ปีหน้าเสร็จปรับโฉมท่าเรือเจ้าพระยา29แห่ง1,144ล้าน
*ปี 67เริ่มใช้ระบบอัจฉริยะตัดเงินค่าตั๋ว-ไวไฟฟรี
*ผู้ประกอบการเร่งเปลี่ยนเรือไฟฟ้าเติมเต็ม48ลำ
นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามแผนทั้งหมด 29 แห่ง งบประมาณ 1,144 ล้านบาท
ด้วยการปรับปรุงกายภาพ ตกแต่งท่าเรือใหม่ให้เกิดความสวยงาม และเกิดความสะดวกคล่องตัวสำหรับผู้ใช้บริการจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี66ตามที่กำหนด
หลังจากนั้นจะติดตั้งระบบให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะหรือ Smart Pier ในปี 67 โดยมีภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตามกรอบที่กรมเจ้าท่ากำหนดให้นำเทคโนโลยีระบบดิจิตอล มายกระดับบริการ
อาทิ ระบบบอกเวลาเรือเข้า-ออกท่าเรือแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าจอดิจิตอล เพื่อให้ผู้เดินทางรู้กำหนดเวลาแน่นอนที่เรือมาถึง สามารถบริหารเวลาเดินทางได้
ระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบเงินดิจิตอล ระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน และตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตรใบนี้ ช่วยลดการสัมผัส ในอนาคตจะปรับเป็นระบบตัด-เติมเงิน ผ่านตัวอ่านข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ก็จะยิ่งได้รับความสะดวกไปอีก
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีระบบแนะนำเส้นทางการเชื่อมต่อรถโดยสาร ทางลาดคนพิการ และห้องน้ำอัจฉริยะ ทั้งสะอาด สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และ Free Wi-Fi ด้วย
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิดนั้น ได้นำเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ขั้นตอนต่อไป กระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
สำหรับแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร 29 แห่ง ดำเนินการระหว่างปี 62-67 เพื่อพัฒนายกระดับท่าเรือให้มีความสวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือ
ปัจจุบันแล้วเสร็จ 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า, ท่าเรือสะพานพุทธ, ท่าเรือนนทบุรี , ท่าเรือท่าช้าง และท่าเรือสาทร ภายในปี 65 จะเสร็จอีก 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือราชินี,ท่าเรือบางโพ, ท่าเรือพายัพ, ท่าเรือท่าเตียน, ท่าเรือพระราม 7 และ ท่าเรือเกียกกาย
ส่วนอีก 18 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า, ท่าเรือพระราม 5, ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้), ท่าเรือเขียวไข่กา, ท่าเรือโอเรียนเต็ล ,ท่าเรือเทเวศร์, ท่าเรือราชวงศ์, ท่าเรือสี่พระยา, ท่าเรือพรานนก
ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี), ท่าเรือวัดตึก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 1, ท่าเรือวัดเขมา, ท่าเรือวัดสร้อยทอง, ท่าเรือวัดเทพากร, ท่าเรือวัดเทพนารี, ท่าเรือรถไฟ และท่าเรือวัดเศวตฉัตร
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับตัวเรือกรมเจ้าท่าได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือมาใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ และ ลดปริมาณการใช้พลังงานน้ำมัน
พร้อมนำเรือไฟฟ้า (EV) มาให้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนา ท่าเรือเป็น Smart Pier ขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการ แจ้งว่าภายในปีนี้จะนำเรือไฟฟ้า เข้ามาให้บริการในระบบอีก 20 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการอยู่ 28 ลำ รวมเป็น 48 ลำ
—————————
#ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์
#พัฒนาท่าเรือโดยสารเจ้าพระยา
#กรมเจ้าท่า
@@@ ความคืบหน้า 29 ท่าเรือ @@@
*ปี 67เริ่มใช้ระบบอัจฉริยะตัดเงินค่าตั๋ว-ไวไฟฟรี
*ผู้ประกอบการเร่งเปลี่ยนเรือไฟฟ้าเติมเต็ม48ลำ
นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามแผนทั้งหมด 29 แห่ง งบประมาณ 1,144 ล้านบาท
ด้วยการปรับปรุงกายภาพ ตกแต่งท่าเรือใหม่ให้เกิดความสวยงาม และเกิดความสะดวกคล่องตัวสำหรับผู้ใช้บริการจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี66ตามที่กำหนด
หลังจากนั้นจะติดตั้งระบบให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะหรือ Smart Pier ในปี 67 โดยมีภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตามกรอบที่กรมเจ้าท่ากำหนดให้นำเทคโนโลยีระบบดิจิตอล มายกระดับบริการ
อาทิ ระบบบอกเวลาเรือเข้า-ออกท่าเรือแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าจอดิจิตอล เพื่อให้ผู้เดินทางรู้กำหนดเวลาแน่นอนที่เรือมาถึง สามารถบริหารเวลาเดินทางได้
ระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบเงินดิจิตอล ระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน และตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตรใบนี้ ช่วยลดการสัมผัส ในอนาคตจะปรับเป็นระบบตัด-เติมเงิน ผ่านตัวอ่านข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ก็จะยิ่งได้รับความสะดวกไปอีก
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีระบบแนะนำเส้นทางการเชื่อมต่อรถโดยสาร ทางลาดคนพิการ และห้องน้ำอัจฉริยะ ทั้งสะอาด สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และ Free Wi-Fi ด้วย
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิดนั้น ได้นำเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ขั้นตอนต่อไป กระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
สำหรับแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร 29 แห่ง ดำเนินการระหว่างปี 62-67 เพื่อพัฒนายกระดับท่าเรือให้มีความสวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือ
ปัจจุบันแล้วเสร็จ 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า, ท่าเรือสะพานพุทธ, ท่าเรือนนทบุรี , ท่าเรือท่าช้าง และท่าเรือสาทร ภายในปี 65 จะเสร็จอีก 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือราชินี,ท่าเรือบางโพ, ท่าเรือพายัพ, ท่าเรือท่าเตียน, ท่าเรือพระราม 7 และ ท่าเรือเกียกกาย
ส่วนอีก 18 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า, ท่าเรือพระราม 5, ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้), ท่าเรือเขียวไข่กา, ท่าเรือโอเรียนเต็ล ,ท่าเรือเทเวศร์, ท่าเรือราชวงศ์, ท่าเรือสี่พระยา, ท่าเรือพรานนก
ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี), ท่าเรือวัดตึก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 1, ท่าเรือวัดเขมา, ท่าเรือวัดสร้อยทอง, ท่าเรือวัดเทพากร, ท่าเรือวัดเทพนารี, ท่าเรือรถไฟ และท่าเรือวัดเศวตฉัตร
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับตัวเรือกรมเจ้าท่าได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือมาใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ และ ลดปริมาณการใช้พลังงานน้ำมัน
พร้อมนำเรือไฟฟ้า (EV) มาให้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนา ท่าเรือเป็น Smart Pier ขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการ แจ้งว่าภายในปีนี้จะนำเรือไฟฟ้า เข้ามาให้บริการในระบบอีก 20 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการอยู่ 28 ลำ รวมเป็น 48 ลำ
—————————
#ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์
#พัฒนาท่าเรือโดยสารเจ้าพระยา
#กรมเจ้าท่า