กลุ่มทายาทของสุลต่านแห่งซูลู ราชวงศ์ซึ่งเคยมีอิทธิพลในสมัยศตวรรษที่ 19 ปกครองพื้นที่บางส่วนซึ่งเป็นรัฐซาบาห์ของมาเลเซียในปัจจุบัน ฟ้องศาลอนุญาโตตุลาการในฝรั่งเศส เมื่อปี 2560 และศาลมีคำพิพากษาเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ให้
รัฐบาลมาเลเซียต้องจ่ายเงินชดเชยเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 549,180 ล้านบาท) แก่ทายาทของสุลต่านแห่งซูลู เนื่องจากเป็นผู้รับช่วงต่อ ข้อตกลงที่ดินฉบับปี 2421 ระหว่างบริษัทแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับสุลต่านแห่งซูลูองค์สุดท้าย
ทั้งนี้ ก่อนเรื่องถึงศาลในฝรั่งเศส รัฐบาลมาเลเซียจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง ให้แก่ทายาทของสุลต่านแห่งซูลูเป็นรายปีอยู่แล้ว แต่ระงับการจ่ายตั้งแต่ปี 2556 โดยให้เหตุผลว่า รัฐซาบาห์เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียแล้ว ขณะที่ทนายฝ่ายโจทก์อ้างว่า คำตัดสินของศาลมีอำนาจครอบคลุมนอกฝรั่งเศส ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ และนำไปสู่การยึดทรัพย์ของสำนักงานย่อย 2 แห่งของเปโตรนาส ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันของมาเลเซีย สาขาประเทศลักเซมเบิร์ก เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากรัฐบาลมาเลเซีย
การชนะล่าสุดของทายาทของสุลต่านซูลูในอนุญาโตตุลาการต่อรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งอนุญาตให้ยึดทรัพย์สินต่างประเทศของบริษัทปิโตรเลียมของเปโตรนาสได้สร้างปัญหาใหญ่ในรัฐสภามาเลเซียในฐานะซาบาห์
ตอนนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังเงียบอยู่ ดังที่เห็นว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้ประธานาธิบดี Ferdiand Marcos Jr ยังไม่มีนโยบายเกี่ยวกับซาบาห์และความสัมพันธ์ของประเทศกับมาเลเซีย แต่นี่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่แน่นอนจะเพิ่มการสนับสนุนฟิลิปปินส์อ้างว่าซาบาห์ในนามของ Sultante of Sulu โดยฟิลิปปินส์ได้อ้างสิทธิ์เหนือซาบาห์ตั้งแต่ปี 2504 ความพยายามอย่างเป็นทางการครั้งแรกของฟิลิปปินส์ในการอ้างสิทธิ์ซาบาห์คือเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2505 เมื่อฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องต่อสหราชอาณาจักรต่อซาบาห์ซึ่ง ได้ครอบครองอาณาเขตในขณะนั้น
ต้องรอติดตามต่อไปว่า"รัฐซาบาห์"จะแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ หรือรวมเข้ากับ
ฟิลิปปินส์ ยังมีอีกหนึ่งตัวแปรคือ
อินโดนีเซียคู่รักคู่แค้นของมาเลเซีย ที่จ้องรัฐซาบาห์ตาเป็นมัน รวมไปถึงการแผ่อิทธิพลของ
จีนในทะเลจีนใต้ อาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรช่วยให้"รัฐซาบาห์"แยกตัวจากมาเลเซียได้เร็วขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านรายรอบ อยากได้หรืออยากมีอิทธิพลต่อรัฐซาบาห์ เนื่องจากมีทรัพยากรเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่
เพิ่มเติมข้อมูล
รัฐซาบาห์ เป็นรัฐขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากถึง 73,904 ตารางกิโลเมตร มีประชากรจำนวน 3,900,000 คน
ชาติพันธุ์ในรัฐซาบาห์
คาดาซาน-ดูซัน : 17%
บาจา : 14%
จีน : 9%
มาเลย์ : 5%
มูรุต : 3%
อื่นๆ: 20%
ไม่ใช่พลเมืองมาเลเซีย: 27%
จากชาติพันธุ์จะเห็นได้ว่า"รัฐซาบาห์"แทบจะไม่มีความเป็นมาเลเซียอยู่เลย
เศรษฐกิจหลัก ปิโตรเลียม เกษตรกรรม ป่าไม้ เหมืองหินและการท่องเที่ยว โดยมูลค่า GDP ในปี 2020 มีมากถึง 700,310 ล้านบาท (19,806 ล้านUS$) เป็นรัฐที่สร้างรายได้เป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 16 เขต (13 รัฐ+3 เขตดินแดนสหพันธ์ ) ของประเทศมาเลเซีย แม้ว่าในปี 2020 ประเทศมาเลเซียจะโดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากเชื้อโควิดอย่างหนัก แต่มูลค่า GDP ของรัฐซาบาห์ตกลงมาไม่มากจากปี 2019 ที่มี GDP อยู่ที่ 824,685 ล้านบาท (22,907 ล้านUS$) รัฐซาบาห์จึงเป็นรัฐเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอย่างมากของประเทศมาเลเซีย
