกาสได้เพียงตัวสำรอง พอมาอีกระยะ ได้สัมภาษณ์ ทุนอาจารย์ต่อโทเอกเมืองนอก ได้เข้ารอบสุดท้ายแต่ก็พลาดไป
3. ก็เลยคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ทุนไปเรียนนอกแล้ว งั้นเก็บเงินไปเที่ยวดีกว่า โดยการลาไปเที่ยวของไทยลาได้ยาวสุด ก็แค่ 10-15 วัน  เราก็ตั้งเป้าไปเที่ยวเรื่อยในแต่ละปี แต่ละประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก ออสเตเรีย จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น พม่า (ก็ได้เห็นบ้านเมืองเค้าที่แปลกตาดี เห็นผู้คนความเป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้สัมผัสลึกซึ้ง แต่ก็ wow ในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวของเค้านะ มันอลังการจริงๆแต่ละที่)
4. ระหว่างทำงานมาเรื่อยๆ ก็เลิกล้มความคิดเรื่องทุนแล้ว เพราะก็ทำงานมานานจน 9 ปี แต่มันก็ติดในใจว่ายังอยากไปเรียนเมืองนอก จู่ๆ บริษัท ก็ประกาศให้พนักงานสามารถรับทุนบริษัทไปได้ ซึ่งช่วงนั้น กำหนดอายุไม่เกิน 35 ปี ซึ่ง เราก็ 35 ย่างจะ 36 ยังอยู่ในเกณฑ์พอดี แต่เกณฑ์ก็โหด เราต้องสอบ ielts ให้ได้ 7.0 และ gre พาร์ทละ 155 ทั้งสองอัน คือ เวลาแค่ 6 เดือน เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ทัน เราก็ได้ แค่ ielts 6.5 และ gre ประมาณ 146 เลยไม่สามารถยื่นทุนบริษัทได้ และ ปีต่อมาก็หมดโอกาสแล้ว อายุเราเกิน (บางครั้งโทษใครไมไ่ด้หรอก ตัวเราเองแหละ แต่บอกเลยนะ ทำงานไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วย มัน crazy มาก จะตายให้ได้ทุกวัน ทำแบบฝึกหัดเป็นร้อยๆชุด คือภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาที่จะเรียนได้ภายใน 6 เดือน มันต้องสะสมมาเป็นหลายปี คือเราเป็นผู้เรียนอังกฤษเพื่อให้ผ่านไปได้ และ เราเพิ่งมาจริงจังก็แค่ตอนนี้ ส่วนเลข gre ที่ไม่ผ่าน ก็เพราะอังกฤษยังไม่ผ่านซะที ก็เอาเวลาไปเตรียมเลขได้น้อย เพราะเราเรียนโจทย์เลขภาษาไทยมาทั้งชีวิต จู่มาเจอภาษาอังกฤษ ก็งงคำถาม และข้อสอบพวกนี้ต้องทำโจทย์เยอะมาก และ แข่งเวลามาก ข้อละ ไม่เกิน 1-2 นาทีต่อการคำนวณ คือแบบเตรียมตัวไม่ทันจริงๆ ขนาดเด็กทุนบริษัทยังมีเวลาเตรียม 1-2 ปี เลย)
5. เมื่อสมัครทุนบริษัทไม่ได้แล้วอายุเกิน เราก็ใช้คะแนนที่เคยสอบ ยื่นทุนทุกสิ่งอย่างที่สมัครได้และทันช่วงนั้น เช่น ทุนอังกฤษ เมกา รัสเซีย ออสเตเรีย และ ทุนมหาลัยที่อังกฤษ สรุปว่า เรา
5.1) ทุนอังกฤษ ไม่เข้ารอบ
5.2) ทุน เมกา ไม่เข้ารอบ
5.3) ทุนมหาลัย ไม่เข้ารอบ
5.4) ทุนรัสเซีย ปรากฏได้ทุน รัสเซีย เรียน data science แบบไม่คาดคิดว่าจะได้ คือต้องตัดสินใจภายในไม่ถึงอาทิตย์ว่าจะรับหรือไม่รับ และ คือแบบช่วงนี้ดันมีสงคราม ที่บ้านก็เป็นห่วง บริษัท ก็ไม่อนุมัติให้ลาเรียน คือ ต้องตัดสินใจลาออกเลย เราก็เครียดมาก คิดวนลูปใหญ่มาก  แต่ด้วยความที่กระทันหัน เราก็เลย ตัดสินใจยกเลิกทุน ทั้งที่เป็นทุนให้เปล่า (เราก็มานั่งคิดว่าการไปเรียนนอกของเรา คือ เราอยากได้ภาษาด้วย ดังนั้นรัสเซียก็อาจเป็นอีกประเทศที่เรียนอังกฤษ แต่การใช้ชีวิตคือภาษรัสเซีย เลยลดความสนใจลง อีกอย่าง การเดินทางไปประเทศที่เป็นอริกับประชาชาติ เช่น รัสเซีย จะส่งผลต่อเราในอนาคต เช่น ปัญหาในการเข้าประเทศนั้นๆ เนื่องจากมีคนต่างชาติเตือนมาอีกทาง) 
5.5) ทุนออสเตรเลีย ประกาศ ว่าผ่านรอบสุดท้าย ให้ไปสัมภาษณ์ ซึ่งผลที่ได้คือ เราได้ไปเรียนด้าน data science ที่นั่น ซึ่งเป็นทุนที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ เลยโอกาสแค่ 0.001%

