คงเป็นงานที่ต้องตาต้องใจใครหลายๆ คนตั้งแต่แรกเห็นสำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "ทฤษฎีสีฟ้า" ซึ่งหลังจากที่ได้ดูตัวอย่างก็ต้องยอมรับว่าน่าสนใจไม่น้อย กับการนำเสนอเรื่องราวของการบินบนฟ้าด้วยเครื่องร่อน (Glider หรือ Sailplane) ที่สัมผัสได้ถึงความสุขและแรงบันดาลใจที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสื่อออกมา จาก Telecom Animation Film สตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังงานจากสตูดิโอชื่อดังอย่าง Ghibli Studio หลายเรื่อง ทั้ง Spirited Away, The Cat Returns และ The Wind Rises รวมถึงภาพยนตร์โคนันเดอะมูฟวี่อีกหลายภาค ซึ่งคราวนี้ Blue Thermal จะเป็นผลงานการผลิตด้วยตัวเองเป็นเรื่องแรกของสตูดิโอ
.
เรื่องราวของ สึรุ ทามากิ เด็กสาว ที่ฝันอยากจะมีชีวิตธรรมดาๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเมื่อ เจ้าตัวได้ทำเครื่องร่อนของ "ชมรมกีฬาการบิน" ของมหาวิทยาลัย เสียหายตั้งแต่เปิดภาคเรียน ทามากิ จึงได้รับข้อเสนอให้มาเข้าร่วมชมรม แลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมเครื่องร่อน ซึ่งมี คุราโมจิ จุน รุ่นพี่ชมรมปี 4 ที่พาเธอขึ้นเครื่องร่อนเป็นครั้งแรก และทำให้ได้รู้จักกับ "บลูเธอร์มัล" หรือ “สายลมที่ถ้าคว้าได้จะมีความสุข” ที่ทำให้ทามากิ เปลี่ยนแปลงมุมมองของเธอต่อเครื่องร่อนตลอดไป
ก่อนอื่นคงต้องชื่นชมถึงคุณภาพของตัวอนิเมชั่นว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ไม่แพ้งานรุ่นพี่ทั้งหลายที่เคยสร้างความประทับใจให้กับคนดูเมื่อครั้งที่เข้าฉาย ทั้งการเผยให้เห็นทัศนียภาพยามเครื่องร่อนลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ที่มีรายละเอียดของพื้นผิวโลกด้านล่างและท้องฟ้าสีครามพร้อมหมู่มวลก้อนเมฆที่แปรผันกับสภาพอากาศ เพื่อมอบประสบการณ์และดึงดูดคนดูให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครให้มากที่สุด เหมือนกันที่นางเอกของเรื่องพูดว่า "ชั่วขณะนั้น ฉันก็ตกหลุมรักท้องฟ้าซะแล้ว" และคล้ายกับที่ Topgun: Maverick มอบประสบการณ์ในห้องโดยสารของเครื่องบินขับไล่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับเรา ซึ่ง Blue Thermal ก็สอบผ่านตรงจุดนี้ได้อย่างฉลุย
รายละเอียดในส่วนต่างๆ เช่น ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับทุ่งหญ้าเขียวขจีที่พร้อมสั่นไหวไปตามแรงลม ซึ่งปรากฏอยู่บ่อยครั้งในเรื่องก็ทำออกมาได้สวยงาม จนรู้สึกเหมือนมีลมร้อนปะทะหน้าเบาๆ ด้วยซ้ำ จนสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของทีมผู้สร้าง หรือแม้แต่ฉากอื่นๆ อย่างมหาวิทยาลัยเอย บ้านเรือนเอย ที่พักเอย ถึงแม้จะไม่วิจิตรเท่ากับงานของชินไค มาโคโตะ แต่ก็ต้องบอกว่าอยู่ในขั้นที่ไม่ต้องอายใครแน่นอน
การออกแบบใบหน้าและการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีมาก ด้วยใบหน้าของตัวละครทุกตัวที่ดูน่ารัก ลายเส้นมีความละมุน โดยเฉพาะน้องนางเอกที่ต้องยอมในความน่ารักจนอาจจะหลงเสน่ห์ได้ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะแววตาของน้องที่กลมโต สดใส และใสซื่อ เข้ากับคาแรคเตอร์และตัวเรื่องมากๆ ส่วนคนอื่นๆ อย่างรุ่นพี่หนุ่มแว่นก็น่าจะถูกใจใครหลายคนด้วยเช่นกัน
.
