เมื่อพูดถึงชื่อของ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ภาพที่มาคู่กันคือพระเอกสุดหล่อ อบอุ่น มีเสน่ห์ และแม้ช่วงที่ผ่านมาอาจหายหน้าหายตาไปบ้าง แต่บอกเลยว่าปีนี้หายคิดถึงแน่นอน เพราะมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆมาให้ติดตามเพียบ
แพรวชวนเขามาพูดคุยถึงชีวิตในบทบาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะแดดดี้ สามี ผู้บริหาร พี่ชาย ช่างภาพ ช่างทำบ้าน ที่เขานิยามตัวเองว่า “เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว”
[เนื้อหาตัดมาเพียงบางส่วน อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารแพรว ฉบับที่ 983 เดือนมิ.ย.65 หน้า 121-127 (ปกโป๊บเบลล่า)]
-------------------------------------------------------
บทบาทเจ้าของค่ายเพลงในวงการ T-POP
-------------------------------------------------------
พี่ติ๊กกับน้องๆวง PROXIE ค่าย bROTHERS Music -- เจ้าของค่ายกับศิลปินอายุห่างกัน 20+ แต่ดูกลมกลืนกันมาก
เล่าถึงการทำค่ายเพลงน้องใหม่ bROTHERS Music หน่อยค่ะ
งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันของผมนะ เคยคิดว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องปลดระวางจากงานบางประเภท เช่น การเป็นพระเอก (ยิ้ม) เพราะคงไม่มีใครเป็นพระเอกไปตลอด...ถูกไหมครับ หรือวันหนึ่งเราอาจจะไม่สามารถเล่นละคร เล่นหนัง แล้วต้องไปทำอย่างอื่น ซึ่งเราก็คิดอยู่ตลอดว่าจะทำอะไร อาจเป็นการทำงานเบื้องหลังโน่นนี่นั่น ซึ่งจริงๆมีหลายอย่างที่อยากทำนะ แต่อาจยังไม่มีโอกาสได้ทำ
... ตอนนั้นไอเดียคืออยากทำไอดอลผู้ชายที่เป็นมากกว่าไอดอลทั่วไป นั่นคือการเสริมทักษะด้านต่างๆให้น้องๆ ทั้งจากประสบการณ์ของเราเองและจากโค้ชคนอื่นด้วย จึงเป็นที่มาของการทำโปรเจ็กต์นี้ ที่เราต้องไปรวบรวมเหล่าจอมยุทธ์ คือ นิชคุณ อนันดา มาริโอ้ และตัวติ๊กเอง เพื่อนำประสบการณ์ของแต่ละคนมาถ่ายทอดให้กับน้องๆ
ตั้งใจว่าพอออดิชั่นน้องๆเข้ามาในรายการ The Brothers Thailand แล้ว ไม่อยากให้รู้สึกว่าเป็นการประกวดหรือถ้าแพ้แล้วคัดออก แต่อยากฝึกฝนและเทรนทุกคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าถนัดหรือโดดเด่นด้านไหน ...
... โดยศิลปินกลุ่มแรกที่ได้เดบิวต์คือ PROXIE ... ปล่อยซิงเกิ้ลแรกเพลง Crazy Love (รักบ้าบอ) นอกจากนั้นยังมีน้องๆ อีกจำนวนหนึ่งที่กำลังฝึกฝนอยู่ อย่างบางคนที่ถนัดในเรื่องการแสดง เราก็จะเน้นทางนั้นด้วย ...
บอสติ๊กแชร์ประสบการณ์อะไรกับน้องๆบ้างคะ
มีหลายเรื่องเลยครับ อย่างแรกการตอบคำถาม เพราะเราเคยผ่านมาก่อน ก็ช่วยไกด์ว่าเขาจะเจออะไรบ้าง ... รวมถึงการวางตัว ...
... และสิ่งที่ติ๊กให้เขาเพิ่มก็คือความมีระเบียบ เวลาไปทำงาน ไปใช้สถานที่ต่างๆ หรือเวลาดื่มน้ำ ทุกครั้งต้องไม่ลืมหยิบขยะไปทิ้ง ชิ้นไหนที่รีไซเคิลได้แล้วมีถังแยกไว้ให้ก็ต้องใส่ใจ แยกให้ถูกต้อง
เราพยายามอุดช่องโหว่ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะอยากให้เขาพิเศษ ไม่เหมือนใคร ความสามารถทางการร้องเพลงและการเต้นอาจใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่จะทำให้คุณไม่เหมือนใครคือเรื่องพวกนี้ อยากให้เวลาใครได้เจอ PROXIE แล้วจะต้องรัก ...
