เวลาไปนอนพักในโรงแรม รู้สึกเหมือนกันมั้ยว่าทำไม๊ทำไมถึงรู้สึกน่าเอนตัวลงไปนอนจังเลย เตียงก็นุ่ม การตกแต่งก็สวยงาม ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยเป๊ะทุกองศา 
พอกลับมาที่บ้านแล้วอยากตกแต่งห้องนอนของเราให้ได้ฟีลห้องพักในโรงแรมจัง แล้วจะเริ่มอย่างไรดีน๊า รอบรั้วชายคารวบรวมไอเดียมาฝากเช่นเคย เพิ่มเติมคือเติมความสบายให้กับห้องนอนทุกๆ วัน 

ถ้าอยากได้ที่นอนดูดวิญญาณเหมือนกับที่นอนในโรงแรมก็ต้องลงทุนกับเครื่องนอนกันหน่อย เลือกผ้าปูที่นอนคอตตอนที่มีความละเอียดในการทอ 250 เส้นด้ายต่อตารางเซนติเมตรขึ้นไป ผ้าที่มีความละเอียดในการทอมากก็จะเรียบเนียนมากขึ้นตาม เวลานอนให้ผิวสัมผัสสบายๆ  

ส่วนหมอนในโรงแรมส่วนมากใช้หมอนขนห่านมีความหนาแน่นอยู่ที่ 1,600 กรัมและหมอนใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์มีความหนาแน่นอยูที่ 1,100 กรัม หมอนขนห่านเมื่อกดลงไปแล้วจะค่อยคืนตัวไม่เหมือนกับหมอนใยสังเคราะห์ที่จะคืนตัวขึ้นมาไวกว่า ชอบหมอนแบบไหนก็เลือกแบบนั้นเลย  

เวลานอนในโรงแรมแล้วรู้สึกไม่รู้วันไม่รู้เวลาก็เพราะโรงแรมใช้ผ้าม่านทึบแสง (Blackout) สามารถบังแสงจากข้างนอกได้สนิท กลางวันเลยเหมือนกลางคืน 

เมื่อนำมาใช้นห้องนอนเลือกให้ผ้าม่านให้กลมกลืนกับสีห้อง ควรมีม่านโปร่งช่วยกรองแสงเวลากลางวันให้สบายตาและยังเพิ่มความเป็นส่วนตัว 

แสงไฟสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้ผ่อนคลายได้ ใช้แสงไฟ warm white ที่สะท้อนจากโคมไฟผ้าบุ หรือติดซ่อนไฟตามฝ้าเพดาน ใต้ชั้น ใต้เตียง เมื่อแสงสะท้อนกลับมาทำให้แสงสว่างกระจายได้ไม่มากและน้อยเกินไป 

ห้องพักในโรงแรมหรูจะมีของตกแต่ง 2-3 ชิ้นวางไว้ทำให้ห้องพักดูเด่นขึ้น นำมาเอาประยุกต์ใช้ในห้องนอนเรา

เลือกขอกตกแต่งที่ถูกใจจะได้รู้สึกดีเวลาตื่นเช้าในแต่ละวัน ทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็นออกแบบให้เหลือแต่ของใช้ที่ชอบไม่กี่ชิ้นก็พอ  

ห้องพักโรงแรมสะอาดเป็นระเบียบน่าเอนตัวลงนอนเพราะมี housekeeper ทำความสะอาด ส่วนห้องนอนของเราจะสะอาดได้ก็ต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น ตื่นนอนอย่าลืมตบหมอนให้กลับคืนรูป ดึงผ้าปูให้ดึง เก็บผ้าห่มให้เรียบร้อย เมื่อกลับเข้าบ้านตอนเย็น เห็นห้องนอนเรียบร้อย สะอาดตา เข้านอนได้สบายใจ

นำเอากระจกมาพิงกับผนังจะได้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนกับโรงแรมบูติก หรือจะทำเป็นบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่างห้องนอนและห้องน้ำเป็นโซนแต่งตัว กระจกเป็นเทคนิคที่โรงแรมชอบใช้ทำให้ห้องนอนดูกว้างกว่าเดิม     

โรงแรมแต่ละโรงแรมจะมีกลิ่นเฉพาะตัว สำหรับในห้องนอนเราก็สร้างกลิ่นได้เช่นกัน ตัวเลือกสร้างกลิ่นมีทั้งสเปร์ยปรับอากาศ เจลปรับอากาศ น้ำมันหอมระเหย น้ำหอมแบบก้านไม้ เลือกกลิ่นที่สร้างความผ่อนคลาย เช่น กลิ่นตะไคร้ กลิ่นดอก กระดังงา กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นคาโมมายล์ แล้วจัดวางในมุมของห้องนอน 

เมื่อสัมผัสด้วยกลิ่นแล้วก็ต้องสัมผัสด้วยตา งานศิลปะเพิ่มความพิเศษให้กับห้องนอน โรงแรมนำเอามาใช้ติดในห้องพักเพิ่มสไตล์ให้กับห้องพัก นำเอางานศิลปะมาใส่กรอบติดชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือจะจัดเรียงมีงานศิลปะหลายรูปติดไว้เป็นผนังแกลลอรีก็ได้ 

เลือกงานศิลปะให้เหมาะกับสไตล์ของห้อง งานศิลปะแนว abstract ทำให้ห้องดูโมเดิร์น รูปภาพขาวดำทำให้ห้องดูเท่ หรือจะติดภาพวิวทิวทัศน์เหมาะกับห้องเรียบง่าย รูปภาพบอกเล่าเรื่องราวนับพัน 

ห้องพักในโรงแรมนิยมปูพรมทำให้รู้สึกนุ่มเท้า สำหรับห้องนอนเราเองถ้าจะปูพรมทั่วห้องคงมีราคาแพงและดูแลรักษาลำบาก แนะนำให้เลือกวางพรม 3 ตำแหน่ง สอดไว้ใต้เตียง ข้างเตียง และปลายเตียง พรมนุ่มเพิ่มความอบอุ่นนุ่มสบายเท้าก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเตียง  

ห้องน้ำก็เป็นส่วนหนึ่งของห้องพักในโรงแรม ดูแลห้องน้ำให้สะอาด เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าไม่มีข้าวของวางเกะกะ หาตะกร้าเล็กมาใส่เครื่องใช้ในห้องน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำยาล้างมือ ผ้าเช็ดมือ กระดาษชำระ เพิ่มเติมเทียนหรือก้านกระจายความหอมเพื่อให้บรรยากาศเหมือนห้องน้ำในโรงแรม 
เอาล่ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับมาจากที่ไหนเหนื่อยๆ ได้เห็นห้องนอนสบายๆ ฟีลบรรยากาศแบบโรงแรมอย่างนี้ไม่ต้องเข้าพักในโรงแรมไหนแล้ว พักห้องนอนที่บ้านก็ได้เหมือนกัน 
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.thespruce.com/turn-your-bedroom-into-5-star-hotel-room-1976171
https://ppantip.com/topic/38293555