ในส่วนของการเล่าเรื่อง ถ้าให้คะแนนแค่ส่วนของอนิเมชั่นนั้น จะให้สิบเต็มก็ดูไม่น่าเกินจริง แต่ต้องยอมรับว่าด้วยการเล่าเรื่องยังไม่สามารถไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบได้ เพราะการเล่าเรื่องดูจะหมกมุ่นกับเรื่องของ “ชมรมกีฬาการบิน” จนเนื้อเรื่องขาดมิติอะไรหลายๆอย่างไป ทั้งในส่วนของเรื่องราวชีวิตด้านอื่นของนางเอกเอง หรือตัวละครอื่นๆเอง ที่ใส่มาดูเหมือนจะมีบทบาทแต่ก็ไม่ได้มีเท่าไหร่ (อาจเป็นเพราะต้นฉบับที่เป็นมังงะมีทั้งหมด 5 เล่ม เนื้อเรื่องมิติด้านอื่นๆ อาจจะไม่ถูกนำมาใส่) แต่นั่นก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่า เมื่อดูจบแล้ว ความรู้สึกของเรื่องราวที่ได้มันออกจะ "ทื่อ" เกินไปสักหน่อย
ทั้งที่ตัวเรื่องก็ใส่ประเด็นเรื่องครอบครัว(พี่สาว)ของนางเอกมาช่วย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสำคัญขนาดนั้น หรือพูดอีกอย่างว่า การเล่าเรื่องยังไม่สามารถบิ้วอารมณ์คนดูให้คล้อยตามไปกับความสัมพันธ์และชะตากรรมของตัวละคร ได้เหมือนกับเรื่องราวที่เป็นชะตากรรมของความรักที่ดูจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า แม้ว่าตอนท้ายจะมีการใส่เรื่องทำนองนี้มาแต่ก็ดูเหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องราวของเครื่องร่อนจนเกินไป หนำซ้ำยังมีการลงรายละเอียดค่อนข้างลึกพอสมควร อาจทำให้เกิดเบื่อได้เลย ถ้าไม่ชอบเรื่องทางเทคนิค ยังไม่รวมรายละเอียดของการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย การเข้าค่ายเก็บตัว ซึ่งรู้สึกว่าจะให้รายละเอียดเหล่านี้เข้ามามากเกินความจำเป็น
แต่เรื่องของความรู้สึก ตรงจุดนี้ก็ต้องบอกว่าสอบผ่านอีกเหมือนคุณภาพของตัวอนิเมชั่นอีกนั่นแหละ ถ้าตัดเรื่องการเล่าเรื่องออกไป ตัวเรื่องก็เค้นเอาความทื่อๆ ของการเล่นเครื่องร่อนที่แม้จะยากต่อการทำความเข้าใจ แต่ก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่มอบแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ความน่ารักอบอุ่น ความเป็นพวกพ้อง และความปลอบประโลมหัวใจ ให้กับคนดู ความรู้สึกเหมือนการที่เราเหนื่อยจากเรื่องต่างๆ แล้วมีสิ่งที่ช่วยเติมเต็มให้เรารู้สึกอยากใช้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ทำนองนั้น อาจเป็นผลรวมจากทั้งความงามด้านภาพ สีสันที่สดใสของท้องฟ้า รายละเอียดของฉากหลัง มุมกล้องที่ทำงานกับการเผยวิวทิวทัศน์บนเครื่องร่อน ความน่ารักของตัวละคร ดนตรีประกอบที่ช่วยคลอความรู้สึกแจ่มใสมีพลัง ซึ่งทั้งหมดนี้มันทำให้เรารู้สึกตกหลุมรัก Blue Thermal ได้อย่างไม่ยากเย็น เหมือนกับที่นางเอกตกหลุมรักท้องฟ้า และที่รุ่นพี่หนุ่มแว่นบอกว่า Blue Thermal ก็คือ "สายลมที่ถ้าจับได้ก็จะมีความสุข" ไม่มีผิดเพี้ยน