จำได้ว่าการเป็นศิลปินหรือนักดนตรีก็เป็นหนึ่งในความฝันด้วยใช่ไหมคะ
ใช่ครับ ติ๊กเล่นดนตรีตั้งแต่ ป.6 เริ่มจากกีตาร์คลาสสิก ... จนถึงประมาณช่วงปี 1 เจอเพื่อนเก่าที่มหาวิทยาลัย คุยกันว่าน่าจะทำวงดนตรีนะ จึงเริ่มหาสมาชิกคนอื่นๆ และตั้งเป็นวงขึ้นมา โดยติ๊กรับตำแหน่งมือกีตาร์ เริ่มหัดเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ตอนนั้นตั้งใจว่าอยากเล่นดนตรีจริงจัง พยายามซ้อม เพราะอยากจะประกวดเวทีต่างๆ ...
------------------------------------------------------------------
บทบาทและเส้นทางในวงการบันเทิง 25 ปีที่ผ่านมา
------------------------------------------------------------------
เส้นทางชีวิตการทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ
สำหรับติ๊ก ชีวิตไม่ค่อยหวือหวา เพื่อนไม่เยอะ จำนวนชิ้นงานก็ไม่มาก ถ้าเทียบกับสถิติของคนอื่นๆ มีช่วงหนึ่งที่หายไปนานเลย 4 ปีเล่นละคร 1 เรื่อง เพราะทำรายการ เนวิเกเตอร์ ซึ่งเราอินกับตรงนั้นมากๆ อยากทำให้ดี
ดังนั้นผมจะมีชีวิตอยู่ทั้งในเมืองในฐานะนักแสดง การเป็นขวัญใจประชาชนสามารถอยู่ในสถานที่หรูๆ อยู่ในสังคมที่มีคนเยอะๆ แต่พอกลับมาบ้านเราก็เรียบง่าย และเรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับสิ่งที่เจอ รวมถึงสิ่งที่ได้รับ
ทำให้เรามีประสบการณ์ในเรื่องของความอดทน การต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอุปสรรคต่างๆ และการที่เราเข้าป่าก็ทำให้ได้เจอสภาพสังคมทุกรูปแบบ ทั้งสังคมเมืองหรูหรา และสังคมในพื้นที่ธรรมชาติ นอนกับพื้นดิน คือมีตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 1 ล้าน เราเห็นทุกเลเวล
ตลอดระยะเวลา 25 ปีในการทำงาน ช่วงไหนที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิต
25 ปี เบญจเพสพอดี (ยิ้ม) ช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สุดในชีวิตน่าจะเป็นช่วงที่เริ่มจับงานภาพยนตร์กับงานละคร ช่วงอายุ 23-27 ปี ถือเป็นกราฟที่ขึ้นสูงมากๆ จำได้ว่าช่วงนั้นได้รางวัลจากการแสดงเยอะพอสมควร และตอนนั้นยังเป็นยุคแอนะล็อก (Analog) ยังมีแฟนๆส่งจดหมายมาหา มีข้าวของมาให้ แต่หลังจากนั้นพออายุ 28 ก็เริ่มทำรายการ เนวิเกเตอร์ แล้วก็ห่างจากวงการไปเลย
ตอนนี้แพสชั่นเรื่องการแสดงเปลี่ยนไปจากเดิมไหมคะ
ยังเหมือนเดิมครับ ยังรักงานแสดงอยู่ ถ้าวันนี้ต้องทำงานสักชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผมก็ยังคิดว่าต้องตั้งใจทำงานชิ้นนั้นให้ดีที่สุดในแบบที่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้าน ต้องตื่นเช้า หรือต้องทำงานหนัก ก็ยังจะทำเหมือนเดิม ไม่มีเกี่ยงว่าผมไม่ไหวแล้ว...แก่แล้ว ยังไม่มีอารมณ์แบบนั้น (หัวเราะ)
(มีต่อข้างล่าง)
อัพเดตชีวิต 25 ปีในวงการบันเทิง -- ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี กับบทบาทต่างๆที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว [แพรว Special Interview]