สิ่งที่เราต้องตัดสินใจคือ
1) ลาออก และ ตั้งใจเรียน และ กลับมาด้วยวัย 40 ปี เพื่อมาหางานทำที่ไทย ซึ่งเราไม่รู้เลยอนาคตที่จะถึง เราจะหางานได้ไหม ด้วยที่เราแก่แล้ว และ เงินเดือนที่เราหายไปสองปี ที่จะได้ 100 K ก็หายไปด้วยเช่นกัน อาจกลับมาเริ่มใหม่ได้แค่ 40K ก็เป็นไปได้  แต่สิ่งที่กลัวสุด เราว่า เรากลัวหางานทำไม่ได้เป็นหลักมากกว่า เพราะทุกคนบอกเศรษฐกิจไม่ดี  บริษัทที่เราอยู่ถือว่ามั่นคงมาก พอๆกับพวกแบงค์ชาติ เราก็ไม่รู้ว่าเราวิ่งหาฝัน แล้วเอาชีวิตความมั่นคงมาเสี่ยงหรือไม่
2) ยกเลิกทุน เราก็คิดว่า ถ้ายกเลิกทุน เราก็ทำงานบริษัทนี้ต่อไปจนเกษียณอายุเลย คือมันคือ comfort zone ของเรา อยู่แล้วเรารู้จักธุรกิจทั้งหมดขององค์กร และ ทำงานไปได้เรื่อยๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป dynamic ตามงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีความกังวลเรื่องโดนไล่ออกในชีวิต ทำงานไปเรื่อยๆ เป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะเราคงไม่มีหัวด้านธุรกิจมาก

- อยากได้มุมมองคนที่อยู่ในโลกแห่งการแข่งขัน โลกของเอกชน โลกของคนที่ได้เงินเดือนสูงกว่านี้ หรือ คนที่มีโอกาสที่ดีกว่านี้ 
- เราอยากได้ความคิดเห็น ว่าเส้นทางไหน คือเส้นทางที่เพื่อนๆมองว่าน่าสนใจ เราเข้าใจว่าทุกคนตัดสินใจแทนเราไม่ได้
- แต่เราว่า การถามผู้ใหญ่ หรือ ผู้มีประสบการณ์ คือ คำตอบอีกทางเลือกที่ช่วยให้เราหาทางออกได้ดี 
- เราอายุเยอะแล้ว แต่ความคิดเราอาจโตไม่ตามอายุ เราเลย ยังกลัว และ ไม่กล้าเดินออกมา เพราะ เรายังหวงพื้นที่ safe zone แต่ก็อยากเป็นกบนอกกะลาดูสักครั้ง
- แต่ก็กลัวสิ่งที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนเตือน แล้วเราไม่ฟัง มันก็จะเป็นอุทาหรณ์ ให้เป็นบทเรียนเราไปตลอดชีวิตก็เป็นได้

- รบกวนขอความเห็นและการชี้แนะหน่อยนะครับว่า เราควรเลือกตามฝันตัวเองคือ ลาออก หรือ ควรอยู่กับความจริงคือยังคงทำงานอยู่เหมือนเดิม
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ไป ไม่งั้นคาใจ

จากที่อ่าน น่าจะเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง ก็คือดูถูกตัวเอง กลัวทุกอย่าง การไปครั้งนี้อาจจะ unlock ได้

แต่เอาจริงๆ ไม่มีคำตอบที่ดีที่สุด ตัดสินใจแบบไหนก็ถูกต้องทั้งนั้น ชีวิตเกิดมาก็ต้องดิ้นรนทั้งนั้น

ลองขอ leave without pay ที่ทำงานเดิมดู เพื่อไปเรียน
ความคิดเห็นที่ 23
มีงานวิจัยชิ้นนึง เค้าไปสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่จะกลับไปทำคืออะไร

คนส่วนมากตอบว่าจะกลับไปทำในสิ่งที่ตอนมีโอกาสทำ แล้วตัดสินใจไม่ทำ

เงินซื้อทุกอย่างได้ในชีวิต แต่สิ่งเดียวที่เงินซื้อไม่ได้คือ ประสบการณ์

enjoy life ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่