ถ้าฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีน ได้"รัฐซาบาห์"เข้ามาอยู่ในอิทธิพลของตนเอง จะส่งผลดีทางด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน และด้านความมั่นคงทางการทหาร เป็นจุดยุทธศาสตร์การเดินเรือที่สำคัญของทะเลจีนใต้
มาเลเซียอาจเสียรัฐซาบาห์ สงครามในทะเลจีนใต้เริ่มโชยกลิ่นแรง
ทั้งนี้ ก่อนเรื่องถึงศาลในฝรั่งเศส รัฐบาลมาเลเซียจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง ให้แก่ทายาทของสุลต่านแห่งซูลูเป็นรายปีอยู่แล้ว แต่ระงับการจ่ายตั้งแต่ปี 2556 โดยให้เหตุผลว่า รัฐซาบาห์เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียแล้ว ขณะที่ทนายฝ่ายโจทก์อ้างว่า คำตัดสินของศาลมีอำนาจครอบคลุมนอกฝรั่งเศส ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ และนำไปสู่การยึดทรัพย์ของสำนักงานย่อย 2 แห่งของเปโตรนาส ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันของมาเลเซีย สาขาประเทศลักเซมเบิร์ก เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากรัฐบาลมาเลเซีย
การชนะล่าสุดของทายาทของสุลต่านซูลูในอนุญาโตตุลาการต่อรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งอนุญาตให้ยึดทรัพย์สินต่างประเทศของบริษัทปิโตรเลียมของเปโตรนาสได้สร้างปัญหาใหญ่ในรัฐสภามาเลเซียในฐานะซาบาห์
ตอนนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังเงียบอยู่ ดังที่เห็นว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้ประธานาธิบดี Ferdiand Marcos Jr ยังไม่มีนโยบายเกี่ยวกับซาบาห์และความสัมพันธ์ของประเทศกับมาเลเซีย แต่นี่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่แน่นอนจะเพิ่มการสนับสนุนฟิลิปปินส์อ้างว่าซาบาห์ในนามของ Sultante of Sulu โดยฟิลิปปินส์ได้อ้างสิทธิ์เหนือซาบาห์ตั้งแต่ปี 2504 ความพยายามอย่างเป็นทางการครั้งแรกของฟิลิปปินส์ในการอ้างสิทธิ์ซาบาห์คือเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2505 เมื่อฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องต่อสหราชอาณาจักรต่อซาบาห์ซึ่ง ได้ครอบครองอาณาเขตในขณะนั้น
ต้องรอติดตามต่อไปว่า"รัฐซาบาห์"จะแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ หรือรวมเข้ากับฟิลิปปินส์ ยังมีอีกหนึ่งตัวแปรคือ อินโดนีเซียคู่รักคู่แค้นของมาเลเซีย ที่จ้องรัฐซาบาห์ตาเป็นมัน รวมไปถึงการแผ่อิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้ อาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรช่วยให้"รัฐซาบาห์"แยกตัวจากมาเลเซียได้เร็วขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านรายรอบ อยากได้หรืออยากมีอิทธิพลต่อรัฐซาบาห์ เนื่องจากมีทรัพยากรเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่
เพิ่มเติมข้อมูล
รัฐซาบาห์ เป็นรัฐขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากถึง 73,904 ตารางกิโลเมตร มีประชากรจำนวน 3,900,000 คน
ชาติพันธุ์ในรัฐซาบาห์
คาดาซาน-ดูซัน : 17%
บาจา : 14%
จีน : 9%
มาเลย์ : 5%
มูรุต : 3%
อื่นๆ: 20%
ไม่ใช่พลเมืองมาเลเซีย: 27%
จากชาติพันธุ์จะเห็นได้ว่า"รัฐซาบาห์"แทบจะไม่มีความเป็นมาเลเซียอยู่เลย
เศรษฐกิจหลัก ปิโตรเลียม เกษตรกรรม ป่าไม้ เหมืองหินและการท่องเที่ยว โดยมูลค่า GDP ในปี 2020 มีมากถึง 700,310 ล้านบาท (19,806 ล้านUS$) เป็นรัฐที่สร้างรายได้เป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 16 เขต (13 รัฐ+3 เขตดินแดนสหพันธ์ ) ของประเทศมาเลเซีย แม้ว่าในปี 2020 ประเทศมาเลเซียจะโดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากเชื้อโควิดอย่างหนัก แต่มูลค่า GDP ของรัฐซาบาห์ตกลงมาไม่มากจากปี 2019 ที่มี GDP อยู่ที่ 824,685 ล้านบาท (22,907 ล้านUS$) รัฐซาบาห์จึงเป็นรัฐเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอย่างมากของประเทศมาเลเซีย
ถ้าฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีน ได้"รัฐซาบาห์"เข้ามาอยู่ในอิทธิพลของตนเอง จะส่งผลดีทางด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน และด้านความมั่นคงทางการทหาร เป็นจุดยุทธศาสตร์การเดินเรือที่สำคัญของทะเลจีนใต้