เมื่อพูดถึงชื่อของ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ภาพที่มาคู่กันคือพระเอกสุดหล่อ อบอุ่น มีเสน่ห์ และแม้ช่วงที่ผ่านมาอาจหายหน้าหายตาไปบ้าง แต่บอกเลยว่าปีนี้หายคิดถึงแน่นอน เพราะมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆมาให้ติดตามเพียบ
แพรวชวนเขามาพูดคุยถึงชีวิตในบทบาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะแดดดี้ สามี ผู้บริหาร พี่ชาย ช่างภาพ ช่างทำบ้าน ที่เขานิยามตัวเองว่า “เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว”
[เนื้อหาตัดมาเพียงบางส่วน อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารแพรว ฉบับที่ 983 เดือนมิ.ย.65 หน้า 121-127 (ปกโป๊บเบลล่า)]
-------------------------------------------------------
บทบาทเจ้าของค่ายเพลงในวงการ T-POP
-------------------------------------------------------
พี่ติ๊กกับน้องๆวง PROXIE ค่าย bROTHERS Music -- เจ้าของค่ายกับศิลปินอายุห่างกัน 20+ แต่ดูกลมกลืนกันมาก
เล่าถึงการทำค่ายเพลงน้องใหม่ bROTHERS Music หน่อยค่ะ
งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันของผมนะ เคยคิดว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องปลดระวางจากงานบางประเภท เช่น การเป็นพระเอก (ยิ้ม) เพราะคงไม่มีใครเป็นพระเอกไปตลอด...ถูกไหมครับ หรือวันหนึ่งเราอาจจะไม่สามารถเล่นละคร เล่นหนัง แล้วต้องไปทำอย่างอื่น ซึ่งเราก็คิดอยู่ตลอดว่าจะทำอะไร อาจเป็นการทำงานเบื้องหลังโน่นนี่นั่น ซึ่งจริงๆมีหลายอย่างที่อยากทำนะ แต่อาจยังไม่มีโอกาสได้ทำ
... ตอนนั้นไอเดียคืออยากทำไอดอลผู้ชายที่เป็นมากกว่าไอดอลทั่วไป นั่นคือการเสริมทักษะด้านต่างๆให้น้องๆ ทั้งจากประสบการณ์ของเราเองและจากโค้ชคนอื่นด้วย จึงเป็นที่มาของการทำโปรเจ็กต์นี้ ที่เราต้องไปรวบรวมเหล่าจอมยุทธ์ คือ นิชคุณ อนันดา มาริโอ้ และตัวติ๊กเอง เพื่อนำประสบการณ์ของแต่ละคนมาถ่ายทอดให้กับน้องๆ
ตั้งใจว่าพอออดิชั่นน้องๆเข้ามาในรายการ The Brothers Thailand แล้ว ไม่อยากให้รู้สึกว่าเป็นการประกวดหรือถ้าแพ้แล้วคัดออก แต่อยากฝึกฝนและเทรนทุกคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าถนัดหรือโดดเด่นด้านไหน ...
... โดยศิลปินกลุ่มแรกที่ได้เดบิวต์คือ PROXIE ... ปล่อยซิงเกิ้ลแรกเพลง Crazy Love (รักบ้าบอ) นอกจากนั้นยังมีน้องๆ อีกจำนวนหนึ่งที่กำลังฝึกฝนอยู่ อย่างบางคนที่ถนัดในเรื่องการแสดง เราก็จะเน้นทางนั้นด้วย ...
บอสติ๊กแชร์ประสบการณ์อะไรกับน้องๆบ้างคะ
มีหลายเรื่องเลยครับ อย่างแรกการตอบคำถาม เพราะเราเคยผ่านมาก่อน ก็ช่วยไกด์ว่าเขาจะเจออะไรบ้าง ... รวมถึงการวางตัว ...
... และสิ่งที่ติ๊กให้เขาเพิ่มก็คือความมีระเบียบ เวลาไปทำงาน ไปใช้สถานที่ต่างๆ หรือเวลาดื่มน้ำ ทุกครั้งต้องไม่ลืมหยิบขยะไปทิ้ง ชิ้นไหนที่รีไซเคิลได้แล้วมีถังแยกไว้ให้ก็ต้องใส่ใจ แยกให้ถูกต้อง
เราพยายามอุดช่องโหว่ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะอยากให้เขาพิเศษ ไม่เหมือนใคร ความสามารถทางการร้องเพลงและการเต้นอาจใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่จะทำให้คุณไม่เหมือนใครคือเรื่องพวกนี้ อยากให้เวลาใครได้เจอ PROXIE แล้วจะต้องรัก ...