ด้านตัวละคร นางเอกของเรื่องอย่าง สึรุ ทามากิ (CV:ฮตตะ มายุ) คงเปรียบได้กับเจ้าของเรื่องราวทั้งหมดนี้ เพราะทุกอย่างเรื่องหมุนรอบตัวของเธอ ด้วยคาแรคเตอร์ที่สดใส น่ารัก ไร้เดียงสา และก็มีพลังบวกส่งให้คนรอบข้าง อีกทั้งยังยิงมุกเรียกเสียงฮาได้หลายครั้ง ยังไม่รวมถึงพรสวรรค์ในการบังคับเครื่องร่อนที่เก่งเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ อีกนะ (เหมือนความเทพของ พีท มาเวอริค เป๊ะๆ) ก็ทำให้ "สึรุทามะ" เป็นตัวละครที่มีคุณสมบัติครบครันในการเป็นผู้นำของเรื่อง ในส่วนของ คุราโมจิ จุน (CV:ชิมาซากิ โนบุนางะ) รุ่นพี่หนุ่มแว่น ปี4 ที่เป็นคนชวนทามากิเข้าชมรม แล้วพาขึ้นเครื่องร่อนครั้งแรก จะบอกว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็น่าจะใช่ แต่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขากับทามากิ ดูจะเป็นเหมือนรุ่นพี่กับรุ่นน้องมากกว่า ทำให้พาร์ทความรักของเรื่องดูจะไม่มีอะไรน่าลุ้นสักเท่าไหร่
ในขณะที่ โซราจิ ไดสึเกะ (CV:เอโนกิ จุนยะ) สมาชิกชมรมปี 2 ที่รับผิดชอบดูแลทามากิ ยังดูมีเคมีที่เข้ากันได้ดีกว่าด้วยซ้ำ หรือจะเป็นพี่สาวของทามากิ ยาโนะ จิซึรุ (CV:โคมัตสึ มิคาโกะ) ที่เป็นสมาชิกชมรมการบินมหาวิทยาลัยคู่แข่ง ซึ่งอย่างที่บอกว่าประเด็นของสองคนนี้มันไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงหรือมีพลังดำเนินเรื่องสักเท่าไหร่นัก แต่ตัวละครนี้ก็ยังมีแง่มุมที่จับต้องได้อยู่เหมือนกัน
ด้านดนตรีประกอบต้องบอกว่ามีส่วนช่วยในการขับกล่อมเรื่องราวอย่างมาก ชอบตรงที่เวลาเครื่องร่อนบินอยู่บนท้องฟ้า ก็จะใช้ดนตรีประกอบสร้างอารมณ์เหมือนมีสายลมมาปะทะใบหน้ายังไงยังงั้น หรือความตื่นเต้นในการทะยานจากพื้นดินก็ใช้ดนตรีสื่ออารมณ์ออกมาได้สวย ยิ่งตอนที่เจอ Blue Thermal ยิ่งรู้สึกถึงแรงขับอะไรบางอย่างที่ดนตรีส่งออกมา เหมือนกับความรู้สึกของตัวละครด้วย และในส่วนของเพลงประกอบ เป็นผลงานของวง SHE’S วงเปียโนร็อกซึ่งครบรอบปีที่ 10 ของวงไปในปี 2021 ซึ่งก็มีความไพเราะเข้ากับตัวเรื่องได้ดี
สรุป Blue Thermal เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต ยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็นความแรงบันดาลใจและความสุขที่ถูกส่งออกมา ผ่านการบินด้วยเครื่องร่อน ที่แม้เราอาจไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก แต่ความรู้สึกที่ตัวเรื่องตั้งใจสื่อออกมา ผสานกับคุณภาพของอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยม มันสามารถรับรู้ด้วยหัวใจ และทำให้เราตกหลุมรักอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็นเลย
