ถึงคนไทย เรื่องดราม่าวัฒนธรรม (จากใจคนกัมพูชา)

จริงๆ ผมยอมรับว่า เรื่องดราม่ามีมานานมากแล้วจนผมรู้สึกเบื่อหน่ายด้วย เพราะผมไม่เคยซีเรียสเรื่องวัฒนธรรม และช่วงหลังๆ กลายเป็นว่าคนกัมพูชาบางส่วนเองก็เป็นคนที่ไปปะทะกับคนไทยเองด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม

คนในประเทศผมน่าสงสาร ตั้งแต่ยุคอาณานิคมก็ถูกปลูกฝังให้เกลียดไทย มองว่าไทยเป็นชาติล่าเมืองขึ้นในสมัยโบราณ ผ่านมาถึงยุคหนึ่งก็ไปปลูกฝังเวียดนามเป็นศัตรู เวลาจุดหนึ่งก็สร้างปัญหากับลาว เหตุผลหลังๆ มักเป็นเพราะนักการเมืองในกัมพูชา (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) เป็นคนจัดเองเพื่อหาเสียงและสร้างภาพให้ประชาชนว่าตัวเองเป็นนักการเมืองที่พร้อมพุ่งชนทุกปัญหา (ความจริงคือ หนีก่อนใครเพื่อน) ผมยังรู้จักกับกลุ่มนาฏศิลป์ในกัมพูชาหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีเวลามานั่งเถียงกับคนไทยว่าของใครมาก่อนมาหลัง สิ่งเดียวที่พวกเขาทำคือ สืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ยังรอดหลงเหลือมาจากยุคเขมรแดง ยุคนั้นทำลายวัฒนธรรมหลายอย่างไปมาก บางอย่างเป็นวัฒนธรรมที่เราทำมาเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีชาวเน็ตกัมพูชาบางกลุ่มพยายามทวงคืนสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นสมบัติชาติที่จับต้องไม่ได้ตลอด (จับต้องไม่ได้ หมายถึง วัฒนธรรมที่ไร้รูป อย่างเช่น การรำ หรือ ละคร) ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อให้ภาพการท่องเที่ยวกัมพูชาให้ดูดี หรือเกิดความภูมิใจที่วัฒนธรรมตัวเองดังไปทั่วไปเหมือนอย่างโขนไทยหรือรำไทย (จริงๆ นครวัดก็ดังพออยู่แล้ว)

ผมยอมรับว่าบางทีผมก็อยากตักเตือนบางท่านที่ล้อโขนกัมพูชา บางท่านที่ล้อวัฒนธรรมกัมพูชาที่นำมาจากไทย แต่ผมคิดอยู่เสมอว่า เราไปทำเขาก่อน และรู้ดีว่าตัวเองคงไปห้ามปรามฝ่ายไหนไม่ได้ แต่เนื่องจากคนไทยเข้าใจผมดีมากกว่า จึงอยากแนะนำว่า ให้คนไทยนำเสนอวัฒนธรรม ที่มาของวัฒนธรรม หรือพูดง่ายๆ ก็คือ รุกก่อนได้เปรียบ เพื่อให้เห็นว่าวัฒนธรรมไทย ไม่ได้ขโมยใครมา และเป็นแบบให้ไปทำตามด้วยซ้ำ ให้นำเสนออย่างมีข้อมูลหลักฐานแน่นหนาพอให้หุบปากพวกที่พยายามทำประเทศผมขายหน้า แล้วผมจะรู้สึกเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ขอแสดงความเคารพนับถือ
อภิรักษ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่