จำได้ว่าการเป็นศิลปินหรือนักดนตรีก็เป็นหนึ่งในความฝันด้วยใช่ไหมคะ
ใช่ครับ ติ๊กเล่นดนตรีตั้งแต่ ป.6 เริ่มจากกีตาร์คลาสสิก ... จนถึงประมาณช่วงปี 1 เจอเพื่อนเก่าที่มหาวิทยาลัย คุยกันว่าน่าจะทำวงดนตรีนะ จึงเริ่มหาสมาชิกคนอื่นๆ และตั้งเป็นวงขึ้นมา โดยติ๊กรับตำแหน่งมือกีตาร์ เริ่มหัดเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ตอนนั้นตั้งใจว่าอยากเล่นดนตรีจริงจัง พยายามซ้อม เพราะอยากจะประกวดเวทีต่างๆ ...
------------------------------------------------------------------
บทบาทและเส้นทางในวงการบันเทิง 25 ปีที่ผ่านมา
------------------------------------------------------------------
เส้นทางชีวิตการทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ
สำหรับติ๊ก ชีวิตไม่ค่อยหวือหวา เพื่อนไม่เยอะ จำนวนชิ้นงานก็ไม่มาก ถ้าเทียบกับสถิติของคนอื่นๆ มีช่วงหนึ่งที่หายไปนานเลย 4 ปีเล่นละคร 1 เรื่อง เพราะทำรายการ เนวิเกเตอร์ ซึ่งเราอินกับตรงนั้นมากๆ อยากทำให้ดี
ดังนั้นผมจะมีชีวิตอยู่ทั้งในเมืองในฐานะนักแสดง การเป็นขวัญใจประชาชนสามารถอยู่ในสถานที่หรูๆ อยู่ในสังคมที่มีคนเยอะๆ แต่พอกลับมาบ้านเราก็เรียบง่าย และเรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับสิ่งที่เจอ รวมถึงสิ่งที่ได้รับ
ทำให้เรามีประสบการณ์ในเรื่องของความอดทน การต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอุปสรรคต่างๆ และการที่เราเข้าป่าก็ทำให้ได้เจอสภาพสังคมทุกรูปแบบ ทั้งสังคมเมืองหรูหรา และสังคมในพื้นที่ธรรมชาติ นอนกับพื้นดิน คือมีตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 1 ล้าน เราเห็นทุกเลเวล
ตลอดระยะเวลา 25 ปีในการทำงาน ช่วงไหนที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิต
25 ปี เบญจเพสพอดี (ยิ้ม) ช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สุดในชีวิตน่าจะเป็นช่วงที่เริ่มจับงานภาพยนตร์กับงานละคร ช่วงอายุ 23-27 ปี ถือเป็นกราฟที่ขึ้นสูงมากๆ จำได้ว่าช่วงนั้นได้รางวัลจากการแสดงเยอะพอสมควร และตอนนั้นยังเป็นยุคแอนะล็อก (Analog) ยังมีแฟนๆส่งจดหมายมาหา มีข้าวของมาให้ แต่หลังจากนั้นพออายุ 28 ก็เริ่มทำรายการ เนวิเกเตอร์ แล้วก็ห่างจากวงการไปเลย
ตอนนี้แพสชั่นเรื่องการแสดงเปลี่ยนไปจากเดิมไหมคะ
ยังเหมือนเดิมครับ ยังรักงานแสดงอยู่ ถ้าวันนี้ต้องทำงานสักชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผมก็ยังคิดว่าต้องตั้งใจทำงานชิ้นนั้นให้ดีที่สุดในแบบที่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้าน ต้องตื่นเช้า หรือต้องทำงานหนัก ก็ยังจะทำเหมือนเดิม ไม่มีเกี่ยงว่าผมไม่ไหวแล้ว...แก่แล้ว ยังไม่มีอารมณ์แบบนั้น (หัวเราะ)
(มีต่อข้างล่าง)