[รีวิว] Blue Thermal: สายลมแห่งความสุขที่พัดพาเอาความสุข ความอ่อนโยน และแรงบันดาลใจ มาหล่อเลี้ยงหัวใจของผู้คน
เรื่องราวของ สึรุ ทามากิ เด็กสาว ที่ฝันอยากจะมีชีวิตธรรมดาๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเมื่อ เจ้าตัวได้ทำเครื่องร่อนของ "ชมรมกีฬาการบิน" ของมหาวิทยาลัย เสียหายตั้งแต่เปิดภาคเรียน ทามากิ จึงได้รับข้อเสนอให้มาเข้าร่วมชมรม แลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมเครื่องร่อน ซึ่งมี คุราโมจิ จุน รุ่นพี่ชมรมปี 4 ที่พาเธอขึ้นเครื่องร่อนเป็นครั้งแรก และทำให้ได้รู้จักกับ "บลูเธอร์มัล" หรือ “สายลมที่ถ้าคว้าได้จะมีความสุข” ที่ทำให้ทามากิ เปลี่ยนแปลงมุมมองของเธอต่อเครื่องร่อนตลอดไป
ก่อนอื่นคงต้องชื่นชมถึงคุณภาพของตัวอนิเมชั่นว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ไม่แพ้งานรุ่นพี่ทั้งหลายที่เคยสร้างความประทับใจให้กับคนดูเมื่อครั้งที่เข้าฉาย ทั้งการเผยให้เห็นทัศนียภาพยามเครื่องร่อนลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ที่มีรายละเอียดของพื้นผิวโลกด้านล่างและท้องฟ้าสีครามพร้อมหมู่มวลก้อนเมฆที่แปรผันกับสภาพอากาศ เพื่อมอบประสบการณ์และดึงดูดคนดูให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครให้มากที่สุด เหมือนกันที่นางเอกของเรื่องพูดว่า "ชั่วขณะนั้น ฉันก็ตกหลุมรักท้องฟ้าซะแล้ว" และคล้ายกับที่ Topgun: Maverick มอบประสบการณ์ในห้องโดยสารของเครื่องบินขับไล่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับเรา ซึ่ง Blue Thermal ก็สอบผ่านตรงจุดนี้ได้อย่างฉลุย
รายละเอียดในส่วนต่างๆ เช่น ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับทุ่งหญ้าเขียวขจีที่พร้อมสั่นไหวไปตามแรงลม ซึ่งปรากฏอยู่บ่อยครั้งในเรื่องก็ทำออกมาได้สวยงาม จนรู้สึกเหมือนมีลมร้อนปะทะหน้าเบาๆ ด้วยซ้ำ จนสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของทีมผู้สร้าง หรือแม้แต่ฉากอื่นๆ อย่างมหาวิทยาลัยเอย บ้านเรือนเอย ที่พักเอย ถึงแม้จะไม่วิจิตรเท่ากับงานของชินไค มาโคโตะ แต่ก็ต้องบอกว่าอยู่ในขั้นที่ไม่ต้องอายใครแน่นอน
การออกแบบใบหน้าและการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีมาก ด้วยใบหน้าของตัวละครทุกตัวที่ดูน่ารัก ลายเส้นมีความละมุน โดยเฉพาะน้องนางเอกที่ต้องยอมในความน่ารักจนอาจจะหลงเสน่ห์ได้ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะแววตาของน้องที่กลมโต สดใส และใสซื่อ เข้ากับคาแรคเตอร์และตัวเรื่องมากๆ ส่วนคนอื่นๆ อย่างรุ่นพี่หนุ่มแว่นก็น่าจะถูกใจใครหลายคนด้วยเช่นกัน
ในส่วนของการเล่าเรื่อง ถ้าให้คะแนนแค่ส่วนของอนิเมชั่นนั้น จะให้สิบเต็มก็ดูไม่น่าเกินจริง แต่ต้องยอมรับว่าด้วยการเล่าเรื่องยังไม่สามารถไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบได้ เพราะการเล่าเรื่องดูจะหมกมุ่นกับเรื่องของ “ชมรมกีฬาการบิน” จนเนื้อเรื่องขาดมิติอะไรหลายๆอย่างไป ทั้งในส่วนของเรื่องราวชีวิตด้านอื่นของนางเอกเอง หรือตัวละครอื่นๆเอง ที่ใส่มาดูเหมือนจะมีบทบาทแต่ก็ไม่ได้มีเท่าไหร่ (อาจเป็นเพราะต้นฉบับที่เป็นมังงะมีทั้งหมด 5 เล่ม เนื้อเรื่องมิติด้านอื่นๆ อาจจะไม่ถูกนำมาใส่) แต่นั่นก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่า เมื่อดูจบแล้ว ความรู้สึกของเรื่องราวที่ได้มันออกจะ "ทื่อ" เกินไปสักหน่อย
ทั้งที่ตัวเรื่องก็ใส่ประเด็นเรื่องครอบครัว(พี่สาว)ของนางเอกมาช่วย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสำคัญขนาดนั้น หรือพูดอีกอย่างว่า การเล่าเรื่องยังไม่สามารถบิ้วอารมณ์คนดูให้คล้อยตามไปกับความสัมพันธ์และชะตากรรมของตัวละคร ได้เหมือนกับเรื่องราวที่เป็นชะตากรรมของความรักที่ดูจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า แม้ว่าตอนท้ายจะมีการใส่เรื่องทำนองนี้มาแต่ก็ดูเหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องราวของเครื่องร่อนจนเกินไป หนำซ้ำยังมีการลงรายละเอียดค่อนข้างลึกพอสมควร อาจทำให้เกิดเบื่อได้เลย ถ้าไม่ชอบเรื่องทางเทคนิค ยังไม่รวมรายละเอียดของการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย การเข้าค่ายเก็บตัว ซึ่งรู้สึกว่าจะให้รายละเอียดเหล่านี้เข้ามามากเกินความจำเป็น
แต่เรื่องของความรู้สึก ตรงจุดนี้ก็ต้องบอกว่าสอบผ่านอีกเหมือนคุณภาพของตัวอนิเมชั่นอีกนั่นแหละ ถ้าตัดเรื่องการเล่าเรื่องออกไป ตัวเรื่องก็เค้นเอาความทื่อๆ ของการเล่นเครื่องร่อนที่แม้จะยากต่อการทำความเข้าใจ แต่ก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่มอบแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ความน่ารักอบอุ่น ความเป็นพวกพ้อง และความปลอบประโลมหัวใจ ให้กับคนดู ความรู้สึกเหมือนการที่เราเหนื่อยจากเรื่องต่างๆ แล้วมีสิ่งที่ช่วยเติมเต็มให้เรารู้สึกอยากใช้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ทำนองนั้น อาจเป็นผลรวมจากทั้งความงามด้านภาพ สีสันที่สดใสของท้องฟ้า รายละเอียดของฉากหลัง มุมกล้องที่ทำงานกับการเผยวิวทิวทัศน์บนเครื่องร่อน ความน่ารักของตัวละคร ดนตรีประกอบที่ช่วยคลอความรู้สึกแจ่มใสมีพลัง ซึ่งทั้งหมดนี้มันทำให้เรารู้สึกตกหลุมรัก Blue Thermal ได้อย่างไม่ยากเย็น เหมือนกับที่นางเอกตกหลุมรักท้องฟ้า และที่รุ่นพี่หนุ่มแว่นบอกว่า Blue Thermal ก็คือ "สายลมที่ถ้าจับได้ก็จะมีความสุข" ไม่มีผิดเพี้ยน
ด้านตัวละคร นางเอกของเรื่องอย่าง สึรุ ทามากิ (CV:ฮตตะ มายุ) คงเปรียบได้กับเจ้าของเรื่องราวทั้งหมดนี้ เพราะทุกอย่างเรื่องหมุนรอบตัวของเธอ ด้วยคาแรคเตอร์ที่สดใส น่ารัก ไร้เดียงสา และก็มีพลังบวกส่งให้คนรอบข้าง อีกทั้งยังยิงมุกเรียกเสียงฮาได้หลายครั้ง ยังไม่รวมถึงพรสวรรค์ในการบังคับเครื่องร่อนที่เก่งเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ อีกนะ (เหมือนความเทพของ พีท มาเวอริค เป๊ะๆ) ก็ทำให้ "สึรุทามะ" เป็นตัวละครที่มีคุณสมบัติครบครันในการเป็นผู้นำของเรื่อง ในส่วนของ คุราโมจิ จุน (CV:ชิมาซากิ โนบุนางะ) รุ่นพี่หนุ่มแว่น ปี4 ที่เป็นคนชวนทามากิเข้าชมรม แล้วพาขึ้นเครื่องร่อนครั้งแรก จะบอกว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็น่าจะใช่ แต่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขากับทามากิ ดูจะเป็นเหมือนรุ่นพี่กับรุ่นน้องมากกว่า ทำให้พาร์ทความรักของเรื่องดูจะไม่มีอะไรน่าลุ้นสักเท่าไหร่
ในขณะที่ โซราจิ ไดสึเกะ (CV:เอโนกิ จุนยะ) สมาชิกชมรมปี 2 ที่รับผิดชอบดูแลทามากิ ยังดูมีเคมีที่เข้ากันได้ดีกว่าด้วยซ้ำ หรือจะเป็นพี่สาวของทามากิ ยาโนะ จิซึรุ (CV:โคมัตสึ มิคาโกะ) ที่เป็นสมาชิกชมรมการบินมหาวิทยาลัยคู่แข่ง ซึ่งอย่างที่บอกว่าประเด็นของสองคนนี้มันไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงหรือมีพลังดำเนินเรื่องสักเท่าไหร่นัก แต่ตัวละครนี้ก็ยังมีแง่มุมที่จับต้องได้อยู่เหมือนกัน
ด้านดนตรีประกอบต้องบอกว่ามีส่วนช่วยในการขับกล่อมเรื่องราวอย่างมาก ชอบตรงที่เวลาเครื่องร่อนบินอยู่บนท้องฟ้า ก็จะใช้ดนตรีประกอบสร้างอารมณ์เหมือนมีสายลมมาปะทะใบหน้ายังไงยังงั้น หรือความตื่นเต้นในการทะยานจากพื้นดินก็ใช้ดนตรีสื่ออารมณ์ออกมาได้สวย ยิ่งตอนที่เจอ Blue Thermal ยิ่งรู้สึกถึงแรงขับอะไรบางอย่างที่ดนตรีส่งออกมา เหมือนกับความรู้สึกของตัวละครด้วย และในส่วนของเพลงประกอบ เป็นผลงานของวง SHE’S วงเปียโนร็อกซึ่งครบรอบปีที่ 10 ของวงไปในปี 2021 ซึ่งก็มีความไพเราะเข้ากับตัวเรื่องได้ดี
สรุป Blue Thermal เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต ยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็นความแรงบันดาลใจและความสุขที่ถูกส่งออกมา ผ่านการบินด้วยเครื่องร่อน ที่แม้เราอาจไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก แต่ความรู้สึกที่ตัวเรื่องตั้งใจสื่อออกมา ผสานกับคุณภาพของอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยม มันสามารถรับรู้ด้วยหัวใจ และทำให้เราตกหลุมรักอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็นเลย